WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET เริ่มมีจังหวะย้อนลบให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มแล้ว!!

 ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET ขยับบวกต่อในช่วงครึ่งวันแรกตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ภาคบ่ายยังมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ปรับย้อนลบอีกครั้ง หลัง SET ขยับบวกต่อเนื่องขึ้นมาพอควรแล้ว และยังขาดปัจจัยบวกใหม่หนุน
  แนวโน้มวันนี้ : คาดว่า SET มีสิทธิแกว่งพักตัวลงต่อได้อีก ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดบวก ตามตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดบวกได้ดีถึงกว่า 1% เป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มมีแรงขายกดดันในช่วงก่อนปิด ทำให้ลดช่วงบวกลงมาจากกว่า 80 จุดเหลือปิดบวกเพียงไม่ถึง 18 จุด หลังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังผันผวนและมีจังหวะย้อนลบให้เห็นในช่วงก่อน SET เปิดด้วย
  กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET จะพักตัวลงเพื่อสร้างฐาน ก่อนกลับไปแกว่งบวกขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้ที่ 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดยังมีมาก ดังนั้นตลาดอ่อนตัวลงจึงแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อสะสมต่อได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ต่อไป


  แนวรับ 1440-1436, 1430-1426 จุด
  แนวต้าน 1444-1446 , 1450-1452 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : ERW, SCN, CBG(short)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$886 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$494 ล้าน และเกาหลีใต้ US$238 ล้าน ขณะที่ไทยไหลเข้า US$51 ล้าน ใกล้เคียงกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลเข้าตลาดลดความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อ

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) Valuations ที่ถูก หนุน Flow ไหลเข้าตลาด EM ตลาดหุ้นใน EM ที่ปรับขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดอื่นโดย +0.9% (ตลาด DM +0.5%) หลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ มีแนวโน้มที่ Fund flow จะไหลเข้าต่อเพราะ PE ที่ยังถูกเพียง 12 เท่า เทียบตลาด DM ที่อยู่ที่ 15 เท่า สำหรับ SET ปรับขึ้นเพียง 0.4% ขณะที่ตลาดในเอเชียปรับขึ้นเฉลี่ย 1.3% แม้ตลาดหุ้นไทยจะมี Forward PE 15 เท่า แพงกว่าภูมิภาคที่ 14 เท่า แต่ถูกสุดในกลุ่ม TIP ตลาดหุ้นไทยจึงน่าจะได้รับอานิสงส์จาก Flow ต่อเนื่องจากแรงซื้อของต่างชาติที่เข้ามาอย่างชัดเจน (+8.75 พันล้านบาท MTD) ทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว 1.5% Bond yield อายุ 2 ปีกลับลงไปต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.466% หุ้นที่นำตลาดยังคงน่าจะเป็นหุ้น Big cap.
  (+) น้ำมันปิดเหนือ US$50 หนุนโดยสต็อกที่ลดลง ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากคาดการณ์สต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯที่จะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ความกังวลเรื่อง Supply disruption ที่ไนจีเรียมีเหตุการณ์ความไม่สงบ และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หนุนราคาน้ำมัน +1.5% ปิดบวกเหนือ US$50/บาร์เรล สร้าง Sentiment เชิงบวกแก่หุ้นกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, PTTGC)
  (0) ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินที่ครม.อนุมัติวานนี้เป็นลบกับกลุ่มอสังหาฯในช่วงแรก ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนเพิ่มสำหรับที่ดินที่รอการพัฒนาที่อายุไม่เกิน 3 ปีที่ 0.05% ส่วนภาษีที่จะเก็บกับบ้านหลังที่ 2 อัตรา 0.03-0.3% อาจกระทบ Demand ของผู้ประกอบการคอนโด (LPN, SPLAI, PS, SIRI, AP) ที่ลูกค้าซื้อมาปล่อยเช่า แต่การเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าไม่เกิน 5% จะช่วยให้เจ้าของที่ปล่อย supply ที่ดินใหม่เข้ามาเพิ่ม ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นช้าลง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังอยู่ที่กำลังซื้อที่หดหายซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวลมากกว่า

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารและสุขภาพปรับตัวลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้โดยตลาดตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยคำแถลงของประธาน FED รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
(+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่ออีกเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.18-35.22 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.67 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง รวมถึงอุปทานที่คาดว่าถูกกระทบจากการถูกโจมตีในไนจีเรีย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลง 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,247.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากพุ่งขึ้นในช่วง 2 วันก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดหวังว่า FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
10 มิ.ย. - ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่างและ Dragon Boat
12 มิ.ย. - จีน: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
14-15 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
14 มิ.ย. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
15 มิ.ย. - ยูโรโซน: ดุลการค้า (เม.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon  Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
คาด SET เริ่มมีจังหวะย้อนลบให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มแล้ว!!
 
  ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET ขยับบวกต่อในช่วงครึ่งวันแรกตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ภาคบ่ายยังมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ปรับย้อนลบอีกครั้ง หลัง SET ขยับบวกต่อเนื่องขึ้นมาพอควรแล้ว และยังขาดปัจจัยบวกใหม่หนุน 
  แนวโน้มวันนี้ : คาดว่า SET มีสิทธิแกว่งพักตัวลงต่อได้อีก ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดบวก ตามตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดบวกได้ดีถึงกว่า 1% เป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มมีแรงขายกดดันในช่วงก่อนปิด ทำให้ลดช่วงบวกลงมาจากกว่า 80 จุดเหลือปิดบวกเพียงไม่ถึง 18 จุด หลังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังผันผวนและมีจังหวะย้อนลบให้เห็นในช่วงก่อน SET เปิดด้วย 
  กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET จะพักตัวลงเพื่อสร้างฐาน ก่อนกลับไปแกว่งบวกขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้ที่ 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดยังมีมาก ดังนั้นตลาดอ่อนตัวลงจึงแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อสะสมต่อได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ต่อไป
  แนวรับ  1440-1436, 1430-1426 จุด  
  แนวต้าน  1444-1446 , 1450-1452 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : ERW, SCN, CBG(short)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$886 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$494 ล้าน และเกาหลีใต้ US$238 ล้าน ขณะที่ไทยไหลเข้า US$51 ล้าน ใกล้เคียงกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลเข้าตลาดลดความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อ
 
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) Valuations ที่ถูก หนุน Flow ไหลเข้าตลาด EM ตลาดหุ้นใน EM ที่ปรับขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดอื่นโดย +0.9% (ตลาด DM +0.5%) หลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ มีแนวโน้มที่ Fund flow จะไหลเข้าต่อเพราะ PE ที่ยังถูกเพียง 12 เท่า เทียบตลาด DM ที่อยู่ที่ 15 เท่า สำหรับ SET ปรับขึ้นเพียง 0.4% ขณะที่ตลาดในเอเชียปรับขึ้นเฉลี่ย 1.3% แม้ตลาดหุ้นไทยจะมี Forward PE 15 เท่า แพงกว่าภูมิภาคที่ 14 เท่า แต่ถูกสุดในกลุ่ม TIP ตลาดหุ้นไทยจึงน่าจะได้รับอานิสงส์จาก Flow ต่อเนื่องจากแรงซื้อของต่างชาติที่เข้ามาอย่างชัดเจน (+8.75 พันล้านบาท MTD) ทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว 1.5% Bond yield อายุ 2 ปีกลับลงไปต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.466% หุ้นที่นำตลาดยังคงน่าจะเป็นหุ้น Big cap. 
  (+) น้ำมันปิดเหนือ US$50 หนุนโดยสต็อกที่ลดลง ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากคาดการณ์สต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯที่จะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ความกังวลเรื่อง Supply disruption ที่ไนจีเรียมีเหตุการณ์ความไม่สงบ และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หนุนราคาน้ำมัน +1.5% ปิดบวกเหนือ US$50/บาร์เรล สร้าง Sentiment เชิงบวกแก่หุ้นกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, PTTGC)
  (0) ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินที่ครม.อนุมัติวานนี้เป็นลบกับกลุ่มอสังหาฯในช่วงแรก ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนเพิ่มสำหรับที่ดินที่รอการพัฒนาที่อายุไม่เกิน 3 ปีที่ 0.05% ส่วนภาษีที่จะเก็บกับบ้านหลังที่ 2 อัตรา 0.03-0.3% อาจกระทบ Demand ของผู้ประกอบการคอนโด (LPN, SPLAI, PS, SIRI, AP) ที่ลูกค้าซื้อมาปล่อยเช่า แต่การเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าไม่เกิน 5% จะช่วยให้เจ้าของที่ปล่อย supply ที่ดินใหม่เข้ามาเพิ่ม ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นช้าลง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังอยู่ที่กำลังซื้อที่หดหายซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวลมากกว่า  
 
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารและสุขภาพปรับตัวลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้โดยตลาดตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยคำแถลงของประธาน FED รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
(+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่ออีกเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.18-35.22 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.67 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง รวมถึงอุปทานที่คาดว่าถูกกระทบจากการถูกโจมตีในไนจีเรีย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลง 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,247.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากพุ่งขึ้นในช่วง 2 วันก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดหวังว่า FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
10 มิ.ย. - ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่างและ Dragon Boat
12 มิ.ย. - จีน: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
14-15 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
14 มิ.ย. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
15 มิ.ย. - ยูโรโซน: ดุลการค้า (เม.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!