WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)

 

Technical highlights
SET Index : แนวรับสำคัญ 1410 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 1400
  ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1411.19 จุด ลดลง 23.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,764 ล้านาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1430 จุด มาปิดที่บริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1410 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย
  Daily: ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงมาปิดทีบริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1410 จุด ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นในรอบ 6 เดือน ถ้าหลุดจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1400 และ 1390 จุด แต่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1360 จุดจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1450 และ 1460 จุด
  กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1410 จุด น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1410 จุดลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 1400 และ 1390 จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม แนวต้านสำคัญ 1425-1430 จุด

Asia Fund Flow : 16 มิถุนายน 2559
  ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 1 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 271 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 1 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 7 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นไทย ขายสุทธิ 27 ล้านเหรียญ

Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
NETBAY สัญญาณซื้อค่อนข้างแข็งแกร่ง แนวรับสำคัญ 10.00 แนวต้าน 11.70 และ 13.00 11.00 / 10.50 11.70 / 12.00
ADVANC แนวรับ 155 เป็นจังหวะซื้อ แนวต้าน 160 และ 165 155 / 154 158 / 160
PTT ถ้าปิดต่ำกว่า 310 แนวโน้มลงทดสอบ 300 312 / 310 317 / 320
SCB รอซื้อเพิ่มที่บริเวณ 125 หลังจากหลุดแนวรับสำคัญ 134 ลงไป 132 / 130 134 / 135
PTTEP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 85.00 และ 88.00 แนวรับสำคัญ 79.00 80.50 / 80.00 82.00 / 83.00
KBANK ซื้อเพิ่มที่แนวรับ 162 แนวต้าน 168 162 / 161 164 / 165
BBL รอซื้อเพิ่มที่แนวรับ 155 แนวต้าน 162 158 / 156 160 / 162
SCC รอซื้อเพิ่มที่แนวรับสำคัญ 460 แนวต้าน 480 และ 490 464 / 460 474 / 478
IVL แนวโน้มลงทดสอบ 30.00 แนวต้าน 32.00 30.50 / 30.00 31.50 / 32.00
BANPU ซื้อที่แนวรับ 12.20 แนวต้าน 13.00 และ 13.50 12.20 / 12.00 12.80 / 13.00

Seafco (SEAFCO TB; THB 11.00) - ซื้อ
  แนวต้าน : 11.70 และ 12.00
  แนวรับ : 11.00 และ 10.80
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
  แนะนำซื้อ SEAFCO โดยมีแนวรับที่ 11.00 และ 10.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 11.70 และ 12.00 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 10.30 ลงไป

Grande Asset Hotels & Property (GRAND TB; THB 0.95) - ซื้อ
  แนวต้าน : 1.02 และ 1.05
  แนวรับ : 0.95 และ 0.93
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
  แนะนำซื้อ GRAND โดยมีแนวรับที่ 0.95 และ 0.93 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.02 และ 1.05 เป็นจุดขายทำกำไร STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.91 ลงไป

Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

SET...รีบาวน์ได้บ้างแต่ไม่มาก
  สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เทียบกับปี 2015 จะพบว่า ราคาน้ำมัน ฟื้นตัวมากที่สุดหลังลงไปแรงในปี 2015 ตามมาด้วย ราคาทองคำ ค่าเงินเยน ตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงินยูโร ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นที่ยังบวกติดต่อกันได้ 2 ปีติดต่อกัน มีเพียง ตลาดหุ้นสหรัฐ นอกนั้นปรับตัวลงหมด โดยเฉพาะตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นในยุโรปและตลาดหุ้นชายขอบ ส่วนตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกบวกแค่บางๆ
  ภาพที่เป็นอยู่ในตลาดหุ้นทั่วโลก จะฟื้นตัว ทรงตัวหรือปรับตัวลง ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ และอ้ตราการทำกำไรของแต่ละตลาด แต่ในช่วงสั้นๆ นี้ต่างมองกันว่าทิศทางดัชนีตลาดหุ้นโลก ยังอาจเผชิญกับความผันผวนได้ หลังประธาน FED ออกมาย้ำว่าจะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง แต่กลับลดเป้าหมาย GDp ในปีหน้าลง รวมทั้งผลประชามติในอังกฤษ นอกนั้นเป็นผลจาก ตลาดส่วนใหญ่เริ่มแพง
  การขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ภาพเหตุการณ์ภายนอกยังไม่นิ่ง ราคาน้ำมันค่อยๆ อ่อนตัวลง แรงซื้อต่างชาติยังต่ำ และตลาดกำลังขึ้นไปเทรดกันที่ค่า P/E เกือบสูงสุดในรอบ 15 ปี ทำให้เรามองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย มีกรอบการขึ้นจำกัด โดยสภาพการเทรดในตลาดที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นแบบหมุนกลุ่มเล่น โดยใช้หุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักมาพยุงตลาด (พลังงาน สื่อสารและธนาคารพาณิชย์) ลักษณะดังกล่าวจะทำได้ในช่วงสั้น หลังเกิดแรงขายหุ้นพลังงานออก เรามองว่าหากยังมีแรงขายหุ้นพลังงานจะส่งผลให้ดัชนี SET ลงต่อ เนื่องจากให้ค่าสหสัมพันธ์สูงมาก
  แรงหนุนที่แท้จริงที่จะทำให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ น่าจะเป็น อัตราการทำกำไรของตลาด(EPS growth) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 6-7% หากในครึ่งปีหลังสามารถขยายตัวมากกว่านี้ เป้าของดัชนี SET คงจะสูงกว่ากรอบ 1400-1430 จุด แต่ปัญหาอยู่ที่จะทำได้หรือเปล่า? เพราะหากมามองกลุ่มที่มีศักยภาพในการฟื้นตัว คือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ตอนนี้ดูเหมือนราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลง หากขึ้นไปได้ในกรอบ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล ในครึ่งปีหลัง กำไรของตลาดก็น่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตลาดหวังมากที่สุดว่าจะช่วยหนุนกำไรของตลาด แต่ดูเหมือนกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ อย่าง รับเหมา ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ราคาหุ้นยังนิ่งๆกันหมด สะท้อนให้เห้นถึงความกังวล เรื่องความล่าช้า
  เรามองว่าหากรอบนี้ดัชนีไม่เกิดการปรับฐาน การเล่นหุ้นจะลำบากขึ้น เนื่องจากกรอบการแกว่งจะแคบและลักษณะการเล่นจะเร็วมาก ดังนั้นจึงมองว่า ตลาดจะต้องมีการปรับฐานไปถึงระดับหนึ่งก่อน ส่วนการรีบาวน์ของตลาดหุ้นสหรัฐและค่าเงินปอนด์อังกฤษ เมื่อคืนนี้มาจากการหยุดทาโพลส์ชั่วคราวหลังสมาชิกรัฐสภาอังกฤษถูกยิงเสียชีวิต วันนี้มองดัชนี SET ยังผันผวนและเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ต่อ แต่ดัชนีอาจจะมีรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้างในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง โดยมองแนวต้านที่ 1416-1420 จุดและแนวรับที่ 1406-1402 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกาไรหุ้นใหญ่ที่ลงไปลึกมากกว่า 4% เมื่อวานนี้อย่าง ADVANC และ CPF

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)

Investment Strategy
  กลยุทธ์: แรงหนุนที่แท้จริงที่จะทำให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ น่าจะเป็น อัตราการทำกำไรของตลาด (EPS growth) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 6-7% หากในครึ่งปีหลังสามารถขยายตัวมากกว่านี้ เป้าของดัชนี SET คงจะสูงกว่ากรอบ 1400-1430 จุด แต่ปัญหาอยู่ที่จะทำได้หรือเปล่า? เพราะหากมามองกลุ่มที่มีศักยภาพในการฟื้นตัว คือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ตอนนี้ดูเหมือนราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลง หากขึ้นไปได้ในกรอบ 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล ในครึ่งปีหลัง กำไรของตลาดก็น่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตลาดหวังมากที่สุดว่าจะช่วยหนุนกำไรของตลาด แต่ดูเหมือนกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ อย่าง รับเหมา ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ราคาหุ้นยังนิ่งๆกันหมด สะท้อนให้เห้นถึงความกังวล เรื่องความล่าช้า เรามองว่าหากรอบนี้ดัชนีไม่เกิดการปรับฐาน การเล่นหุ้นจะลำบากขึ้น เนื่องจากกรอบการแกว่งจะแคบและลักษณะการเล่นจะเร็วมาก ดังนั้นจึงมองว่า ตลาดจะต้องมีการปรับฐานไปถึงระดับหนึ่งก่อน วันนี้มองดัชนี SET ยังผันผวนและเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ต่อ แต่ดัชนีอาจจะมีรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้างในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง โดยมองแนวต้านที่ 1416-1420 จุดและแนวรับที่ 1406-1402 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นใหญ่ที่ลงไปลึกมากกว่า 4% เมื่อวานนี้อย่าง ADVANC และ CPF

Themes play :
  EPG : เราแนะนำ ซื้อ EPG โดยมีราคาเป้าหมาย 16.75 บาท โดย EpG เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงติดต่อกัน 6 วันทำการรวม 5.02 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -9.8% มาปิดที่ 46.21 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ จากความกังวลว่าอังกฤษอาจจะต้องออกจากสหภาพยุโรป (EU) หากผลการทำประชามติ ในวันที่ 23 มิ.ย. ออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้อังกฤษออกจาก EU (Brexit) และการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ เบื้องต้นคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสหน้าจะฟื้นตัวกลับมา โดยธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% เพราะเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มตามกำลังการผลิตของโรงงาน Ford แห่งใหม่ ในขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เข้าสู่ช่วง High season ฤดูร้อน ส่วน AFC ยอดขายเข้าสู่ภาวะปกติ เบื้องต้นประเมินกำไรปกติที่ประมาณ 400 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการนำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ARK เข้าจดทะเบียน

ประเด็นในสัปดาห์
  17 มิ.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Housing Starts เดือนพ.ค. โดยตลาดคาด 1.163 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.172 ล้านยูนิต
  17 มิ.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Building Permits เดือนพ.ค. โดยตลาดคาด 1.148 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.116 ล้านยูนิต
  22 มิ.ย. : การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50%

Fundamental Stock :
  SAWAD : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 56 บาท)

Technical Pick:
  กลยุทธ์ : SET Index น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น
  Seafco (SEAFCO TB; THB 11.00) - ซื้อ
  Grande Asset Hotels & Property (GRAND TB; THB 0.95) - ซื้อ

SET Index : แนวรับสำคัญ 1410 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 1400
Retail Research Team

 

 

loading...

 

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!