- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 June 2016 16:38
- Hits: 517
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today's Report : DTAC, XO
Our Portfolio Jun 2016 : BKD, CK, CPALL, GPSC, SCC
SET ยังผันผวนและอ่อนตัวได้ จึงรอทยอยซื้อลบต่อ แต่ซื้อแล้วเน้นถือ!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET แกว่งตัวผันผวนบวก/ลบในกรอบแคบเกือบทั้งวัน แต่สุดท้ายยังมีแรงซื้อหนุนให้ขยับบวกได้ดีขึ้นในภาคบ่าย โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงสุดท้าย คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในเอเชียช่วงปิด เพื่อลุ้นผลประชุมเฟดในช่วงค่ำต่อไป
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนนี้ผลประชุมเฟดออกมาตามคาดคือยังคงดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่สร้างความกังวลให้กับตลาด หลังมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐปีนี้ลง รวมทั้งมีแรงกดดันจากการอ่อนแอของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ประเด็นเรื่องการลงประชามติเพื่อสนับสนุนการออกจาก EU ของอังกฤษในวันที่ 23 มิ.ย.ก็ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทำให้ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะปิดบวกได้ดี แต่ตลาดหุ้นสหรัฐกลับอ่อนแอลงต่อ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมาแกว่งลบอีกครั้ง หลังวานนี้มีจังหวะรีบาวด์เป็นบวกกันได้บ้าง ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิแกว่งผันผวนและย้อนลบได้อีก อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่า SET จะสามารถขยับขึ้นหาระดับดัชนีตามพื้นฐานของปีนี้ที่ 1500 จุดได้ในที่สุดจึงถือต่อได้
กลยุทธ์ : หลังจากแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมช่วง SET ลบไปแล้ว ถัดจากนี้แนะนำเน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อน ขณะที่ยังเลือกหุ้นซื้อต่อถ้าตลาดปรับลง
แนวรับ 1433-1430 , 1427-1425 จุด
แนวต้าน 1436-1438 , 1442-1446 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ACAP, CHEWA, SPALI(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$103ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$115ล้าน ตามด้วยไทย US$25ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$17.5ล้าน และฟิลิปปินส์ US$11.4 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกเพื่อรอการลงประชามติเรื่อง Brexit 23 มิ.ย. และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้นหลังการประชุม Fed เมื่อคืนนี้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) Fed ลดมุมมองเศรษฐกิจลง Fed คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25-0.50% แม้เป็นไปตามคาดแต่การปรับลด GDP ปีนี้จาก 2.2% เหลือ 2% และลดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 1.6% สิ้นปี 2017 (เดิม 1.9%) และ 2.4% สิ้นปี 2018 (เดิม 3%) สะท้อนมุมมองเศรษฐกิจที่แย่ลงโดย Brexit เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ ส่วน Dot plot (อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดการณ์โดยคณะกรรมการ Fed) ชี้ว่าคณะกรรมการ 6 ใน 7 ท่าเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้จะมีเพียง 1 ครั้ง ระยะนี้ตลาดให้น้ำหนักกับ Brexit มากสุดทำให้ดอลลาร์แข็งค่า กดดัน Bond yield ของสหรัฐปรับลงเหลือ 1.58% Bond yield เยอรมันและญี่ปุ่นติดลบ เรายังเชื่อว่า Domestic plays ยังลงทุนได้ แนะนำ BEM, CK, MINT, ERW, AAV, MTLS, THANI, CPALL, BTSGIF, JASIF
(+) โครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ช่วยลดต้นทุนแบงก์ ค่าธรรมเนียมการโอนเงินใหม่ 'พร้อมเพย์' (PromptPay) แม้จะลดลงเหลือ 0-10 บาทจากปัจจุบันที่เรียกเก็บ 10 บาท (ธนาคารเดียวกันข้ามเขต) และ 25-35 บาท (ต่างธนาคาร) แต่เชื่อว่ากระทบรายได้ค่าธรรมเนียมของแบงก์น้อยมาก เพราะปัจจุบันแบงก์ทั้งระบบมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการโอนเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท/ปี คิดเป็น 12% ของรายได้ค่าธรรมเนียมรวม และเพียง 2% ของรายได้รวม แม้รายได้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะหายไป แต่ต้นทุนในการรักษาเงินสดและใช้เช็คซึ่งมีจำนวนมากกว่าคือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท/ปี หายไปด้วย ผลสุทธิจึงเป็นบวกกับแบงก์ ยังไม่รวมถึงปริมาณธุรกรรมที่จะมากขึ้นในอนาคต เรายังคงชอบกลุ่มแบงก์เพียงแต่ปัจจัยหนุนระยะสั้นยังไม่มี จนกว่าจะเริ่มเห็นความต้องการสินเชื่อ หุ้นเด่นยังคงเป็น KBANK (ราคาพื้นฐาน 194 บาท) และ TISCO (ราคาพื้นฐาน 52 บาท)
(-) DTAC แนวโน้มกำไรยังย่ำแย่ เราคาดหดตัวถึง 42% Q-Q และ 53% Y-Y เหลือเพียง 687 ล้านบาทใน 2Q16 เพราะรายได้ยังไม่ฟื้น แต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นทั้งค่าเสื่อม ค่าใช้จ่ายโครงข่าย และค่าเครื่องมือถือที่แจกฟรีให้ลูกค้า Prepaid แนวโน้มกำไรใน 2H16 ยังน่าห่วงจากค่าการตลาดและการแจกเครื่องฟรีเพื่อรักษาฐานลูกค้า กำไรทั้งปีที่เราคาด -28% Y-Y เหลือ 4.18 พันล้านบาท มี downside และมีโอกาสสูงที่กำไรปีนี้จะ peak ไปแล้วใน 1Q16 ยังคงแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 30 บาทมีโอกาสปรับลง
(+) XO วานนี้เราได้เยี่ยมชมโรงงานใหม่แห่งที่ 2 ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ซึ่งมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว คาดก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 4Q16 เราปรับกำไรสุทธิปี 2016 ขึ้น 19% เป็น +45% Y-Y หลังบริษัทจัดการปัญหาความผันผวนของค่าเงินยูโร โดยเปลี่ยนสกุลเงินในการซื้อขายเป็นสกุลบาทและ USD มากขึ้น จนปัจจุบันมีการขายเป็นยูโรเหลือเพียง 5% จาก 72% ในปี 2014 กำไรปี 2017 จะดีต่อเนื่องหลังรับรู้กำลังการผลิตโรงงานใหม่เต็มปี ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 7.90 บาทตามกำไรที่ปรับขึ้นและปรับ PE ขึ้นเป็น 24 เท่า ใกล้เคียง PE เฉลี่ยของบริษัทที่ทำธุรกิจซอสทั่วโลก แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 มิ.ย. - ไทย: NETBAY เข้าเทรด (ราคา IPO 4 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
17 มิ.ย. - สหรัฐ: Housing Starts, Building permits (พ.ค.)
20 มิ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
21 มิ.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มิ.ย.)
22 มิ.ย. - ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในวัน Nuzul Al-quran
- ไทย: กนง. ประชุม (ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
23 มิ.ย. - อังกฤษ: ลงประชามติ Brexit
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในแดนลบแม้ FED จะคงอัตราดอกเบี้ย แต่มีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ขณะที่ปัจจัยที่นักลงทุนกังวลยังเป็นเรื่อง Brexit
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนรีบาวด์กลับมาปิดบวกได้หลังจากร่วงลงหลายวันก่อนหน้า โดยตลาดจับตาดูผลการประชุม FED ที่ออกมาหลังจากตลาดปิดทำการไปแล้ว
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวลดลงโดยนักลงทุนตอบรับเชิงลบต่อผลการประชุมและมุมมองของ FED
(0) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแข็งค่าขึ้นหลัง FED คงดอกเบี้ย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.10-35.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 0.48 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง FED ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้ลง รวมถึงความกังวลในประเด็นBrexit
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับขึ้น 0.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,288.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดปิดทำการก่อนที่จะทราบผลการประชุม FED ที่คงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้เช้านี้ราคาทองคำปรับตัวพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research