- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 June 2016 17:18
- Hits: 681
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ไต่ระดับขึ้นทะลุแนว 1,440 จุด แข็งแกร่งกว่าที่คาดอีกวัน โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT ขึ้นเด่น อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียที่เป็นกลางถึงบวก เอื้อต่อการเก็งกำไรในภาพรวม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,443.42 จุด บวกอีก 6.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,976 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 759 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 3,800 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,767 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- รมว.คลัง เตรียมเสนอร่างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต่อครม.วันนี้
- ความเห็นของประธานเฟด Janet Yellen ต่อ World Affairs Council of Philadelphia ยืนยันขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ตลาดกลับลดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้และเดือนหน้าลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
- ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 มากถึง 10.19bps ปิดล่าสุดที่ 2.137%
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 11)
เรายังคงยืนยันว่า SET INDEX ณ ปัจจุบันมี Upside gain ที่จำกัด ด่าน 1,450 จุด ยังไม่น่าผ่านในระยะเวลาอันสั้นนี้ แม้ว่าต่างชาติจะซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่หากพิจารณาถึง Valution และเทคนิก ต่างสอดคล้องกันถึงความตึงตัวของ SET INDEX นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ไม่ผ่าน US$50/barrel ราคาหุ้นหลักสะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้ว เหลือ upside gain จากราคาเหมาะสมไม่ถึง 10% เป็นส่วนใหญ่
เราประเมินว่าจะเกิดการ Rotation จาก 1st Tier ไปยังหุ้น 2nd Tier ของกลุ่ม หรือหุ้นที่ Laggard จากหุ้นหลักในกลุ่มจะแรงเก็งกำไรในช่วงนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่าหุ้น 2nd tier หรือหุ้น Laggard อาจมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งน้อยกว่าหุ้นหลัก การเข้าเก็งกำไรจึงควรเป็นไปอย่างจำกัดวงเงิน และพร้อมกำหนดจุด stop loss เสมอ
สำหรับประเด็นของประธานเฟด ยืนยันที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง บวกกับการจ้างงานที่เติบโต แต่เป็นที่น่าสนใจว่าตลาดกลับประเมินโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกลางเดือนนี้เหลือเพียง 2% จากสิ้นเดือนพ.ค.ที่ 24.0% ส่วนการประชุมเดือนก.ค. ตลาดให้น้ำหนักล่าสุด 21.6% จากสิ้นเดือนพ.ค.ที่ 52.9%
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง เน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก ด้วยวงเงินที่จำกัด ส่วนหุ้นหลักของกลุ่มหลัก ควรทยอยขายทำกำไรและ wait&see ไปอีกสักพัก ประเมินกรอบแกว่ง 1,435-1,450 จุด
Stock Pick of The Day
1. เก็งกำไร IVL : ราคาปิด 33.50 บาท ราคาเหมาะสม 38.50 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q59 จะทำระดับสูงสุดของปี 2559 โดยกำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตสูงถึง +96% qoq เป็น 2,200 ล้านบาท และพลิกกลับจากขาดทุนใน 2Q58 นอกจากนั้น จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการซื้อ Cepsa ในสเปนอีก 1,500 - 2,000 ล้านบาท และกำไรจากสต็อก หนุนกำไรสุทธิ 2Q59 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 4,100 - 4,800 ล้านบาท
b) คาดกำไรจากการดำเนินงานแตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 2561 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น คาดกำไรปกติปี 2559 เติบโต +44% yoy เป็น 6,994 ล้านบาท +34% yoy เป็น 9,385 ล้านบาทในปี 2560 และ +18% yoy ในปี 2561 เป็น 11,104 ล้านบาท
c) ปรับเพิ่มเป้าหมายเป็น 38.50 บาท อิง PBV ที่ 2.0 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีรวม Upcycle ในปี 2554-2555
2. เก็งกำไร KTB : ราคาปิด 17.40 บาท ราคาเหมาะสม 20.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H59 และเชื่อว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ
b) ราคาหุ้น KTB ยัง Laggard โดย YTD เพิ่มขึ้น +4.2% เทียบกับ SET BANK +12.5% และหุ้นธนาคารใหญ่ ได้แก่ BBL +8.5%, KBANK +16.9%, SCB +17.5% และ BAY +8.5%
c) ได้ประโยชน์สูงสุดจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากมีสัดส่วนการปล่อยกู้โครงการภาครัฐในสัดส่วนสูง และ Valuation ยังถูก ซื้อขายระดับ PER2559 เพียง 7.5 เท่า ต่ำที่สุดในหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ และค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 9.3 เท่า รวมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 5% ต่อปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก US$230 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$344 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures เพื่อทำกำไร
