- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 June 2016 16:55
- Hits: 678
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งลงต่อ ช่วงสั้นปัจจัยภายนอกเป็นลบ
KGI คาด SET วันจันทร์ลงต่อ (ศุกร์ที่แล้วดัชนีฯ ยังปรับลง ตามคาด) หุ้นใหญ่อาจปรับลงต่อตามปัจจัยภายนอกที่เป็นลบ i) ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังดอกเบี้ยพันธบัตรเยอรมันต่ำสุดครั้งใหม่ ii) ราคาน้ำมันลงต่อ 2.9% เมื่อวันศุกร์ หลังจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน กดดันหุ้นพลังงาน iii) ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันศุกร์ชี้ว่า 55% ของชาวอังกฤษ ต้องการออกจากสหภาพยุโรป โดยจะมีการหยั่งเสียงในวันที่ 23 มิ.ย. นอกจากนี้นักลงทุนอาจชะลอการซื้อขาย ก่อนอีเวนท์สำคัญในสัปดาห์นี้เช่น ผลประชุมเฟด 15 มิ.ย. (นักเศรษฐศาสตร์ KGI คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย) และการตัดสินใจของ MSCI ว่าจะนำหุ้นจีนเข้าคำนวณดัชนีฯ หรือไม่ ในวันที่ 14 มิ.ย. อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยในประเทศที่เป็นบวก ตามความหวังต่อกำลังซื้อภายในที่ดีขึ้นเป็นลำดับ คาดดัชนีฯ มีทางลงจำกัด และเรายังคงมุมมองว่าดัชนีฯ ที่ต่ำกว่า 1,420 จุด (current PE band 17 เท่า) น่าซื้อหุ้น เน้นหุ้นเชื่อมโยงการบริโภค ลงทุนภาครัฐฯ เป็นสำคัญ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
ซื้อ KTC*, TASCO* (PE < 10 เท่า + สตอรี่เด่น)
KTC* (เป้าพื้นฐาน 125 บาท) 1) PE 9.6 เท่า Dividend yield 4.7% 2) ราคาหุ้น Breakout แนวต้านกรอบ Sideway ที่ 90.5 บาท ประเมินมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ±95 บาท และถัดไปที่ ±98 บาท แนวรับ ±90 บาท 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปีนี้โต 16.6% YoY เป็น 2.4 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง (ได้ปรับ Credit rating เป็น A+ จาก A-) + การบริโภคในประเทศฟื้นตัว ... วันนี้ มีข่าวปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่ม จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ (นสพ ASTV ผู้จัดการรายวัน)
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 46.2 บาท) 1) PE 8 เท่า Dividend yield 3.4% 2) แม้ราคาหุ้นวันศุกร์อ่อนตัวลงหลุดแนวรับระยะสั้นที่ 26.5 บาท (คาดเป็นแรงขายทำกำไร) แต่รูปแบบราคารายสัปดาห์เครื่องชี้ MACD เริ่มปรับขึ้น (Bullish Divergence) ในภาพระยะกลางเป็นบวก แนะนำ “สะสม” 3) ฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/59 จะเติบโตราว 15 – 20% QoQ จากราคายางมะตอยที่ฟื้นตัว (ราคาขายในประเทศ +50% จากราคาเฉลี่ยในไตรมาส 1/59 และราคาขายต่างประเทศ +60% จากราคาเฉลี่ยในไตรมาส 1/59) ขณะที่ปริมาณขายคาดจะทรงตัว QoQ (และจะเข้าสู่ High Season ใน 2H โดยปกติปริมาณขาย 1H : 2H คิดเป็น 45% : 55%) และคาดสัญญาซื้อน้ำมันในราคาพิเศษ (ถูกกว่าราคาตลาดฯ) จะเป็นตัวหนุนอัตรากำไรให้ยังอยู่ในระดับที่สูง
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มการบริโภคในประเทศ และ ค้าปลีก ฝ่ายวิจัยฯคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่จะฟื้นตัวในช่วง 2H59 (ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และปัจจัยลบเรื่องภัยแล้งคลี่คลาย) แนะนำ “สะสม” หุ้นในกลุ่ม ค้าปลีก (CPALL*) การบริโภคในประเทศ (KTC*)
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (BEM*+CK*+SEAFCO และ BTS*+STEC*+PYLON) ประเด็นข่าว เตรียมขายซองประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย มิ.ย.นี้ เราประเมินเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มฯรับเหมาฯ โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มมีโอกาสที่จะประมูลเร็วที่สุดใน 3 สาย และหุ้นที่คาดเด่นในการประมูลสายสีส้มคือ BEM* + CK* และ SEAFCO
กลุ่มพลังงานทดแทน กกพ เปิดประมูล FiT โรงไฟฟ้าชีวมวล (ยื่น 15 – 30 มิ.ย.นี้ และประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติวันที่ 22 ก.ค.) 1) สำหรับประเด็นนี้เราประเมิน ECF และ FPI จะเด่นในด้านมีโอกาสเป็นม้ามืดในการประมูล ขณะที่ประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนสัญญา Adder เป็น FiT สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลเดิม (อัตรากำไรดีขึ้น) ซึ่งหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์คือ TPCH, UWC, IFEC 2) ประเด็นต่อเนื่องคือการเปิดใบอนุญาติโรงไฟฟ้าขยะ (ทั้งขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรม) หลังการประมูล FiT โรงไฟฟ้าชีวมวล หุ้นที่ได้ประโยชน์คือ BWG และ 3) และคาดจะต่อเนื่องด้วยการเปิดประมูล FiT พลังงานลม ในไตรมาส 4/59 หรือ อย่างช้า 1H60 โดยหุ้นที่มีการศึกษาพลังงานลมในมือและพร้อมสำหรับการประมูลคือ IFEC, SUPER, EA (พลังงานลมการแข่งขันประมูลจะต่ำ ทำให้โอกาสได้ PPA ค่อนข้างแน่นอน)
หุ้นมีข่าว
(+) มาตรการรัฐดันใช้จ่ายบัตรยอดเพิ่มหมื่นล.-บุคคลยังคุมเข้ม (ASTVผู้จัดการรายวัน) ธปท.เผยรัฐออกมาตรการกระตุ้นดันเครื่องชี้ธุรกิจบัตรเครดิตดีดตัวดีขึ้น ปริมาณการใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 1.17 หมื่นล้านบาท เฉพาะใช้จ่ายในประเทศหมื่นกว่าล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อและจำนวนบัตรเครดิตพุ่งต่อเนื่อง ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลยังคุมเข้ม
(- กลุ่มอสังหาฯ) จ่อรีดภาษีเพิ่มแนวรถไฟฟ้า คลังชูแนวคิด 'เก็บครั้งเดียว'-หวังดึงรายได้พัฒนาประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ) ราคาที่ดิน 10 เส้นทาง พุ่งนำรับโครงการรถไฟฟ้า คลัง เล็งเก็บเพิ่มภาษีที่ดินแนวรถไฟฟ้า-โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ แจงจะใช้ระบบ one shot หรือเก็บครั้งเดียว สกัดกลุ่มปั่นราคาที่ดิน หวังนำรายได้พัฒนาประเทศ ขณะที่ปรึกษาอสังหาฯ แจง รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ตัวแปรสำคัญดันราคาที่ดินพุ่งแรง บางทำเลมาก 5-8 เท่า
(0) กลุ่มนักลงทุนใหม่ QTC เทนเดอร์ฯสูงกว่าพีพี (ข่าวหุ้น) กลุ่มนักลงทุนใหม่ QTC เล็งทำเทนเดอร์ฯที่ราคา 7.75 บาท สูงกว่าราคาขาย PP แต่ต่ำกว่าราคากระดาน 10.90 บาท บิ๊กบอส QTC เผยจับมือ UAC ลุยโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 35 MW อยู่ระหว่างทำดิวดิลิเจนซ์ ย้ำรายได้ปีนี้ 1,200 ล้านบาท
(+) IFEC เดินหน้าธุรกิจพลังงาน ฟุ้ง “ดาราเทวี” พ้นแผนฟื้นฟู บุ๊คกำไรพิเศษ 740 ล้าน (ข่าวหุ้น) “IFEC” ฟุ้งยื่นศาลล้มละลายกลาง นำ “ดาราเทวี” พ้นแผนฟื้นฟูฯ เรียบร้อยแล้ว เตรียมบุ๊คกำไรปรับโครงสร้างหนี้ 740 ล้านบาทใน Q2 เดินหน้าธุรกิจโครงการพลังงานแสงอาทิตย์-พลังงานลม คาดครึ่งปีหลังกำลังผลิตเพิ่มมากกว่า 50 MW
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) แนะนำ “สะสม” ประเมินแนวต้านจิตวิทยาที่ 7.0 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้าน 7.8 บาท และแนวรับที่ 6.7 บาท … เตรียมนำ รร ดาราเทวี ออกจากแผนฟื้นฟูฯ (ปลดล๊อกการลงทุน + บันทึกกำไรพิเศษ) และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการพลังงานทดแทน คาดรู้ผลใน 1 – 2 เดือนนี้
SAPPE (เป้า Consensus 18.7 บาท) กลับยืนเหนือ 16 บาท ได้ แนะนำ “ถือ” รอขายที่แนวต้าน 17.7 บาท และ 19.1 บาท
BWG (เป้า Consensus 2.62 บาท) ราคาหุ้นอ่อนตัวลง หลุดแนวรับ 1.85 บาท คาดมีโอกาสอ่อนตัว แนะนำ “รอซื้อ” ที่แนวรับ ±1.7 บาท และประเมินกรอบราคาระยะกลางที่ 1.60 – 2.20 บาท (ถ้ายังไม่หลุด 1.60 บาท แนะนำ “ถือ”)
COM7 (เป้าเฉลี่ย Consensus 8.0 บาท, สูงสุด Consensus 9.0 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 8.25 บาท … ปลายปีนี้จะมีทั้ง iPhone 7 และ MacBook ใหม่ + คาดไตรมาส 2/59 เป็นจุดเริ่มต้นการโตแบบ Inorganic Growth
PACE (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ราคาหุ้น Break แนวต้าน 3.26 บาท ได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 3.5 บาท ... คาดไตรมาส 3/59 จะเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงาน (โครงการมหานครเริ่มโอนบางส่วนในไตรมาส 2/59)
สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน: ดัชนีฯ อาจอ่อนลงในช่วงสั้นหลังขึ้นถึงเป้าปี 59 เดิมที่ 1,440 และปัจจัยภายนอกเป็นลบมากขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่เรามองเป็นโอกาสดีในการซื้อ เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะเห็นปัจจัยภายนอกที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวของภาคการบริโภคและการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานของ SET ปีนี้และกลางปีหน้า เป็น 1,470 และ 1,570 ตามลำดับ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1432 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1432 จุด อาจกดราคาลงทดสอบแนวรับ 1416 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1432 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1432-1452 จุด
แนวรับวันนี้: 1426/1416 แนวต้านวันนี้: 1432/1444
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]