- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 July 2014 15:34
- Hits: 2087
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ผันผวนเชิงบวก
เราคาดว่าตลาดไทยในวันนี้มีโอกาสจะปรับขึ้นได้ด้วยปัจจัยบวกคือ ตลาดในต่างประเทศส่วนใหญ่ยังเป็นบวก ประกอบกับเมื่อวันศุกร์ตลาดไทยสามารถต้านปัจจัยลบเรื่องเครื่องบินตกและการเลื่อนประมูล 4G ได้อย่างแข็งแกร่ง และขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงที่นักลงทุนยังเก็งกำไรงบไตรมาสที่ 2 ดังนั้น ตลาดไทยยังคงมีโอกาสทรงตัวอยู่ในแดนบวกได้
แนวรับ/แนวต้าน : 1520/1540
กลยุทธ์ : เรามองว่าตลาดไทยยังคงเป็นช่วงขาขึ้นในครึ่งปีหลัง ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะเก็บหุ้นรายตัว เน้นกลุ่มอสังหาฯ พลังงานทดแทน และขนส่ง
สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40%: พอร์ตหุ้น 60%
นักลงทุนระยะสั้น : BMCL(2.4), WHA(40)
นักลงทุนระยะยาว : CGD(1.65), ADVANC(260)
จับข่าวมาเก็งกำไร
DTAC : บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/57 ที่ 2,951 ล้านบาท ลดลง 10.7%qoq แต่ทรงตัว yoy ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 10% EBITDA ยังอยู่ในระดับที่สูง เมื่อเทียบกับ 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการออกแคมเปญด้านการตลาดใหม่ๆ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 161 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2557 จะดีขึ้นจากการที่สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศสงบลงส่งผลให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยและต่างประเทศดีขึ้น ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ประมาณ 4.2% และเมื่อเฉลี่ยรวมกับครึ่งปีแรกที่ขยายตัวไม่มากจะทำให้ภาพรวมตลอดปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวระดับประมาณ 2% ถึงกว่า 2.2% ทางด้านหอการค้าหนุนนำร่อง 5 พื้นที่จังหวัดชายแดนตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ "ตาก-สระแก้ว-ตราด-มุกดาหาร-สงขลา" มาแรง เชื่อมั่นดันการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% คาดปีนี้ค้าชายแดนทะลุ 1 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 7-8%
ปัจจัยต่างประเทศ
+สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.)เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตกในยูเครน นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงด้วย
+ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,100.18 จุด พุ่งขึ้น 123.37 จุด หรือ +0.73%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในต่างประเทศ รวมถึงเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกในยูเครน และเหตุการณ์สู้รบในฉนวนกาซา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกูเกิล