- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 June 2016 17:31
- Hits: 870
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ปรับลงยังมองเป็นโอกาสเลือกหุ้นซื้อ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวก!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดทำการ หลังอังกฤษเริ่มนับผลคะแนนโหวต Brexit ซึ่งมีท่าทีว่าจะเลือกออกจาก EU แต่หลังจากคะแนนเริ่มชัดเจนว่าผลโหวตเป็น Out ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ SET เริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น และสามารถพลิกกลับไปเป็นลบน้อยลงได้ในช่วงครึ่งวันหลัง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปจะปิดเป็นลบรุนแรง แต่ก็เป็นผลจากเรื่องของประชามติในอังกฤษ ซึ่งตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ได้ตอบรับข่าวนี้ไปมากแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา จึงทำให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเป็นลบไม่รุนแรงเท่า ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็น่าที่จะมีกรอบลบจำกัดมากขึ้นเช่นกัน โดยเรายังคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และหุ้นที่ได้รับผลบวก แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังกับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบด้วย (FSS ได้รวบรวมรายชื่อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบไว้ให้แล้ว) อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดหมายว่าช่วงที่ SET ปรับตัวลงจะมีแรงซื้อพยุงตลาดเข้ามาหนุนให้ดัชนีมีโอกาสพลิกกลับไปขยับขึ้นรอบใหม่ได้ และยังลุ้นโอกาสขึ้นหาระดับดัชนีตามพื้นฐานที่ 1500 จุดในช่วงถัดไปได้อยู่
กลยุทธ์ : ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อในช่วงตลาดอ่อนตัวลงได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกในช่วงถัดไป ค่อยพิจารณาหาจังหวะทำกำไรต่อไป
แนวรับ 1410-1403 , 1393-1390 จุด
แนวต้าน 1418-1422 , 1430-1438 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MC, WAVE, CBG(buy back)
Fund Flow วันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$507ล้าน ส่วนใหญ่ออกจากไต้หวัน US$412ล้าน เกาหลีใต้ US$51 ล้าน ส่วนไทยไหลออก US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ประเทศเดียว US$26ล้าน แนวโน้มเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลออกหลังผลการลงประชามติโหวตให้อังกฤษออกจากยูโรโซน เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางต่างๆซึ่งน่าจะมีประชุมพิเศษเพื่อประเมินผลกระทบ ขณะที่ IMF ระบุว่าธนาคารกลางต่างๆพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) การปรับฐานจะใช้เวลาไม่นาน การลงประชามติไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ต้องผ่านกระบวนการทางรัฐสภาอังกฤษให้การรับรองก่อน และนายกฯต้องประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนปี 2009 จึงถือว่าเริ่มนับหนึ่ง ขณะที่การประกาศลาออกของนายกฯ เดวิด คาเมรอน ทำให้กระบวนการยืดเวลาออกไป เพราะคาดว่ากว่าจะได้นายกฯคนใหม่อาจต้องรอถึง ต.ค. และแม้มีการใช้มาตรา 50 เพื่อเริ่มการเจรจา น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีและอาจถึง 5 ปีหรือนานกว่านั้นกว่าที่อังกฤษจะออกจาก EU ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีจำกัด แต่ตลาดหุ้นจะถูกกระทบทางอ้อมผ่านความผันผวนของค่าเงิน แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับฐานไม่นาน เพราะในข่าวร้ายที่ข่าวดี Fed อาจเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไป BOE, ECB, BOJ อาจมี QE เพิ่มเติม สภาพคล่องที่สูง ดอกเบี้ยที่ต่ำ และการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปอาจไม่คุ้มความเสี่ยง ทำให้สุดท้าย Flow จะไหลกลับเข้ามาในเอเชีย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ธุรกิจโรงแรม ถูกกระทบในทางลบ แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะปรับตัวได้ ขณะที่หุ้นที่ได้ผลบวกคือ BJC, SVI, THAI, TPIPL
(-) ส่งออกไทย -4.4% Y-Y เดือน พ.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตลาดหลักหดตัวลงหมดทั้งยุโรป ญี่ปุ่น จีน อาเซียน ยกเว้ยสหรัฐที่เพิ่มขึ้น แม้หักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและทองคำ ส่งออกกลับหดตัวมากขึ้นเป็น -4.8% Y-Y สินค้าที่หดตัวหนักได้แก่สินค้าเกษตร (ข้าว ยางพารา น้ำตาล) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ชิ้นส่วนยานยนต์เติบโต สำหรับยอดส่งออกรวม 5M16 -1.9% Y-Y หากส่งออกยังอยู่ระดับ US$1.7 หมื่นล้านต่อเดือนไปถึงสิ้นปี มูลค่าส่งออกของไทยปีนี้จะ -2% Y-Y แต่มีโอกาสเป็น +0% หากเร่งตัวให้ไม่ต่ำกว่า US$1.85 หมื่นล้านต่อเดือน
(+) ARROW ราคาหุ้นที่ปรับลง 13% ตั้งแต่ต้นเม.ย. จากความกังวลเรื่องราคาเหล็กที่ปรับสูงขึ้น แต่จริงๆแล้ว ARROW แทบไม่กระทบเพราะสต็อกวัตถุดิบล่วงหน้ากว่า 6 เดือน และสามารถปรับราคาขึ้นได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ความต้องการท่ออ่อนของกลุ่มสื่อสารยังเต็มกำลังการผลิต และท่อร้อยสายไฟส่งสัญญาณฟื้นตัวเร็วจนยอดพุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือน ทำให้ 2Q16 ที่ปกติเป็น Low season อาจลดลงเพียง 3-5% Q-Q แต่โต 15-17% Y-Y แนวโน้ม 2H16 จะยิ่งดีเพราะบริษัทลูกมี backlog กว่า 250 ล้านบาท กำไรปีนี้ที่เราคาด +8% Y-Y มีโอกาสต่ำไป ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 13 เท่า และคาด Dividend yield 5% ต่อปี ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท
(+) TACC เราคาดกำไร 2Q16 +17% Y-Y, +13% Q-Q เพราะ high season และได้เป็น Supplier เครื่องดื่มเย็นทั้ง 4 โถกดในร้าน 7-11 ส่วนเครื่องกดเครื่องดื่มอัตโนมัติแบบร้อนติดตั้งแล้ว 138 เครื่องจนถึงสิ้น พ.ค. คาดสิ้นปีนี้ติดได้ 750 เครื่อง ใน 2H16 จะมีรายได้เพิ่มจากการขายเครื่องเขียน เครื่องสำอาง สินค้าที่ไม่ใช่อาหารเป็นต้น โดยใช้ตัวการ์ตูน 5 ลายของ Sanrio ประเด็นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลที่ก.คลังจะสรุปสิ้นเดือนนี้ กระทบ TACC ไม่ถึง 1% ของยอดขาย ยังคงราคาพื้นฐาน 6 บาท แนะนำซื้อ
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกรืที่ผ่านมาดิ่งลงแรงจากความกังวลต่อผลกระทบหลังการทำประชามติของสหราชอาณาจักร เสียงส่วนใหญ่หนุนให้ออกจากยูโรโซน
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ดิ่งลง 7% หลังประชามติหนุนให้สหราชอาณาจักรออกจากยูโรโซน
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลงต่อในแดนลบต่อเนื่อง ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่บวกได้หลัง BoJ และรัฐบาลจะมีการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือและตอบรับเรื่องของ Brexit
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวผันผวนค่อนมาในทางอ่อนค่า ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.50 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงแรง 2.47 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย หลังเกิด Brexit
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งแรง 59.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,322.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างคับคั่งหลังประชาชนสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่สนับสนุนให้ออกจากยูโรโซน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ค.)
28 มิ.ย. - สหรัฐ: 1Q16GDP (ตัวเลขสุดท้าย), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
29 มิ.ย. - ไทย: ศาลรธน.วินิจฉัย ม.61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ขัดรธน.หรือไม่ (ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการออกความเห็น)
- สหรัฐ: รายได้ส่วนบุคคล (พ.ค.), Pending Home Sales (พ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
30 มิ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค.
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
1 ก.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ, อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ(มิ.ย.)
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (2Q16)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch