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 แต่ชะลอตัวลงเหลือ 759 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,388 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 25,075 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,767 สัญญา เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 51,384 สัญญา คาดเป็นการทยอยปิดสถานะ Long บางส่วน ทำให้ยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิยังคงยืนเหนือ 35,000 สัญญา เป็น 37,002 สัญญา ทั้งนี้ S50M16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 เท่ากับ 2.60 จุด แคบลงจากวันก่อนหน้า Premium ถึง 4.03 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 3,800 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 6,476 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 3 โดยพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 มากถึง 10.19bps จากวันก่อนหน้าลดลง 5.38bps ปิดที่ 2.137%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือเพียง 381 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 651 ล้านบาท NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 ลักษณะ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 หนาแน่น 2,464 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,650 ล้านบาท รวม 16 วันทำการซื้อสุทธิ 20,728 ล้านบาท โดยเป็นการสะสมหุ้นกลุ่มหลัก คล้ายเป็น Basket orders ตามน้ำหนักกลุ่มของตลาดหุ้นไทย
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟดยืนยันทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ย: ประธานเฟด Janet Yellen ให้ความเห็นต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ มากพอที่จะทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 โดยให้น้ำหนักกับการใช้จ่ายภายส่วนบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งและมีนัยยะสำคัญ การจ้างงานเติบโต อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่ใช่ติดลบอีกต่อไป
ยุโรป
Poll ล่าสุด Brexit เพิ่มขึ้น: การจัดทำโพลล์โดย Oddschecker ล่าสุด ณ วันที่ 5 มิ.ย. พบว่า ชาวอังกฤษต้องการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู เพิ่มขึ้นเป็น 30.2% ขยับขึ้นจากวันที่ 26 พ.ค.ที่ 19.7% ส่วน Poll ของ Tywman ให้สัดส่วน 33.0%
คำสั่งซื้อโรงงาน เยอรมันชะลอตัว: เดือนเม.ย. ลดลง 2.0% mom จากเดือนมี.ค. +2.6% mom และแย่กว่าที่ Bloomberg consensus คาด -0.5% mom โดยความต้องการสินค้าด้านการลงทุนจากประเทศคู่ค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่มอียู ชะลอตัวลง ส่งผลให้คำสั่งซื้อด้านการส่งออกหดตัว 4.3% mom ส่วนคำสั่งซื้อในเขตอียู เพิ่มขึ้น 2.5% และภายในเยอรมัน เติบโต 1.3% mom เป็นการขยายตัวเดือนที่ 3
Moody's ลดอันดับความน่าเชื่อถือของฟินแลนด์: เป็น Aa1 จาก AAA แต่คงแนวโน้ม "คงที่" เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ มีผลกระทบต่อระดับหนี้สาธารณะของฟินแลนด์ ณ ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 60% ของ GDP และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นใน 2-3 ปีข้างหน้า
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศเตรียมลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และกองทุน IFF: ประธานาธิบดี Duterte ประกาศแผนกระจายแหล่งเงินทุนของประเทศ ผ่านโครงการกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการลงทุนโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเตรียมลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง พร้อมปรับโครงสร้างภาษีที่เก็บกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่นเครื่องดื่มอัลกอฮอร์ และบุหรี่ เพื่อนำไปชดเชยกับเงินได้จากภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ที่จะลดลงและขยายฐานการเก็บภาษีให้มากขึ้น
ซาอุฯ ผ่านแผนการปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ: รัฐบาลอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ด้วยการลดเงินค่าจ้างสาธารณะ และวงเงินการกู้เงินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมลดการพึ่งพิงเศรษฐกิจจากน้ำมัน และหนี้สาธารณะ ตั้งเป้าลดหนี้สาธารณะลงเป็น 40% ของงบประมาณรายจ่ายภายในปี 2564 จาก 45% ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ระดับหนี้สาธารณะแตะระดับ 30% ของ GDP ที่ระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ 7.7%
ไทย
ธปท.คาดแบงก์หั่นเป้าสินเชื่อ: นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันหดตัวลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัว ทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งอาจต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตของ สินเชื่อปีนี้ลง จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ตั้งเป้า การเติบโตไม่น้อยกว่า 5% เดิมเท่าที่สำรวจแบงก์ส่วนใหญ่ก็มองว่าปีนี้จะโตได้ 5% คือ ตั้งตามการเติบโตของจีดีพีและบวกเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่ดูแล้วก็คงต้องปรับลดลง" อย่างไรก็ตามการที่สินเชื่อไม่ขยายตัว สาเหตุหลักเกิดจากการที่ความต้องการสินเชื่อไม่ค่อยมี ไม่ได้เกิดจากการที่ธนาคารพาณิชย์ไม่อยากปล่อยสินเชื่อ เพราะถ้าดูยอดปฏิเสธจะพบว่าไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม คือ มียอดอยู่อนุมัติอยู่ที่ 50% ของคำขอที่เข้ามา
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530