- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 June 2016 17:08
- Hits: 1395
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ประเด็นต่างประเทศที่มีมุมมอง (-) ต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ปรับลดลงมากกว่าคาด พร้อมกับมีการปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนมี.ค. และเม.ย. ทำให้เกิดความกังวลต่อทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม (+) ลดน้ำหนักคาดการณที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ลง โดยเฟดจะประชุม 14 – 15/6/59
ทางด้านราคาน้ำมันปรับลดลงเล็กน้อย แต่คาดยังอยู่ในระดับใกล้เคียง 50 USD/bbl ซึ่งอาจเป็นแรงเข้าเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานทั้ง PTT และ PTTEP โดยเฉพาะในช่วงราคาอ่อนตัว
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow ภายใต้แรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดสูงกว่า 5,500 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมปรับขึ้นเป็นกว่า 24,000 ล้านบาท แนะจับตาหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ
พร้อมแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดอ่อนค่าลงเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งส่งผล (+) ต่อราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ค่าเงินบาทล่าสุด อยู่ที่ 35.37 – 35.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร การส่งออกได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน เช่น CPF, TKN
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ANAN, AP และ SPALI
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SEAFCO และ SYNTEC
SET SET50 SET100
1,436.43 +12.37 916.77 +9.63 2,049.48 +21.31
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -31.50, NASDAQ -28.85, S&P -6.13, FTSE +24.02, CAC -44.22 และ DAX -104.74
ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร – พ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ก.ย.’53 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.3% จากเดือนเม.ย. อยู่ที่ 4.7%
อย่างไรก็ตามตัวเลขการจ้างงานดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ว่ามีโอกาสน้อยที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้า
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ (1) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – เม.ย.เพิ่มขึ้น 1.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่ต.ค.’58 และ (2) ตัวเลขการขาดดุลการค้า – เม.ย. เพิ่มขึ้น 5.3% อยู่ที่ 3.74 หมื่นล้านUSD ต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.13 หมื่นล้านUSD จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมากกว่านำเข้า
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$0.55 อยู่ที่ US$48.62 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้างต้น และยังได้รับปัจจัยกดดันจากการเปิดเผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าปริมาณผลิตน้ำมันดิบจะสูงขึ้น
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$30.3 อยู่ที่ US$ 1,242.9ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานข้างต้นต่ำกว่าที่คาดการณ์มาก ส่งผลให้เงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.76 1.84 3.32
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 53,374.53
สถาบัน 148.81
บัญชีหลักทรัพย์ 2,305.03
ต่างประเทศ 5,586.26
ในประเทศ -8,040.11
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +5,586 ล้านบาท สะสม YTD
+24,316 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 6 - 10 มิ.ย. 2559
6/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนพ.ค.
7/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 1Q/59
8/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
9/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย.
10/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมิ.ย.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.
(6) กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เช่น IRPC และ TOP ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(7) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(8) กลุ่มการแพทย์ ที่มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เช่น BDMS
(9) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุด
สภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(10) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT, BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.11 อยู่ที่ 1.70% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.16 อยู่ที่ 13.47
หุ้นแนะนำ : SCC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788