- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 June 2016 16:55
- Hits: 615
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังบวกต่อได้ แต่ก็ต้องระวังผันผวน จึงแนะนำรอซื้อช่วงลบต่อ!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งทรงตัวด้านบวกได้อีกในช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็มีแรงขายกดดันให้ผันผวนอยู่ คาดว่าเพราะไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพิ่มมากนัก ขณะที่นักลงทุนยังกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐด้วย ก่อนที่ภาคบ่ายจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันโลกที่ขยับขึ้น ทำให้ SET ยังขึ้นทำ High
แนวโน้มวันนี้ : แต่เช้านี้ตลาดเอเชียเปิดมาแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนและมีย้อนลบ หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่กลับมาปรับตัวลง จากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน พ.ค.ที่ออกมาเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ช่วยหนุนความหวังที่ว่าเฟดน่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ (14-15 มิ.ย.) จึงทำให้มีจังหวะบวกสลับด้วย ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็น่าจะยังบวกต่อได้ แต่ต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนไว้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS จึงยังแนะนำให้รอซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงก่อนดีกว่า แต่ส่วนที่ซื้อแล้วเราแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่อง เพื่อรอลุ้นทำกำไรในรอบบวกใหญ่ ซึ่งเราประเมินเป้าหมายดัชนีไว้แถว 1500 จุด
แนวรับ 1433-1430, 1426-1422 จุด
แนวต้าน 1437-1440 , 1442-1444 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CBG, EPG, PTG(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$344 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$289 ล้าน และไทย US$158 ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ประเทศเดียว US$128 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังทำให้ตลาดคลายกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นมาที่ 35.3 บาท/ดอลลาร์
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) การจ้างงานสหรัฐต่ำช็อคตลาด เม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตรและหุ้นในเอเชีย การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. เพิ่มน้อยสุดในรอบเกือบ 6 ปี แม้จะรวมคนงาน 35,000 คนของ Verizon ที่ประท้วงหยุดงาน การจ้างงานก็ยังต่ำกว่าปกติ เมื่อบวกกับ Brexit 23 มิ.ย. ทำให้การขึ้นดอกเบี้ย 14-15 มิ.ย. แทบเป็นไปไม่ได้ และโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 26-27 ก.ค. เหลือเพียง 25% ตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำผิดคาดทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า เม็ดเงินไหลเข้าทั้งพันธบัตร (Bond yield สหรัฐอายุ 10 ปีลดต่ำกว่า 1.7% ต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน) และตลาดหุ้นในเอเชีย เช้านี้ค่าเงินในเอเชียแข็งค่าเฉลี่ย 1.1% (เงินวอนเกาหลีใต้และริงกิตมาเลเซียอ่อนสุด)
(+) สภาพคล่องล้นเป็นบวกกับตลาดหุ้น การที่ TMB ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เหลือ 0% วันศุกร์และประกาศยกเลิกแทบจะทันทีเพราะการสื่อสารผิดพลาด สะท้อนสัญญาณสภาพคล่องของสถาบันการเงินล้น อันเนื่องมาจากเงินฝากปีนี้เพิ่ม 1.3% YTD แต่สินเชื่อหดตัว 1% เพราะเศรษฐกิจชะลอ การลงทุนยังไม่เกิด และแบงก์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยภาวะสภาพคล่องล้นและดอกเบี้ยต่ำ การลงทุนในตลาดหุ้นจึงน่าสนใจ การปรับฐานจึงไม่แรงและพร้อมจะปรับขึ้นแม้เศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นช้าก็ตาม
(+) KBANK ยังเป็นธนาคารที่เราชอบที่สุดในกลุ่ม แต่ต้องฝากความหวังไว้ที่การลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในครึ่งปีหลังที่จะกระตุ้นสินเชื่อ ส่วนกำไร 2Q16 จะลดลงทั้ง Q-Q, Y-Y จาก NIM ที่ลดลงและการตั้งสำรองสูง เป็นผลกระทบทั้งอุตสาหกรรม แต่จุดเด่นของ KBANK คือ NIM, ROE ที่สูงสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ แนะนำซื้อลงทุน เป้าหมาย 194 บาท
(+) ยังชอบกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับก่อสร้าง ยังคงลุ้นได้สำหรับการประชุมครม.ทุกอังคาร สำหรับโครงการที่ครม.เห็นชอบแล้ว รถไฟฟ้าสายสีส้มน่าจะประมูลได้เร็วสุด (มีทั้งส่วนที่เป็นทางยกระดับ 9 กม.และใต้ดิน 12.2 กม.) เพราะผ่าน EIA แล้ว ส่วนงานประมูลสุวรรณภูมิเฟส 2 จะยื่นซองประกวดราคา 20-21 มิ.ย. สำหรับงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน (1.4 หมื่นล้านบาท) และงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค (2.56 พันล้านบาท) ประกาศผลประมูล 20-21 ก.ค. และเริ่มก่อสร้าง 15 ส.ค. นี้ เรายังคงชอบ CK, BEM, SCC
(+) CK เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 40 บาท การได้งานเพิ่มในโครงการไซยะบุรีอีก 1.9 หมื่นล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ Backlog ของ CK เพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านบาท และยังมีการกลับรายการดอกเบี้ยจ่ายจากไซยะบุรีเข้ามาในงบฯไตรมาสละ 200 ล้านบาท เป็นบวกต่อกำไรถึงแม้จะเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสดก็ตาม
(+) BEM แม้ราคาหุ้นจะเกินเป้าหมายของเราที่ 6 บาทแต่ยังแนะนำถือ (อ่อนตัวซื้อเพิ่ม) ประมาณการของเรายังมี upside จากการชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ BEM มีความได้เปรียบในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพราะเคยทำระบบใต้ดิน สายสีส้มจะเชื่อมกับสายสีน้ำเงินของบริษัทที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร feed-in
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังปิดลบเล็กน้อยหลังประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน พ.ค.ออกมาต่ำผิดคาดมาก แต่อย่างไรก็ตามดัชนียังถูกพยุงไว้จากคาดการณ์ที่ FED อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปก่อน
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบหลังผิดหวังกับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ต่ำผิดคาด
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าเทียบดอลลาร์ รวมถึงผิดหวังกับตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.45 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับลง 0.55 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะของสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 30.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,242.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขการจ้างงานเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯออกมาต่ำผิดคาดมาก และสร้างความคาดหวังว่า FED อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 มิ.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day
7 มิ.ย. - อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
- ยูโรโซน: 1Q16 GDP (ตลาดคาด +0.5% Q-Q เท่าครั้งก่อน)
8 มิ.ย. - จีน: ดุลการค้า (พ.ค.) (ตลาดคาดส่งออก -4.2% Y-Y แย่ลงจาก เม.ย. ที่ -1.8% Y-Y)
- ญี่ปุ่น: 1Q16 GDP (ตลาดคาด +0.5% Q-Q ดีขึ้นจาก 4Q15 ที่ +0.4% Q-Q)
9 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
10 มิ.ย. - ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่างและ Dragon Boat
12 มิ.ย. - จีน: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch