- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 June 2016 17:43
- Hits: 633
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อแล้วยังเน้นถือต่อได้ แต่ซื้อใหม่ยังน่ารอช่วงแกว่งอ่อนตัวดีกว่า...
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ SET ยังรีบาวด์ขึ้นแกว่งบวกต่อเนื่อง จากความหวังที่ว่าผลประชามติ Brexit จะออกมาให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อไป แต่ก็ต้องรอผลจริงในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ก่อน ทำให้ SET ยังผันผวนในกรอบจำกัด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจมากนักว่าผลประชามติ Brexit จะออกมาตามโพลล์ที่ระบุว่าอังกฤษมีแนวโน้มที่จะอยู่ใน EU ต่อไป จึงทำให้แม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปจะขยับบวกต่อได้ดี แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังมีลักษณะเปิดแกว่งตัวผันผวน โดยมีทั้งเป็นบวกและลบสลับ เพื่อรอความชัดเจนจากการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.นี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่กลับมาเคลื่อนไหวใกล้ๆ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ ก็น่าจะช่วยหนุนแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง ทำให้ FSS คาดว่า SET จะอยู่ในลักษณะแกว่งผันผวนแต่ยังทรงตัวได้ดีต่อไป ก่อนลุ้นจังหวะขยับบวกต่อเนื่องได้ในช่วงถัดไปตามคาดเดิม
กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET จะปรับพักตัวเพียงช่วงสั้น และมีกรอบลบค่อนข้างจำกัด ก่อนลุ้นแรงซื้อหนุนให้ตลาดสามารถแกว่งไต่ระดับกลับขึ้นไปหาระดับดัชนีตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้แถว 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป ดังนั้น SET ลบยังเลือกหุ้นซื้อ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไป
แนวรับ 1419-1417 , 1412-1410 จุด
แนวต้าน 1425-1430 , 1435-1438 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BLAND, JSP, IVL(short)
Fund Flow เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$181ล้าน นำโดยไต้หวัน US$147ล้าน และเกาหลีใต้ US$62ล้าน ส่วนไทยมีกระแสเงินทุนไหลเข้า US$33.5ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$68ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางผันผวน รอผลประชามติ Brexit ซึ่งผลโพลยังมีความไม่แน่นอนและอาจพลิกได้ ขณะที่โพลล่าสุดระบุฝ่าย IN มากกว่า OUT
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ผลสำรวจส่วนใหญ่ ให้อยู่ต่อ จากการสำรวจของ ORB เสียง Bremain เพิ่มขึ้นเป็น 53% ชนะเสียง Brexit ที่ 46% ส่วนโพลล์ของ YouGov พบว่า Bremain : Brexit เป็น 44 : 43 ชนะแต่ไม่ขาดลอย ความคลายกังวลของนักลงทุนยังเป็นเพียงระยะสั้น แต่ตลาดหุ้นและตลาดเงินจะยังผันผวนจนกว่าจะรู้ผล (ประมาณ 6am เวลาไทย)
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ยพรุ่งนี้ ที่ 1.50% (ไม่กระทบตลาด) เพื่อรอประเมินผลของ Brexit ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นในอัตราเร่งตามราคาน้ำมันและอาหาร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกใน 2H16 เพราะฐานราคาน้ำมันที่ต่ำในช่วง 2H15
(+) ติดตามการประชุมครม.วันนี้ คาดมีการพิจารณาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก 3.8 หมื่นล้านบาท สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ กว่า 9 หมื่นล้านบาท คาดนำเสนอครม. ก.ค.-ส.ค. และเปิดประมูล 4Q16
(+) เตรียมขายซองประมูลรถไฟฟ้า 3 สายเดือนหน้า รฟม.คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี 7.6 หมื่นล้านบาท เปิดขายซองประมูล 1 ก.ค. ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง จะขายซองประมูลสัปดาห์แรกของ ก.ค. หากมีการประมูล ไม่ได้เป็นผลดีเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมา แต่ดีไปถึงธุรกิจปลายน้ำคือวัสดุก่อสร้างทุกประเภท โดยเฉพาะเสาเข็มที่ต้องเสร็จก่อน
(+) KBANK และ BBL สินเชื่อเดือน พ.ค. โตเด่น +2.7 % M-M และ +1.8% M-M ตามลำดับ ซึ่งเซอร์ไพรส์เรา ทำให้สินเชื่องวด 5M16 ของ KBANK +2% YTD ส่วน BBL กลับมาเติบโต 1.6% YTD จากที่ติดลบมาตลอดทั้งปี เป็นสัญญาณว่าการปล่อยสินเชื่อในระยะต่อไปว่าเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ราคาหุ้นทั้งคู่ที่ลงมาสะท้อนผลกระทบจาก Promptpay แล้ว BBL มี PBV เพียง 0.8 เท่า แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 190 บาท ส่วน KBANK ราคาพื้นฐาน 194 บาท แนะนำซื้อ
(0) BIG เราปรับลดคำแนะนำจากซื้อ เป็นเก็งกำไร แม้จะปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4.70 บาทจากเดิม 4 บาทจากการปรับกำไรปี 2016-17 ขึ้น 15% และ 11% ทำให้กำไรปีนี้โต 79% Y-Y ปีหน้าโต 19% Y-Y แม้การเติบโตจะแรงขึ้นจากการขายกล้องและต่อยอดด้วยการรุกตลาดพิมพ์ภาพ แต่อัตราการเติบโตที่แรงที่สุดน่าจะอยู่ในปีนี้เท่านั้น
(-) THCOM ถูกกดดันจากข่าวที่กสทช.และรัฐบาลจะหารือเพื่อดึงดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 กลับสู่ระบบสัมปทานเพื่อให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 20.5% เช่นเดิมจนถึงปี 2021 (ระบบใบอนุญาตจ่ายค่าธรรมเนียม 5.25%) หรือทำสัญญาใหม่เพื่อให้จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มและให้ภาครัฐใช้บริการฟรี ในแง่ข้อกฎหมายเราไม่คิดว่าจะทำได้เนื่องจากใบอนุญาตที่ THCOM ได้รับถูกต้องและมาจากกฎหมายพรบ.กสทช. เว้นแต่เพียงว่ารัฐบาลจะใช้ ม.44 กรณีเลวร้ายสุดที่ต้องกลับไปจ่ายส่วนแบ่ง 20.5% จะทำให้กำไรสุทธิลดลงราว 8.5% หรือกรณีให้ภาครัฐใช้ดาวเทียมฟรีซึ่งปัจจุบัน TOT ใช้งาน IPSTAR อยู่ จะกระทบกำไรสุทธิราว 20% เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนจากความไม่แน่นอนด้าน Regulation สูงทำให้ประมาณการกำไรมี Downside จากปัจจุบันที่คาดโตเฉลี่ยเพียง 3% Y-Y ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้จากราคานั้นดิบที่พุ่งขึ้น รวมถึงนักลงทุนคลายความกังวลเรื่อง Brexit ลงหลังโพลล่าสุดระบุว่าสัดส่วนผู้สนับสนุนให้อยุ่ในยูโรโซนต่อมีสัดส่วนมากกว่า
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดพุ่งขึ้นแรงเฉลี่ยกว่า 3% จากโอกาสที่อังกฤษจะยังคงอยู่ในยูโรโซนมีมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเป็นอีกปัจจัยหนุน
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมหลังปรับขึ้นวานนี้ โดยตลาดยังคงอ่อนไหวต่อการลงประชามติ Brexit ในวันพฤหัสฯนี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวออกข้าง ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.18-35.25 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังโพลระบุว่าประชาชนหนุนให้อังกฤษอยู่ในยูโรโซนต่อ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรและเป็นบวกต่อราคาสินค้า Commodity
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลง 2.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,292.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเรื่อง Brexit ที่ลดลง ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22-มิ.ย. - ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในวัน Nuzul Al-quran
- ไทย: กนง. ประชุม (ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
23-มิ.ย. - อังกฤษ: Brexit
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มิ.ย.)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
24-มิ.ย. - ไทย: ดุลการค้า (พ.ค.)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ค.), U. of Mich. Sentiment (มิ.ย.)
27 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต (พ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch