บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily9-6-16

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Thursday, 09 June 2016 16:26; Hits: 784

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวยืนบวกเล็กน้อยก่อนที่จะแกว่งตัวลงเข้าสู่แดนลบ จากแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ อสังหาฯ ด้วยการทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1436.43 จุด ลดลง 5.99 จุด ก่อนภาคบ่ายมีแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขนส่งและสื่อสารกลับเข้ามาช่วยดันดัชนีขึ้นมายืนในแดนบวกได้อีกครั้ง พร้อมกับทำจุดสูงสุดของวันที่ 1446.46 จุด เพิ่มขึ้น 4.04 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 10.03 จุด สำหรับหุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ PTT, IVL, PTTEP, TASCO, AOT ก่อนที่ดัชนีจะทำปิดที่ 1445.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด (+0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 41,862 ล้านบาท

ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้มีทิศทางแกว่งตัวผันผวนโดยอ่อนตัวตั้งแต่เปิดตลาด ด้วยการทำจุดต่ำสุดที่ 1436 จุด ซึ่งเป็นการลงมาปิด Gap (1437-1440) แรกสนิท ขณะเดียวกันมีแรงซื้อกลับเข้ามาผลักดันดัชนีขึ้นมายืน 1440 จุดอีกครั้ง และทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1445 จุด ทำให้ภาพระยะสั้น(ภาพรายชม.)มีแนวโน้มขึ้นต่อได้แต่ในกรอบจำกัด 1450-1455 จุด ขณะที่ภาพหลักเรายังคงมองถึงความเสี่ยงของการพักตัวลงเช่นกันเนื่องจากอยู่บริเวณ Peak Zone อีกทั้งสัญญาณที่ Overbought โดยมีแนวรับ 1435-1430 จุด

กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวน-ดัชนีเดินหน้าต่อเน้นขาย
Support 1420 // 1400 // 1380 จุด Resistance 1440 // 1455-1460 จุด

พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected] บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (08 มิ.ย.) - SET Index ปิดตัวลงที่ 1,445.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด หรือ +0.22% มูลค่าการซื้อขาย 41,862.06 ล้านบาท ตลาดฯสามารถพลิกกลับเป็นบวกในช่วงก่อนปิดตลาดโดยคาดตลาดฯยังคงได้รับแรงหนุนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,005.05 จุด เพิ่มขึ้น 66.77 จุด หรือ +0.37%ตลาดฯได้รับแรงซื้อจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ลดลง -0.5% ปิดที่ 344.56 จุด จากที่เวิลด์แบงก์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
ราคาน้ำมันดิบ WTI (JUL) - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ +1.7% ปิดที่ 51.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกันระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงเช่นกัน
กลุ่มพลังงาน - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะเร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ทั้ง ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารายละ 2 แสนล้านบาท
กลุ่มรับเหมาฯ -รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการระบบขนส่งทางรางหลายโครงการในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมั่นใจว่ารถไฟทางรู่อีก 5 เส้นทางที่เหลือจะเปิดประมูลได้ทันภายในปี 59
ทิศทางตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นกำลังซึมซับข่าวในเรื่องการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และมีการสั่นไหวจากการโยกย้ายเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆอีกครั้ง หลังแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯและค่าเงินดอลล่าร์ที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำไปอีกพักใหญ่ๆ ซึ่งอาจดึงความสนใจออกจากตลาดหุ้นชั่วคราว เราจึงเห็นการบวกของดัชนีตลาดหุ้นแต่ละแห่งที่ต่อนข้างน้อย และสัปดาห์หน้ายังมีเรื่องการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่ถือว่ามีความสำคัญต่อตลาดรวมถึงทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต

............. ราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น เหนือ $50 เหรียญ เราประเมินกรอบใหม่ของราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ $51-55 เหรียญ เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของตลาดหุ้นในวันนี้ ขณะที่ปัจจัยลบของตลาด จะเป็นภาระภาษีเพิ่มจากการเก็บภาษีอาคาร-ที่ดิน ของหุ้นหลายๆตัว รวมทั้งระบบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เรามองเป็นตัวลดทอนกำไรของตลาดหุ้นลง (ประมาณ 4%)

........ แม้จะมี Fund Flow จากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ลงในตลาดพันธบัตร ทำให้ตลาดหุ้นยังขาดแรงซื้อ มีการขายทำกำไรเข้ามาให้เห็น เราประเมินดัชนีฯวันนี้ จึงปรับตัวขึ้นได้ แต่จะไม่มากหรือรุนแรง

....................... ปัจจัยที่จะมีผลต่อการซื้อขายในระหว่างวัน ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน (คาด 2.2% จากเดือนก่อน 2.3%) ถ้าเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด จะไม่ดีต่อตลาดหุ้น และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
กลยุทธ์การลงทุน แม้ตลาดจะมีข่าวบวกอยู่มาก แต่แรงซื้อในตลาดหุ้นมีค่อนข้างน้อย และกระจุกตัว กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในแบบ selective buy โดยหุ้นกลุ่มเด่นจะเป็น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มน้ำมัน (โรงกลั่นฯ+ผู้ผลิต) และหุ้นที่มี Dividend Yield สูง

......... หุ้นที่เราคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้ ได้แก่ PTTEP , CPALL

Stock in Focus
CFRESH : (ราคาปิด 7.50 บาท; ราคาที่เหมาะสมจาก IAA Consensus 10.30 บาท) เราประเมินว่า มีแนวโน้มที่ Q2/59 ผลการดำเนินงานของ CFRESH จะกลับมาเป็นบวก หลังจาก Q1/59 รายงานขาดทุนสุทธิ 28.27 ล้านบาท เป็นผลมาจากใน Q1/59 บริษัทฯมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 14.33 ล้านบาท และบริษัทฯย่อยได้มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนไว้ที่ 26.05 ล้านบาท ...... นอกจากนี้ เรามองว่า CFRSH เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลสูงถึง 6-7% ... ภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้ CFRESH คาดว่ารายได้ปี 2559 จะกลับมาเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่ชะลอตัว แม้ว่าราคากุ้งในปีนี้จะปรับตัวลดลงตามปริมาณกุ้งในตลาดที่มากขึ้น โดยบริษัทฯได้ปัจจัยหนุนจากออเดอร์ที่ทยอยเข้ามา ช่วยผลักดันให้ยอดส่งออกขยายตัวได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศอย่างสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่คาดว่าจะมีการขยายตัวได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีก่อนที่ยอดส่งออกไปสหรัฐฯเติบโตกว่า 40% และคาดว่าตลาดฝั่งยุโรปจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปีนี้ จากปัจจุบันที่กลุ่มลูกค้าเริ่มมีการส่งคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น คาดว่าจะทำให้มาร์จิ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 13-14% อีกทั้งบริษัทฯยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนลดลงหลังจากปรับโครงสร้างโรงงานใหม่โดยเหลือไว้เพียงฟาร์มกุ้ง

News Release :
3กองทุนสนใจSUPER เล็งเข้าถือหุ้นไตรมาส4 เตรียมโรดโชว์ Q4-ย้ำปีนี้เทิร์นอะราวด์
+ SUPER แย้มมีกองทุนในประเทศ-ต่างประเทศ 2-3 แห่งสนใจเข้าถือหุ้น คาดมีความชัดเจนหลังปิดงบไตรมาส 3 ซึ่งจะมีการจ่ายไฟฟ้าได้ตามเป้า และมีแผนการดำเนินงานชัดเจน การันตีปีนี้เทิร์นอะราวด์ เล็งเดินสายโรดโชว์ในไตรมาส 4 (ข่าวหุ้น)

JAS จ่ายค่าปรับ 200 ล้าน กระทบ EPS แค่ 2 สตางค์
+ "JAS" ไม่สะเทือน! โบรกฯประเมินบันทึกค่าปรับให้กสทช.กว่า 200 ล้านบาทเข้างบไตรมาส 2 กระทบ EPS แค่ 2 สตางค์เท่านั้น ย้ำคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท พร้อมจับตา 9-10 มิ.ย.นี้ เข้าโค้งสุดท้ายซื้อหุ้นคืน(ข่าวหุ้น)

บิวตี้เป้าใหม่ 7.80 บาท ปีนี้กำไรจ่อทะลุ 600 ล.
+"BEAUTY" อัพราคาเป้าหมายใหม่ 7.80 บาท โบรกฯมองบวกธุรกิจขาขึ้นเต็มสูบ-ออเดอร์ลูกค้าแน่น คาดกำไรปี 59 โตทะลุ 600 ล้านบาท การันตีพื้นฐานแกร่ง แนะนำ "ซื้อ" (ข่าวหุ้น)

