WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ทิศทางตลาด
  คาดยังมีความผันผวน? คาดอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องนับจากต้นเดือนที่ผ่านมาเกือบ 30 จุด อย่างไรก็ตามคาด (+) จากมุมมองที่เป็นบวกของประธานเฟดต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาด และยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เฟดจะมีการประชุมในวันที่ 14 – 15/6/59 ซึ่งส่วนใหญ่คาดเฟดจะยังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้


  นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ใกล้เคียงระดับ 50 USD/bbl ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้ยังรับปัจจัยบวกจาก Fund Flow ภายใต้แรงซื้อสุทธิต่างชาติ และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง เป็นกว่า 25,000 ล้านบาท แนะจับตาหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เอกชนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น ล่าสุดสหพัฒน์ฯ ระบุเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงกำลังการซื้อในประเทศ
พร้อมแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดอ่อนค่าลงเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งส่งผล (+) ต่อราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ค่าเงินบาทล่าสุด อยู่ที่ 35.28 – 35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้
  ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ANAN, AP และ SPALI
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SEAFCO และ SYNTEC

SET SET50 SET100
1,443.42 +6.99 920.90 +4.13 2,058.84 +9.36

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +113.27, NASDAQ +26.20, S&P +10.28, FTSE +63.77, CAC +1.60 และ DAX +17.82
ภายใต้มุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกจากประธานเฟด หลังกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม "World Affairs Council of Philadelphia" วานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขการจ้างงาน - พ.ค. ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม พร้อมระบุเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนี – เม.ย. ลดลง 2%MoM มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 0.6%
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. +US$1.07 อยู่ที่ US$49.69 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยหนุนจากเหตุการณ์โจมตีท่อส่งน้ำมันในประเทศไนจีเรียส่งผลให้การผลิตน้ำมันลดลง 170,000 บาร์เรลต่อวัน และเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$4.50 อยู่ที่ US$ 1,247.4ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +759 ล้านบาท สะสม YTD +25,075 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.86 1.85 3.31

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,975.89
สถาบัน 378.74
บัญชีหลักทรัพย์ 920.78
ต่างประเทศ 758.98
ในประเทศ -2,058.50

ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 - 10 มิ.ย.  2559       
7/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 1Q/59

8/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   สต็อกน้ำมัน

9/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย. 

10/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมิ.ย.
   งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.
  (5) กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เช่น IRPC และ TOP ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (7) กลุ่มการแพทย์ ที่มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เช่น BDMS
  (8) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%  
  (9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT, BA

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.72% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.18 อยู่ที่ 13.65
หุ้นแนะนำ :  SPA 
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์  โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!