- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 June 2016 16:55
- Hits: 2538
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นปันผลสูงเป็นอีกทางเลือกที่ดี
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : PTTEP 20%, BA 16%, DTAC 14%, ADVANC 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่ตามค่าบวกหรือซื้ออ่อนตัวที่แนวรับ
Support Resistance Stop Loss
SET 1400,1380 1420-1430,1440 -
SET50 880,860 900-910,920 ค่าลบ
Technical Picks - Today TTCL, SEAFCO, CKP, KTP, FSMART, AJD, QTC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ร่วงแรง ปิดตลาด -23.70 จุดที่ 1411.19 ปัยจัยกดดันมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและกังวล Brexit ของอังกฤษ รวมถึงการลดลงของหุ้นกลุ่มแบงค์ ซึ่งหลายฝ่ายวิตกว่า Prompt Pay จะทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารลดลง แม้ธนาคารพาณิชย์กล่าวว่าจะส่งผลกระทบไม่มากเนื่องจากต้นทุนดำเนินการธุรกรรมการเงินก็ลดลงด้วยเช่นกัน สถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 3.2 พันล้านบาท พอร์ตบล.&ต่างชาติขายสุทธิเช่นกัน ด้านรายย่อยสวนซื้อสุทธิ 5.4 พันล้านบาท
ตลาดยังผันผวนไปตามปัจจัยเสี่ยงและไม่แน่นอน โดยในส่วนของ Brexit ต้องหยุดการรณรงค์หลังหนึ่งในผู้นำรณรงค์ให้อังกฤษยังคงเป็นสมาชิกของ EU คือ โจ ค็อกซ์ ถูกยิงจนเสียชีวิต แต่การทำประชามติยังคงเป็นไปตามแผนเดิมคือ 23 มิ.ย.นี้ ส่วนผลโพลล์ที่ทำในเดือนมิ.ย.พบว่าสัดส่วนที่อยากให้ออกจาก EU มีมากขึ้นและมากกว่าให้อยู่ต่อ ทางด้านสหรัฐ ก็รอฟังถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 21 มิ.ย. และต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 22 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าจะไม่แตกต่างจากถ้อยแถลงหลังประชุมเฟด 14-15 มิ.ย.ที่ผ่านมานัก ส่วนในประเทศ ยังรอลุ้นโครงการลงทุนภาครัฐที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะเข้ามามากขึ้นในช่วง 2H59 กลยุทธ์การลงทุน ยังคงเป็น Selective Play และเรายังคงชอบหุ้นอิงอุปสงค์ในประเทศ & CLMV+I ที่มีการเติบโตดีต่อเนื่อง/หรือธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และในวันนี้ได้มีบทวิเคราะห์แนะนำหุ้นปันผลสูงด้วย ได้แก่ TMT, กองทุนอสังหาริมทรัพย์/REIT/Infrastructure Fund สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TMT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ การรีบาวด์จะแนวต้านระยะสั้น 1420-1430, 1440 จุด การอ่อนตัวมีแนวเด้ง 1400,1380 จุด กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไร/ถือต่อตามค่าบวก หรือซื้ออ่อนตัวที่แนวเด้ง
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ CKP, AJD ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ EASTW, BCH, KBS, GLOBAL, BJC, CHG, TMT, BTSGIF, KAMART หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ SEAFCO, TTCL หุ้นที่หลุด List -ไม่มี-
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ อังกฤษ : ระงับการรณรงค์ Brexit ชั่วคราว…แต่ยังทำประชามติ 23 มิ.ย.ต่อไป
มีรายงานว่าฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านอังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้ประกาศระงับการรณรงค์ชั่วคราวเมื่อวานนี้หลังจากโจ ค็อกซ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรคแรงงานของอังกฤษได้ถูกยิงเสียชีวิต สื่อต่างประเทศระบุว่าค็อกซ์เป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงเป็นสมาชิก EU และการเสียชีวิตของค็อกซ์อาจทำให้ชาวอังกฤษเลือกที่จะอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ในการลงประชามติซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
สำหรับผลสำรวจล่าสุดของ Ipsos MORI พบว่าฝ่ายหนุนให้ออกจาก EU เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย Ipsos MORI ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,257 คนทั่วอังกฤษในระหว่างวันที่ 11-14 มิ.ย.59 พบว่าผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 51% ต้องการออกจาก EU ขณะที่ 49% ต้องการอยู่ใน EU แต่เมื่อคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีความต้องการลงทะเบียนและลงประชามติ มาพิจารณาพบว่า 53% ต้องการออกจาก EU ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ 47% ต้องการอยู่ใน EU
ส่วนผลการสำรวจของ Survation ล่าสุดในเดือนมิ.ย.59 บ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 45% ต้องการออกจาก EU ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากการสำรวจในวันที่ 25 พ.ค.59 และนำหน้าฝ่ายที่ต้องการอยู่ใน EU เป็นครั้งแรก ขณะที่ผู้ต้องการอยู่ใน EU มี 42% ลดลง 2% ขณะที่ 13% ยังไม่ได้ตัดสินใจ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์
ดัชนี DJIA ปิด +92.93 จุด หรือ +0.53% ดัชนี NASDAQ ปิด +9.99 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิด +6.49 จุด หรือ +0.31% เนื่องจากแรงกดดันเกี่ยวกับประเด็น Brexit ผ่อนคลายลงในระยะสั้น หลังหนึ่งในผู้นำรณรงค์สนับสนุนให้อังกฤษเป็นสมาชิก EU ต่อไป คือ โจ ค็อกซ์ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จึงมีการประกาศระงับการรณรงค์ชั่วคราว
สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนพ.ค.ขยับขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.2%MoM ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) +0.2%MoM ในเดือนพ.ค.เช่นกัน
สหรัฐ : สำหรับปัจจัยจับตาสัปดาห์หน้า
ในสัปดาห์หน้าจะมีแถลงการณ์ของประธานเฟดเกี่ยวกับนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 21 มิ.ย. และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 22 มิ.ย.
- ราคาน้ำมันดิบร่วงต่อกว่า 3%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบก.ค.ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 46.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.59 สำหรับ BRENT ส่งมอบส.ค.ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 47.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักลงทุนในตลาดน้ำมันกังวลว่าถ้าอังกฤษออกจากสมาชิก EU จะทำให้เศรษฐกิจอังกฤษและยุโรปชะลอตัวลง รวมทั้งตลาดการเงินจะผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังอุปสงค์น้ำมันด้วย นอกจากนั้นตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 แท่น สู่ระดับ 328 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
+ ราคาทองคำพุ่งขึ้นต่อ
ทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. +10.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,298.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐหลังเฟดปรับลดมุมมองทางบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ (โดยปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 59 ในการประชุม 14-15 มิ.ย.จาก 2.2% เป็น 2.0%) ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น ทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ตลาดมีความเสี่ยง/ไม่แน่นอน...กองทุนอสังหาริมทรัพย์/REIT/กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นทางเลือกที่ดี
ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้ทำการวิเคราะห์กองทุนอสังหาริมทรัพย์/REIT/กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน พบว่าขณะนี้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 6.0% แม้ว่าดัชนีกลุ่มฯจะปรับขึ้นแล้ว 9.5%YTD ก็ตาม โดยปัจจุบัน Yield ของกองทุนฯเฉลี่ยสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีอยู่ 388bps (ค่าเฉลี่ยในอดีต 338bps) และเราประเมินว่า Premium จะยังไม่เข้าใกล้ค่าเฉลี่ยอดีตในระยะเวลาอันสั้น ทาง DBSV ชอบกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มสื่อสาร, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารสำนักงาน พื้นที่ให้เช่า และโรงแรม โดยกองทุนฯที่โดดเด่นเป็น Top Picks คือ JASIF, DIF, CPTGF, CPNRF, WHART และ QHHR (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน Industry Guide วันนี้)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]