- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 June 2016 17:18
- Hits: 4313
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
กังวลประชามติอังกฤษออกจาก EU
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ตามหุ้นสหรัฐและยุโรปจากความกังวลเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษว่าจะออกจากสหภาพยุโรปและผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินทั้งหลาย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำไม่ว่าจะเป็นตั๋วเงินคลังสหรัฐ พันธบัตร เงินเยน สวิสฟรังส์และทองคำ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ส่วนใหญ่เป็นลบ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอีกในเดือน พ.ค. ภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาลน่าจะส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลที่เพิ่งฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำมาหลายปีและชาวไร่อ้อย ปัจจัยบวกมีประเด็นเดียวคือแนวโน้มปริมาณการค้าและการลงทุนของไทยในประเทศ CLMV ที่สดใส
หุ้นเด่นวันนี้ : EPG (ราคาปิด 13.20 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 16.00 บาท)
EPG รายงานกำไรสุทธิสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2558/59 (เม.ย. 58 – มี.ค. 59) พุ่งขึ้น 125% YoY โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานอันแข็งแกร่งจากทุกหน่วยธุรกิจผ่านการเติบโตของรายได้จากการขายอย่างโดดเด่น และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากผลของการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบลดลง ธุรกิจของบริษัทยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีเนื่องจากมีสิทธิบัตรในมือและนวัตกรรมใหม่เพิ่มเติมจากการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องรวมถึงการเจรจาควบรวมกิจการที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต แม้ราคาน้ำมันดิบโลกจะฟื้นตัวสูงขึ้น แต่เราเชื่อว่า EPG จะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงได้ เนื่องจากจะถูกชดเชยด้วยปัจจัยบวกจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานผลิตที่สูงขึ้น เราประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานปกติ ในปีนี้อยู่ที่ 21% YoY และในปีหน้าที่ 20% YoY บริษัทมีแนวโน้มที่สดใสจากสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยมี Net gearing ratio ที่ต่ำเพียง 0.2 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม ในส่วนของ Price Pattern ของ EPG ยังคงมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มหลักที่ยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยปัจจุบัน Price Pattern ของ EPG ยังคงเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal แม้ว่าจะเกิดแรงเทขายออกมาเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ Price Pattern ของ EPG ระยะสั้นเริ่มดูไม่ดี แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้ Price Pattern ของ EPG กลับมาเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่แต่อย่างใด มุมมองต่อ Price Pattern ของ EPG ที่ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นนั้น การปรับตัวลงระยะสั้นของ EPG ที่เกิดขึ้นจึงเป็นโอกาสในการเข้าทยอยเก็บอีกครั้งนั่นเอง โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EPG คาดว่ายังมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 13.60 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 14.00 บาท ตามลำดับ โดย EPG มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 12.70 บาท (แนวต้าน: 13.40, 13.70, 14.20; แนวรับ: 13.20, 13.00, 12.70)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่ำสุดในรอบ8เดือน ผลสำรวจของ ม.หอการค้าไทยวานนี้รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงสู่ 72.7 จุดในเดือน พ.ค. จาก 72.7 ในเม.ย. ซึ่งลดลงต่อเนื่อง 5 เดือน แตะจุดต่ำสุดในรอบ8เดือน. การลดลงนี้น่าจะเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาดการณ์ ภัยแล้งที่รุนแรง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำและภาคการส่งออกที่อ่อนแอ (Bangkok Post)
ความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีน้ำตาลในเครื่องดื่ม กรมสรรพสามิตคาดว่าจะสามารถตัดสินใจว่าจะจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบในระดับสูงหรือไม่ ภายในหนึ่งเดือน ปัจจุบัน ทางกรมยังศึกษาร่วมกับกระทรวงการคลังถึงปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มดังกล่าวที่จะเริ่มเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ปริมาณส่วนประกอบของน้ำตาลและประเภทเครื่องดื่มที่เข้าข่ายดังกล่าวควรถูกจัดเก็บภาษีและอาจกระทบต่อชาวไร่ผลิตน้ำตาลตามมา กล่าวโดยนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต (Bangkok Post)
กระตุ้นกิจกรรมระหว่างไทยและ CLMV รมว. กระทรวงพาณิชย์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ กล่าวว่าทางกระทรวงวางแผนจัดตั้งเครือข่ายเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุน โดยการนำธุรกิจชั้นนำของไทยไปสำรวจโอกาสในการค้าการลงทุนใน CLMV หลังทางกระทรวงได้เห็นช่องทางการเพิ่มศักยภาพกิจกรรมดังกล่าวในภูมิภาค ปัจจุบัน ทางกระทรวงมีสำนักงานพาณิชย์ในประเทศกลุ่ม CLMV เพื่อให้ข้อมูลด้านการค้าและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการไทยในการทำการตลาด การลงทุน กฎหมายและกฎระเบียบทางธุรกิจ รวมถึงช่วยจับคู่ทางธุรกิจ (The Nation)
NOK (8.00 บ.) วานนี้ได้ออกสโลแกนใหม่ “นกแอร์ส่งยิ้มทั่วเอเชีย” ฟื้นภาพลักษณ์ของสายการบินและสะท้อนเครือข่ายการบินที่กว้างขวางขึ้นหลังจากได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับอีกเจ็ดสายการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค หรือกลุ่ม Value Alliance (VA) ทำให้นกแอร์มีเครือข่ายการบินรวมพันธมิตรครอบคลุมกว่า 160 จุดหมายปลายทางใน 17 ฮับกับฝูงบิน 176 ลำที่ให้บริการในภูมิภาค NOK ยังมีแผนเปิดเส้นทางบินไปยังตอนใต้ของประเทศจีนในเดือน พ.ย. จากฐานการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่เดือนก.พ. เมื่อวันพฤหัส เนื่องจากราคาน้ำมันและหุ้นที่ปรับตัวลงและความกังวลเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษเพื่อออกจากสหภาพยุโรปทำให้มีความต้องการพันธบัตรมากขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้น 23/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.68% ต่ำสุดนับแต่วันที่ 24 ก.พ. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินสกุลหลักอื่น ๆ เมื่อวันพฤหัส โดยได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลงเกินคาดและยอดขายในภาคค้าส่งในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวที่กำลังชะลอตัวในไตรมาส 2/59 ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ดีดกลับจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันพุธ ล่าสุดปรับตัวขึ้น 0.5% อยู่ที่ 94.063 จุด ส่วนเงินเยนซึ่งนักลงทุนเลือกลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เทียบกับเงินยูโรและแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพฤหัส หลังจากขึ้นติดต่อกัน 3 วันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงและความกังวลทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นแบบ defensive และหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดีมากขึ้นรวมทั้งสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นพันธบัตร (Reuters)
จำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลงผิดคาดเมื่อสัปดาห์ก่อน ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงอยู่ในตลาดแรงงานแม้จะมีการชะลอตัวในการจ้างงานอย่างมากในเดือนก่อน จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานของรัฐเป็นครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 264,000 รายเมื่อสัปดาห์ก่อน ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 270,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายซึ่งแสดงถึงตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ติดต่อกัน 66 สัปดาห์แล้ว ยาวนานที่สุดนับแต่ปี 2516 (Reuters)
สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ว่าสินค้าคงคลังอาจเป็นตัวกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/59 สต็อกสินค้าคงคลังในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% สต็อกสินค้าคงคลังในเดือนมี.ค. มีการปรับตัวเลขเป็นเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.1% นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ก่อนหน้าว่าสต็อกสินค้าคลังในเดือนเม.ย. จะเพิ่มขึ้น 0.1% เนื่องจากสต็อกสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จะใช้เวลา 1.35 เดือนในการเคลียร์สต็อกสินค้า ลดลงจากระยะเวลา 1.36 เดือนในเดือนมี.ค. (Reuters)
เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 2.5% YoY ในไตรมาส 2/59 อิงจากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับยอดขายและสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ซึ่งเป็นประมาณการการเติบโตของจีดีพีเมื่อวันพฤหัสของเฟดสาขาแอตแลนต้า ตัวเลขประมาณการจีดีพีล่าสุดดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิมที่คำนวณไว้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เฟดสาขาแอตแลนต้ารายงานว่าจากตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังล่าสุด การฉุดลงของจีดีพีในไตรมาส 2/59 จากการลงทุนเกี่ยวกับสต็อกสินค้าลดลงอยู่ที่ 0.23 จุด (percentage point) จาก 0.27 จุด (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งยังคงถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน รวมไปถึงแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินยูโร การปรับตัวลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน และความกังวลของตลาดต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนของอังกฤษว่าจะออกจากกลุ่มยูโรโซนหรือไม่ (Reuters)
เอเชีย :
ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะไม่ออกกฎผ่อนคลายเพิ่มเติม: รองผู้ว่าการธนาคารชาติญี่ปุ่น Hiroshi Nakaso เตือนเรื่องความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและความอ่อนแอในการบริโภคภาคเอกชน ส่งสัญญาณให้ธนาคารกลางต้องเตรียมพร้อมขยายมาตรการกระตุ้นทางการเงินหากมีความจำเป็น (แต่ไม่ออกมาตรการเพิ่ม) เพื่อให้เงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมาย (Reuters)
จีนและไต้หวัน ตลาดการเงินปิดทำการในวันนี้สำหรับวันหยุดประจำชาติ (Tuen Ng Day) ตลาดจะกลับมา ซื้อขายวันที่ 13 มิถุนายน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันในวันพฤหัสปรับตัวลดลง สวนการบวกติดกันสามวันก่อนไปถึงจุดสูงสุดของปี เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้นักลงทุนขายทำกำไร แต่ยังคงมีความกังวลกับการก่อวินาศกรรมต่อสาธารณูปโภคน้ำมันของไนจีเรีย และความกังวลเรื่องความปลอดภัยอาจจะกระทบอุปทานโลกช่วยจำกัดการลดลงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 56 เซนต์ปิดที่ 51.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลดลง 67 เซนต์ปิดที่ 50.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำบวกต่อสู่จุดสูงสุดรอบสามสัปดาห์อีกครั้งในวันพฤหัส หนุนโดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ร่วงลง ตลาดหุ้นโลกและแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้นไปถึง 0.6% ปิด1,269.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังเคยขึ้นไป 0.8% สู่ 1,271.31 ดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดนับแต่ 18 พ.ค. ราคาทองคำล่วงหน้าลดลง 0.8% ไปปิดที่ 1,272.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331