EPG ลุ้นปีนี้กำไร เกิน 1.6 พันล้าน ซื้อเป้า 19 บาท
+ "EPG" แกร่ง คาดงบปี 60 (เม.ย. 59-มี.ค. 60) กำไรโตเกิน 1,600 ล้านบาท ผลบวกยอดขายแน่น-อัตรากำลังผลิตพุ่ง หนุนบริษัทเติบโต โบรกฯ การันตี "ซื้อ" ราคาเป้าหมายสูง 19 บาท(ข่าวหุ้น)

RICHY อัดแคมเปญ THE RICH@ สาทรฯ หวังกระตุ้นยอดขาย
+ "ริชี่ เพลซ 2002" อัดแคมเปญโครงการคอนโดฯ THE RICH @ สาทร-ตากสิน จอง 5,000 บาทฟรี! ทุกเงื่อนไข รับ Fully Furnished ผ่อนสบาย เริ่ม 22,000 บาท/เดือน "อาภา" มั่นใจก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560 ตามแผน(ข่าวหุ้น)

SAMTEL ครึ่งหลังร้อนแรง แบ็กล็อกวิ่งทะลุหมื่นล้าน
+ SAMTEL จ่อเซ็นงานใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ในสัปดาห์หน้า พร้อมจับตาครึ่งปีหลังฟื้นตัวแรง จ่อคว้างานใหญ่ 3.7 พันล้านบาท คาดรู้ผลช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ ดันแบ็กล็อกพุ่งทะลุ 1 หมื่นล้านบาท และมีงานรอประมูลอีกกว่า 1.85 หมื่นล้านบาท ในช่วงปลายปีเพิ่มอีก(ทันหุ้น)

คัดหุ้นน้ำดี'กลุ่มเหล็ก' AMC-PERMเด่นมีสตอรี่
+ โบรกชี้ "หุ้นกลุ่มเหล็ก" โชว์งบไตรมาส 2/2559 ร้อนแรงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังราคาเหล็กพุ่งไม่หยุด แถมครึ่งปีหลังขานรับโปรเจ็กต์รัฐหนุนออเดอร์พุ่งยาว 3 ปี คัดหุ้นพื้นฐานดี-มีสตอรี่เข้าพอร์ต AMC ปรับโครงสร้างธุรกิจ-รุกสินค้ามาร์จิ้นสูง-ส่อแววแจกวอร์แรนต์เพิ่มสภาพคล่องด้าน BSBC ต่ำบุ๊ก-ผ่านจุดต่ำสุด, PERM ล้างขาดทุน-ปันผล, PAP ออเดอร์ล้น(ทันหุ้น)

'SYNEX'ควง'AIT-MFEC' รุกขยายโครงสร้างไอทีรัฐ
+SYNEX จับมือ AIT-MFEC ร่วมประมูลโครงการไอทีภาครัฐ เหตุครึ่งปีหลังรัฐเข็นงบประมาณปูทางโครงสร้างไอทีให้เป็นวาระแห่งชาติแย้มผนึก "Huawei" หนุนยอดขายโตกระฉูด แถมภาษีดีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไต้หวัน หนุนรับงานระบบโลก โบรกชี้ไฮซีซันดันผลงานงบ Q2/2559 ร้อนแรงส่อแววทั้งปี 2559 กำไรโตเร้าใจ 500 ล้านบาท พิกัดราคาเกิน 10 บาท(ทันหุ้น)

'IHL'เร่งเครื่องธุรกิจใหม่ อัพมาร์จิ้นทะยาน 50%
+ IHL มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น หลังเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตโปรตีนเข้ามาตั้งแต่ Q3/2559 คาดปีแรกสร้างรายได้ราว 50 ล้านบาท ก่อนรับรู้รายได้เต็มปีมากกว่า 100 ล้านบาทตั้งแต่ปีหน้าพร้อมโชว์จุดเด่นจากมาร์จิ้นที่สูงกว่า 50% จากดีมานด์ของตลาดที่สูงและต้นทุนผลิตต่ำฟันธงรายได้ปี 2559 ได้ตามเป้า 2.5 พันล้านบาท เติบโตกว่า 10% (ทันหุ้น)