- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 June 2016 18:45
- Hits: 1957
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'รอผลประชามติเรื่อง Brexit'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย (Underperform ตลาดภูมิภาค) โดย SET Index +0.67 จุดปิดที่ 1421.99 จุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดปรับขึ้นแรงไปก่อนในช่วงท้ายวันศุกร์ ขณะเดียวกันก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าอังกฤษจะออกจาก EU หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ติดตามกันทั่วโลกในสัปดาห์นี้ (ทำประชามติ 23 มิ.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.2 พันล้านบาท สถาบันในประเทศพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิ 700 กว่าล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิเล็กน้อย ด้านรายย่อยสวนขายสุทธิ 2.1 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นปรับขึ้น ค่าเงินปอนด์แข็งขึ้น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงในวันจันทร์ และทรงๆ ในเช้าวันนี้ หลังผลสำรวจในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมาระบุว่าสัดส่วนของผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อไปเพิ่มขึ้น และพบว่าบางโพลล์สัดส่วนที่หนุนให้อยู่ (IN) สูงกว่าหนุนให้ออก (OUT) สำหรับการประชุมกนง.วันที่ 22 มิ.ย.นี้ เราคาดว่าคณะกรรมการจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรอดูผลการทำประชามติเรื่อง Brexit ซึ่งมีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนก่อน ขณะเดียวกันการลดดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนได้มากนักเนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง & การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ต่ำเพียง 60% และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำก็ไม่ได้กดดันให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย กลยุทธ์ : ยังคงให้เลือกลงทุนเป็นรายบริษัท (Selective Play) โดยหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TASCO
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นกลางๆ การปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1430, 1440, 1450 จุด การอ่อนตัวมีแนวเด้ง 1400,1380 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบของตลาดและราคาหุ้น กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไร/ถือต่อตามค่าบวก หรือซื้ออ่อนตัวที่แนวเด้งของตลาด โดยเฉพาะหุ้น Big Cap ในกลุ่มหลัก
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ AP, CPN, JMART, MAJOR ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BCH, BJC, TMT, BTSGIF หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ CHG, KAMART, BWG, THANI, SYNEX หุ้นที่หลุด List ได้แก่ EASTW, KBS
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นรับผลโพลล์ที่คะแนนหนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อพลิกฟื้น
ดัชนี DJIA ปิด +129.71 จุด ดัชนี S&P500 ปิด +12.03 จุด ดัชนี NASDAQ ปิด +36.87 จุด เพราะได้แรงหนุนจากผลสำรวจของ YouGov ที่ระบุว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 44% สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่กับ EU ต่อไป ขณะที่ 43% สนับสนุนให้ออกจาก EU โดย YouGov ได้จัดทำการสำรวจดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ เดอะ เมล์ ที่จัดทำขึ้นในวันศุกร์และวันเสาร์พบว่า 45% สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ใน EU ต่อไป และ 42% สนับสนุนให้ออกจาก EU
+ ราคาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 49.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 50.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงหลังผลสำรวจในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมาระบุว่าสัดส่วนของผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อเพิ่มขึ้นและบางโพลล์สูงกว่าหนุนให้ออก
+/- ราคาทองคำ : อ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ระดับ 1,292.10 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนมีการขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับขึ้นมาราว 100 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่โอกาสที่อังกฤษจะออกจาก EU มีน้อยลง
+ อินเดีย : ให้ต่างชาติถือหุ้น 100% ในธุรกิจการบิน เวชภัณฑ์ และผลิตอาวุธป้องกันประเทศ
เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) รัฐบาลอินเดียประกาศเปิดเสรีการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) โดยอนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าถือหุ้นได้ 100% ในธุรกิจการบินเชิงพาณิชย์, เวชภัณฑ์ และผลิตอาวุธเพื่อป้องกันประเทศ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มการจ้างงานในอินเดีย ซึ่งก่อนหน้าอินเดียจำกัดการลงทุนโดยตรงในธุรกิจผลิตอาวุธที่ 49% แต่จะอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น 100% หากเป็นกรณีที่ทำให้อินเดียเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่
และผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ์สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการผลิตในอินเดีย รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกที่ได้รับการผ่อนคลายกฎเป็นเวลา 3 ปีและขยายเป็น 5 ปีได้ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย ซึ่งส่งผลให้บริษัทแอปเปิล อิงค์ สามารถเข้ามาเปิดร้านค้าปลีกในประเทศได้ รวมถึงอิเกียที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเฟอร์นิเจอร์ด้วย
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กนง.ประชุม 22 มิ.ย.นี้...คาดคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
การประชุมกนง.วันที่ 22 มิ.ย.นี้ คาดว่าธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนในตลาดเงินตลาดทุนเพราะเรื่อง Brexit ซึ่งจะมีการทำประชามติกันวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆขยับขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้เป็นประเด็นกดดันจนทำให้ต้องขยับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่หนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมากและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำของภาคอุตสาหกรรมที่ประมาณ 60% ทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนมากนัก ด้านค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มอ่อนลงในระยะกลาง-ยาวหากสหรัฐขยับขึ้นดอกเบี้ยซึ่งก็เป็นผลดีกับภาคส่งออกไทย โดยที่ไม่ต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับปัจจุบันถึงสิ้นปี 59 ถ้าไม่มีเหตุการณ์ Surprise รุนแรงเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก
+ BEM : มีโอกาสได้งานพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง
มีกระแสข่าวว่าทาง BEM ได้รับคำเชิญจากรฟม.ให้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ตลอดเส้นทาง โดยจะเสนอเรื่องให้บอร์ดตัดสินใจในเดือนก.ค.นี้
- THCOM : กังวลรัฐถึงไทยคม 7-8 กลับสู่ระบบสัมปทาน
รัฐบาลคสช.ถอยหลังเข้าคลอง จ่อดึง "ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8" ที่ให้ไลเซนส์กับ THCOM ไปแล้ว กลับเข้ามาสู่สัมปทานเดิม หวังรีดส่วนแบ่งรายได้ 20.5% หากบีบไม่ได้จะใช้วิธีแก้สัญญาเพิ่มค่าธรรมเนียมอีก คนในวงการจวกยับ ทำลายการเปิดเสรีโทรคมนาคม เชื่อมีวาระซ่อนเร้นหวังคุมสื่อดาวเทียม ผิดหวังบทบาทกสทช.ไร้จุดยืน ส่ออาการเสมือนรู้เห็นเป็นใจกับรัฐบาลไปแล้ว (หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น) นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่อง CTH ยกเลิกการออกอากาศ และยังมี Pay TV รายอื่นอีกที่อาจจะต้องออกจากธุรกิจอีก ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทลดลงอย่างน้อย 4-5%
+ SCB : เตรียมปล่อยสินเชื่อ 1.2 หมื่นล้านบาทให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ซื้อหุ้น AAV
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เตรียมปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มคิงเพาเวอร์มูลค่าราว 1.2 หมื่นล้านบาทเพื่อเข้าซื้อหุ้น AAV จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมและตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ แต่การเบิกใช้สินเชื่อจริงอาจไม่ถึง 1.2 หมื่นล้านบาทถ้าผู้ถือหุ้น AAV ไปขายเทนเดอร์ฯน้อย ซึ่งมีโอกาสเป็นเช่นนั้น เพราะราคาเทนเดอร์ฯที่ 4.20 บาทต่อหุ้นต่ำกว่าราคาตลาดและ BVS บริษัท ขณะที่แนวโน้มธุรกิจยังไปได้ดี สำหรับ DBSV ให้ราคาพื้นฐาน AAV ไว้ที่ 7.15 บาท (12-month target)
- DEMCO-RATCH เกิดเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้าห้วยบง 3
DEMCO และ RATCH แจ้งหยุดจ่ายไฟฟ้าจากกังหันลม 45 ต้นในโครงการห้วยบง 3 ขนาดกำลังการผลิตรวม 103.5 เมกะวัตต์ หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารควบคุมสถานีไฟฟ้า บริษัทระบุอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหายและสาเหตุของเพลิงไหม้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]