WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ความกังวลผลกระทบ Brexit กดดันตลาด
  คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้หลังจากนักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นถูก ทำให้ SET ปิดสวนทางหุ้นโลกเมื่อวาน แต่ผลกระทบ Brexit ยังกดดันตลาดการเงินทั่วโลกอย่างมาก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอังกฤษลงยิ่งกดดันค่าเงินปอนด์ ภาคการเงินและธุรกิจต่างๆ ของอังกฤษอีก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงส่งผลลบต่อหุ้นพลังงาน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นประเด็นย่อยส่วนมากและไม่มีข่าวกระตุ้นตลาด

หุ้นเด่นวันนี้ : SAWAD (ราคาปิด 38.75 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 57.00 บาท)
  บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในประเทศ โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) และค่า Beta ของหุ้นที่ต่ำเพียง 0.51 ซึ่งในส่วนของตลาดในประเทศ SAWAD ยังคงวางแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังที่จะเข้าถึงประชากรมากขึ้นโดยเฉพาะในตลาดที่ยังไม่มีใครเข้าถึง โดยที่บริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดครบ 2,000 สาขาในปีนี้ จาก 1,759 สาขา ณ ไตรมาส 1/59 อีกทั้ง เมื่อวานนี้มีข่าวล่าสุดจาก SAWAD ว่าบริษัทได้มีการซื้อหุ้นสามัญของ BFIT คิดเป็น 9.84% ของทุนชำระแล้วของ BFIT การลงทุนดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทในอนาคตได้ นอกเหนือจากตลาดในประเทศนี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ชื่อ บริษัท เอสดับบลิวพี เซอร์วิสเซส จำกัด เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการ ให้คำปรึกษา รวมถึงบริการสินเชื่อ

      สำหรับ ผู้ประกอบการด้านการขายแบบผ่อนชำระและสินเชื่อรายย่อย ซึ่งจะให้บริการทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทเริ่มให้บริการกับลูกค้ารายแรกในเมียนมาร์นับตั้งแต่เดือนนี้ จุดดังกล่าวนับเป็นก้าวแรกของบริษัทสู่ตลาด CLMV ซึ่งจะทำให้บริษัทมั่นใจว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมากในระยะยาว เราคาดการณ์กำไรของ SAWAD จะเติบโต 29.5% ในปี 59 และ 40.0% ในปี 60 Price Pattern ของ SAWAD ยังคงมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ แต่ยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal ดังนั้นในระยะสั้นจึงคาดหวังได้เห็นการฟื้นตัวของ SAWAD ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SAWAD มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 39.75 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 41.50 บาท ตามลำดับ โดย SAWAD มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 38 บาท (Resistance: 39.25, 39.75, 40.75; Support: 38.50, 38.00, 37.00)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
      ททท. มุ่งจับนักท่องเที่ยวจีนผ่านหลายกลยุทธ์ เช่น ความร่วมมือล่าสุดกับ Tencent holding และความร่วมมือกับ Baidu ที่เคยได้ประกาศก่อนหน้านี้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลจีนพึ่งได้อนุญาตให้สายการบินในประเทศเพิ่มเที่ยวบินในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยด้วย (Bangkok Post)
      กระตุ้นให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเร่งขยายการค้า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เรียกร้องให้รัฐบาลมีการปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายและพระราชบัญญัติต่างๆ หลายร้อยข้อที่เกี่ยวข้องกับการค้าเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเพื่อให้สามารถส่งเสริมการค้าและการลงทุนในประเทศได้มากขึ้น (Bangkok Post)
     SAWAD (38.75 บ., ซื้อ, 59 AWS TP 57.00 บ.) ประกาศวานนี้ว่าบริษัทได้มีการซื้อหุ้นสามัญของ BFIT (8.60 บ.) จำนวน 19.68 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.84% ของทุนชำระแล้วของ BFIT ซึ่ง SAWAD ซื้อหุ้นดังกล่าวในราคา 8 บาทต่อหุ้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 157.7 ล้านบาท โดยธุรกรรมดังกล่าวทำให้ SAWAD กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ BFIT จุดประสงค์การลงทุนนี้คือผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (SET) ความเห็น: ถึงแม้ว่า ณ ตอนนี้ยังไม่มีแผนการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าว แต่ SAWAD หวังว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายเพื่อเป็นบริษัทสินเชื่อแบบครบวงจรในอนาคตได้ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% YoY
TASCO: ผู้บริหารให้มุมมองว่าปริมาณขายในไตรมาส 2/59 อาจจะลดลงเล็กน้อย

       ในขณะที่ราคาขายยังไม่กระเตื้องขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายที่ชะลอตัวลงของประเทศในแถบอาเซียน แต่ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้นจากอินเดียและไทย (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)ความเห็น: เราคาดว่าปริมาณการขายในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ประมาณ 580,000 ตัน เทียบกับ 660,000 ตันในไตรมาส 2/58 ( -12% YoY) และต่ำกว่า 600,000 ตันในไตรมาส 1/59 ( -3.3%QoQ) นอกจากนี้เรายังคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ประมาณ 16% ในไตรมาส 2/59 ลดลงจาก 25% ในไตรมาส 1/59 ด้วย กำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท (ลดลงราว 16%) โดยผู้บริหารยังมั่นใจว่ายอดขายรวมทั้งปี 2559 จะเท่ากับ 2.6 ล้านตัน เพิ่มจาก 2.3 ล้านตัน ในปี 2558 ซึ่งหมายถึง TASCO ควรเพิ่มปริมาณการขาย ให้มากขึ้นกว่า 700,000 ตันต่อ ไตรมาส ในช่วง 2H59ในขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบลดลง 10% จากจุดสูงสุดในไตรมาส 2/59 ที่ 52.8 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ 8 มิ.ย. เป็น 47.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

     ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะลดภาระต้นทุนของ TASCO สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ในขณะที่ บริษัทเจรจาต่อรองกับผู้ขายน้ำมันดิบชนิดหนักในเวเนซุเอลา โดยขยายการทำสัญญาระยะยาวออกไปอีก 2 ปี เรา คงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 31.25 บาท โดยใช้ค่า PER ปี 2559 ที่ 11 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี ของ TASCO


ต่างประเทศ

     รัฐบาลอังกฤษในขณะนี้อยู่ในความระส่ำระสาย และประเทศสมาชิก EU ทั้งหมดนำโดยเยอรมนีตกลงกันว่าจะไม่เริ่มต้นเจรจาใด ๆ ก่อนอังกฤษเริ่มกระบวนการถอนตัวจาก EU อย่างเป็นทางการ (Reuters)
     เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 31 ปีเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันจันทร์ จากความกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาหลังจากอังกฤษตัดสินใจถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงเช่นกัน เงินปอนด์อยู่ที่ 1.3122 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 1985 และลดลง 11.7% จากราคาปิดวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีการลงประชามติ (Reuters)
      ตลาดพันธบัตรสหรัฐทะยานขึ้นเมื่อวันจันทร์ ด้วยผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนต่างแย่งกันลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากอังกฤษตัดสินใจถอนตัวจากสหภาพยุโรป ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดปรับตัวขึ้น 1-4/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.455% ลดลง 12 bps จากเมื่อวันศุกร์ ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ถูกบันทึกดิ่งลงมากที่สุดในช่วง 2 วันนับแต่เดือนพ.ย. 2011 (Reuters)


สหรัฐ :

      หุ้นสหรัฐร่วงอีกครั้งวันจันทร์ เพราะผิดคาดที่อังกฤษลงมติออกจาก EU สัปดาห์ที่แล้วยังคงกระทบตลาดโลกและทำให้นักลงทุนมุ่งหาสินทรัพย์ปลอดภัย สองวันนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ร่วงลงมากสุดในรอบราว 10 เดือน ดัชนี Nasdaq ร่วงกว่า 2% ท่ามกลางความกลัวว่าผลกระทบจากการลงมติของอังกฤษอาจกระทบการใช้จ่ายลงทุนภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ธนาคารก็ถูกกระทบอย่างแย่ที่สุดเพราะนักลงทุนลดโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาอันใกล้ (Reuters)


ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลง ซึ่งยังคงมีสาเหตุหลักมาจากการ Brexit ที่ส่งผลกระทบเชิงลบกับตลาดในวงกว้าง โดยเฉพาะกับหุ้นกลุ่มธ.พ. ที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มคาดว่าจะถูกกดดันจากดอกเบี้ยในระดับต่ำ สินเชื่อที่เติบโตต่ำ รวมไปถึงหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้หุ้นกลุ่มธ.พ. ได้ปรับตัวลงแรงเป็นวันที่สองติดต่อกันแล้ว (Reuters)
       S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจาก AAA ลงสู่ AA และยังรวมไปถึงอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สาธารณะที่ออกโดยธนาคารกลางอังกฤษจาก AAA ลงสู่ AA นอกจากนี้ยังให้แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษที่อยู่ในเชิงลบ เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ, สถานะการคลัง และบทบาทของปอนด์ในฐานะสกุลเงินในทุนสำรอง นอกจากนี้ S&P ยังระบุว่า การลงประชามติดังกล่าวในสหราชอาณาจักรที่ปรากฎว่า สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือลงมติอยู่ต่อใน EU ได้สร้างปัญหาในด้านรัฐธรรมนูญของอังกฤษ (Reuters)
เอเชีย :

      การตอบสนองของญี่ปุ่นต่อ Brexit: การโหวต Brexit ทำให้ BOJ มีแนวโน้มที่จะต้องผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้น ในการประชุม 28-29 ก.ค.นี้ ขณะที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแผนการใช้จ่ายสำหรับฤดูใบไม้ร่วงควบคู่กับการแทรกแซงค่าเงินเยนของรัฐบาลให้อ่อนค่าลงมา (Reuters)
นายกรัฐมนตรีจีน Li Keqiang (หลี่เค่อเฉียง) กล่าวในวันจันทร์ว่าเขามั่นใจว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลักในปี 2559 และเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ต้องเผชิญกับ Hard Landing โดยในการประชุม World Economic Forum (WEF) ทางตอนเหนือของเมืองเทียนจิน นายหลี่ กล่าวว่าจีนจะผลักดันการปฏิรูปทางการเงินและการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ไปข้างหน้าต่อไป (Reuters)
       ผลกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของจีน เพิ่มขึ้น 3.7 % YoY ในเดือนพฤษภาคม ชะลอลงจากเดือนเมษายน และเพิ่ม ความกังวลว่าเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจจะสูญเสียโมเมนตัมการเติบโตของกำไร โดยในไตรมาส 1/59 กำไรได้กลับมาเติบโตแข็งแกร่งในเดือนมีนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สร้างความหวังว่าเศรษฐกิจของจีนเติบโตขึ้นต่อไป แต่ต้องรอดูความมีเสถียรภาพ (Reuters)
เงินหยวนเทียบดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งเมื่อวันจันทร์ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยน (Midpoint) ให้อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมค่าเงิน หลังจากเกิดเหตุการณ์ Brexit ขึ้น (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

        ราคาน้ำมันลดลงเกือบ 3% วันจันทร์ Brent แตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่วิ่งขึ้นและความไม่แน่นอนที่เกิดจากการลงมติ Brexit คุกคามและลดความแข็งแกร่งของน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นในปีนี้ Brent ล่วงหน้าเดือนใกล้ปรับลง 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ (-2.6%) ปิดที่ 47.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ลดลง 1.31 ดอลลาร์สหรัฐ (-2.8%) ปิดที่ 46.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 1% วันจันทร์ อยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบสองปีที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์เพราะมีความไม่แน่นอนจากผลมติ Brexit ผลักดันให้นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้นไปถึง 1.5% แตะ 1,335.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพิ่มไป 0.7% ปิด 1,325.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาวิ่งไปแล้ว 8% ไปที่ 1,358.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในวันศุกร์ สูงสุดนับแต่ มี.ค. 57 ต่ำ (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094

 

 

  

loading...

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!