- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 June 2016 19:45
- Hits: 403
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังมีสิทธิปรับพักฐานก่อนขึ้นรอบใหม่ จึงรอทยอยซื้อลบต่อ...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นมาแกว่งด้านบวกได้ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพอควร เพราะเริ่มมีแรงซื้อหนุนในหุ้นกลุ่มแบงก์อีกครั้ง หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับลงมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น จึงทำให้มีแรงซื้อกลับบ้าง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบได้อีก เนื่องจากยังไม่ได้มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนเพิ่มเติม ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ไม่ได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่ยังแกว่งตัวด้านลบ เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐจากผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้ รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ก็ยังกดดันอยู่ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังอยู่ในช่วงอ่อนแอลง ในขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานบ้านเราขยับกันขึ้นมาพอควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดันเช่นกัน ทำให้เรายังคาดว่า SET มีสิทธิแกว่งลบต่อได้อีก แต่ก็มีลุ้นแกว่งในลักษณะทรงตัว เพื่อรอรอบรีบาวด์ได้อยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์ : เรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อสะสมในช่วง SET ลบดีกว่า และหลังจากซื้อแล้วยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบรีบาวด์จริงจังในช่วงหน้าต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องทำกำไรเร็วนัก
แนวรับ 1425-1420 , 1417-1412 จุด
แนวต้าน 1430-1432 , 1435-1438 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RP, FSMART, CBG(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$27 นำโดยไต้หวัน US$91ล้าน และอินโดนีเซีย US$54ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ US$109ล้าน และฟิลิปปินส์ US$6.6 ล้าน รวมถึงไทย US$2.1ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลออกจากภูมิภาคและไหลกลับสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดรอดูผลการลงประชามติเรื่อง Brexit
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) Domestic plays ที่ไม่ถูกกระทบจาก Brexit ยังน่าสนใจ ถ้าประชามติของชาวอังกฤษโหวต “ออก” จาก EU แต่การสิ้นสุดสมาชิกภาพจะใช้เวลา 2 ปีหลังแจ้งความจำนงอย่างเป็นทางการเพื่อให้เวลาทุกฝ่ายปรับตัวและเจรจาต่อรอง และมีโอกาสที่ Fed จะเลื่อนขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีกพักใหญ่ ECB อาจต้องเพิ่ม QE เพราะ Brexit กระทบเศรษฐกิจทั้งอังกฤษและยุโรปมากจนอาจถึงขั้นถดถอย ผลในระยะสั้นกรณี Brexit คือค่าเงินปอนด์และยูโรจะอ่อนค่ารุนแรง ดอลลาร์และเยนจะแข็งค่า ราคาหุ้นและโภคภัณฑ์ตก ทองคำขึ้น Bond yield ร่วงหนัก แต่ Domestic plays ที่อิงการฟื้นตัวของการลงทุนและท่องเที่ยวกระทบจำกัด แนะนำกลุ่มโรงแรม สายการบิน รีเทลไฟแนนซ์ รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง (BEM, CK, MINT, ERW, AAV, MTLS, THANI, CPALL, BTSGIF, JASIF)
(+) MSCI EM ยังไม่รวมหุ้นจีน A shares เข้าในการคำนวณในรอบนี้ จะพิจารณาใหม่ มิ.ย. 2017 เป็นข่าวดีของตลาดหุ้นใน EM ที่ยังไม่ถูกแย่งเม็ดเงิน
(+) TACC ราคาหุ้นปรับลงมาจนมี upside 4% จากเป้าหมายของเราที่ 6 บาท แม้ไม่มากนักแต่น่าจะเก็งกำไรได้เพราะกำไร 2Q16 ดีเพราะเข้าสู่ high season ช่วงที่เหลือของปียังดีจากรายได้โถกดที่ 3 (กาแฟลาเต้) การเติบโตของร้าน All Café และการขายเครื่องดื่มตามฤดูกาล (โถกดที่ 4) รวมถึงการส่งออกไปกัมพูชาที่ฟื้น และตั้งแต่ ส.ค. เป็นต้นไป จะรับรู้รายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์ Sanrio โดยมีสัญญา 5 เดือนถึง ม.ค. 2017 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มนี้ 40-50 ล้านบาท ส่วนการติดตั้งเครื่องดื่มโถกดแบบร้อนเป็นไปตามแผน คาดสิ้นปีนี้ติดตั้งได้ 750 เครื่องและ 1,000 เครื่องสิ้นปีหน้า
(+) FSMART มูลค่าการเติมเงินในช่วง 2 เดือนครึ่งของ 2Q16 เฉลี่ยอยู่ที่ 59 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 8-9% จากมูลค่าเฉลี่ยใน 1Q16 กำไรใน 2Q16 จึงยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น กำไรที่เราคาดทั้งปีนี้ +48% Y-Y มีความเป็นไปได้สูง และคาดปีหน้าโตต่อ +29% Y-Y ตามจำนวนตู้เติมเงินที่จะเพิ่มปีละ 23,000-24,000 ตู้ บริการใหม่หน้าตู้ใหม่ๆ เช่น “ฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารผ่านตู้บุญเติม” จะช่วยเพิ่ม Transaction ในอนาคต ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 17.70 บาท
(-) BANPU BANPU-W3 เทรดวันนี้มีมูลค่าประมาณ 8 บาท มีอายุเพียง 1 ปี ราคาใช้สิทธิ 5 บาท เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 1.29 หมื่นล้านบาท จะนำไปชำระหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงถึงปีละเกือบ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งคาดลดได้ปีละ 500 ล้านบาท แม้ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 1Q16 และคาดทั้งปีมีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาทจากโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 3 ที่เริ่มผลิตตั้งแต่ มี.ค. ทำให้ทั้ง 3 หน่วยผลิตเต็มไตรมาสใน 2Q16 แต่การเพิ่มทุนเท่าตัวทำให้ EPS ปีนี้มี dilution 50% PE ดูแพง 48 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าแล้วที่ 13 บาท และคาดว่า BANPU จะถูกนำออกจากการคำนวณ SET50 งวด 2H16 แนะขายลดความเสี่ยง
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดในแดนลบท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุม FED และการโหวต Brexit
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนยังปิดลบแรงต่อเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหากประชามติหนุนให้อังกฤษออกจากยูโรโซน
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดตลาดค่อนไปในแดนลบจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงถูกกดดัน
(-) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.27-35.40 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 0.39 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยตลาดกังวลต่อผลการลงประชามติ Brexit
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับขึ้น 1.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,288.10 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยนักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยจากแนวโน้มประชาชนที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากยุโรป
**ข้อมูลหุ้นที่ติด Cash Balance กรุณาดูรายละเอียดในหน้าถัดไป**
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 มิ.ย.
- ยูโรโซน:ดุลการค้า (เม.ย.)
16 มิ.ย.
- ไทย: NETBAY เข้าเทรด (ราคา IPO 4 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
17 มิ.ย.
- สหรัฐ: Housing Starts, Building permits (พ.ค.)
20 มิ.ย.
- ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
21 มิ.ย.
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (มิ.ย.)
22 มิ.ย.
- ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในวัน Nuzul Al-quran
- ไทย: กนง. ประชุม (ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch