- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 June 2016 17:51
- Hits: 4335
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'วิตก Brexit ผ่อนลง...แต่ก็ยังต้องจับตา'
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : SPALI 16%, PTTEP 13%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก / อ่อนตัวรอรับแนวเด้ง
Support Resistance Stop Loss
SET 1400,1380 1430,1440,1450 ค่าลบ
SET50 880,860 910,920,930 ค่าลบ
Technical Picks - Today THANI, CPN, SYNEX, PTG, BCH, HMPRO, KAMART, BRR
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ดีดตัวขึ้น ปิดตลาด SET Index +10.13 จุดที่ 1421.32 หลังผลโพลล์ออกมาว่าผู้ที่ต้องการให้อังกฤษอยู่ใน EU เพิ่มขึ้น ทำให้ความวิตกกังวลผ่อนคลายลง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 704 ล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือขายสุทธิแต่กลุ่มละไม่มาก
ทั้งนี้ การถูกยิงเสียชีวิตของนางโจ ค็อกซ์ ทำให้เสียงสนับสนุนกลุ่มที่ต้องการให้อังกฤษอยู่ใน EU ตีตื้นขึ้นมาก็จริง แต่นักลงทุนก็ยังมีความกังวลกับ Brexit และติดตามผลโพลล์ใกล้ชิดในต้นสัปดาห์นี้ (ผลโพลล์ล่าสุดใน Financial Times ระบุว่าสัดส่วนที่ให้อังกฤษอยู่ใน EU และออกจาก EU เท่ากันที่ 44%) โดยประชาชนอังกฤษจะมาลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.59 ซึ่งความไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนปรับพอร์ตด้วยการแบ่งขายหุ้นและทองคำออกไปบ้าง ทางด้าน IMF ออกมาระบุว่าถ้าอังกฤษออกจาก EU เศรษฐกิจมีโอกาสถดถอยในระยะสั้นแต่ก็จะปรับตัวได้ในระยะยาว สำหรับ DBSV Retail Research เห็นว่าโอกาสความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจาก EU มีน้อยลง เมื่อพิจารณาจากผลโพลล์ครั้งล่าสุดที่ออกมา และเงินปอนด์ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น แต่ก็ยังคงติดป้ายความเสี่ยงไว้สำหรับประเด็นนี้ ด้านปัจจัยในประเทศ ก็รอดูความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีความคาดหวังกันว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H59 กลุ่มอุตสาหกรรมเด่นเป็นท่องเที่ยว, อาหาร&ค้าปลีก, รับเหมา&วัสดุก่อสร้าง กลยุทธ์ : เลือกลงทุนเป็นรายบริษัท (Selective Play) โดยหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น KAMART
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1430, 1440, 1450 จุด การอ่อนตัวมีแนวเด้ง 1400,1380 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบของตลาดและราคาหุ้น กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไร/ถือต่อตามค่าบวก หรือซื้ออ่อนตัวที่แนวเด้งของตลาด โดยเฉพาะหุ้น Big Cap ในกลุ่มหลัก
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ BWG, THANI, TVO, SYNEX ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ EASTW, BCH, KBS, BJC, CHG, TMT, BTSGIF, KAMART หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ GLOBAL, CKP, AJD หุ้นที่หลุด List -ไม่มี-
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
อังกฤษ : คะแนนหนุนให้อยู่ใน EU ต่อขยับขึ้นหลังโจ ค็อกซ์ ถูกยิงเสียชีวิต
หลังจากที่นางโจ ค็อกซ์ ผู้สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในสหภาพยุโรป ได้ถูกยิงเสียชีวิต ประชาชนชาวอังกฤษจำนวนไม่น้อย 12-17% (แล้วแต่โพลล์) ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะโหวตให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่บางส่วนอาจตัดสินใจในสัปดาห์สุดท้ายก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.หนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อ ซึ่งผลโพลล์ล่าสุดใน Financial Times ระบุว่าสัดส่วนที่ผู้ตอบแบบสอบถามหนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ขึ้นมาเท่ากับที่ให้ออกจาก EU ที่ 44% ต่อ 44% แล้ว (จากก่อนหน้าที่สัดส่วนให้ออกมากกว่าประมาณ 1-2%) ขณะที่ผลโพลล์ของ YouGov ที่จัดทำขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 44% สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่กับ EU ต่อไป ขณะที่ 43% สนับสนุนให้ออกจาก EU
- IMF เตือนว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจถดถอยหากออกจาก EU
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกโรงเตือนอังกฤษว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหากถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย.นี้ โดยในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เศรษฐกิจอังกฤษอาจชะลอตัวลงอย่างมากในปี 59 ก่อนที่จะหดตัวลงอีก 0.8% ในปี 60 และเมื่อถึงปี 62 เศรษฐกิจอังกฤษอาจโตน้อยกว่าที่ควรจะเป็นถึง 5.6% ขณะที่อัตราว่างงานอาจทะยานขึ้นเหนือ 6% แต่ถ้ายังอยู่ใน EU ต่อ คาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะยังคงขยายตัวราว 2% ต่อปีในช่วงปี 59-64
- ญี่ปุ่น : ยอดส่งออกพ.ค.หดตัว 11.3%YoY
ยอดส่งออกเดือนพ.ค.ของญี่ปุ่นร่วงลง 11.3%YoY เนื่องจากอุปสงค์สินค้าส่งออกของญี่ปุ่นชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินเยนและเศรษฐกิจที่ซบเซาในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ส่วนยอดการนำเข้าหดตัว 13.8%YoY ยังผลให้ยอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 4.07 หมื่นล้านเยน (389.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังซบเซา และการส่งออกที่หดตัวเป็นเลขสองหลัก ทำให้ทางการญี่ปุ่นจะยังใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย และมีความเป็นไปได้ที่จะออกนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมรอบต่อไปในปลายเดือนก.ค.59 นอกจากนั้นถ้าอังกฤษออกจาก EU ก็จะทำให้ค่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์ ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของญี่ปุ่นไปสหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจัยนี้จะเป็นตัวเสริมให้ญี่ปุ่นต้องออกมาตรการเพิ่มเติม
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดอ่อนลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 57.94 จุด ดัชนี S&P500 อ่อนลง 6.77 จุด และดัชนี NASDAQ ร่วงลง 44.58 จุด นักลงทุนในตลาดระมัดระวังการซื้อขายก่อนประชาชนอังกฤษจะลงประชามติ Brexit ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
+ ราคาน้ำมันดิบ : รีบาวด์หลังค่าเงิน US$ อ่อนลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ทะยานขึ้น 1.77 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่ง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 49.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ แรงซื้อเก็งกำไร และความเชื่อของบางกลุ่มว่าอังกฤษจะไม่ออกจาก EU ทำให้ค่าเงิน US$ อ่อนค่าลง
+ ราคาทองคำ : ร่วงลงจากแรงขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ระดับ 1,294.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ราคาทองปรับตัวขึ้น 1.48%
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าและออกจาก SET50, SET100 และ SETHD รอบก.ค.-ธ.ค.59
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่จะใช้คำนวณดัชนี SET50 SET100 และ SETHD ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2559 (1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม) โดยดัชนี SET50 มีหลักทรัพย์ใหม่ 4 หลักทรัพย์ ดัชนี SET100 มีหลักทรัพย์ใหม่ 9 หลักทรัพย์ และดัชนี SETHD มีหลักทรัพย์ใหม่ 8 หลักทรัพย์
# หลักทรัพย์ใหม่สำหรับดัชนี SET50 จำนวน 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย BEM, GPSC, KCE, MTLS ส่วนหลักทรัพย์ที่หลุดออกไป คือ ITD, JAS, M, SCCC
# หลักทรัพย์ใหม่สำหรับดัชนี SET100 จำนวน 9 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย BCH, COM7, ERW, GLOBAL, IFEC, JWD, MTLS, TRC, TVO หลักทรัพย์ที่หลุดออก คือ EARTH, JAS, M, PLAT, SAMTEL, SCCC, SCN, TICON, UV
# หลักทรัพย์ใหม่สำหรับดัชนี SETHD จำนวน 8 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย ANAN, BJCHI, BLAND, KTC, STPI, TASCO, TTCL, TVO หลักทรัพย์ที่หลุดออกไปเป็น BEM, JAS, LH, PTT, PTTEP, SAMTEL, SCCC, TICON
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การเข้าและออกจากการคำนวณในดัชนี SET50, SET100 ใช้หลักเกณฑ์เรื่อง Market Cap และสภาพคล่องในการซื้อขายของหลักทรัพย์เป็นหลัก แต่ก็มีผลต่อการปรับพอร์ตของนักลงทุนที่ลงทุนอิงกับดัชนีดังกล่าว สำหรับหุ้นใน SET50 และ SET100 ที่เข้ามาคำนวณใหม่ที่ทาง DBSV ทำการวิเคราะห์และแนะนำซื้อ/ถือลงทุน คือ BEM (ราคาพื้นฐาน 6.40 บาท), KCE (ราคาพื้นฐาน 84 บาท), MTLS (ราคาพื้นฐาน 32 บาท), ERW (ราคาพื้นฐาน 5.70 บาท), TRC (ราคาพื้นฐาน 1.70 บาท)
ด้าน SETHD ให้น้ำหนักคัดเลือกจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเป็นสำคัญ ซึ่งหุ้นที่เข้ามาคำนวณใหม่และเราแนะนำซื้อ/ถือลงทุน คือ STPI (ราคาพื้นฐาน 13.10 บาท), TASCO (ราคาพื้นฐาน 30 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]