- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 May 2016 16:39
- Hits: 1148
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อช่วงลบแล้วน่าเน้นถือต่อ แต่ถ้าจะซื้อใหม่น่ารอช่วงลบ...
กลยุทธ์ : เนื่องจากยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเร็วกว่าคาด และการถอนตัวจาก EU ของอังกฤษยังกดดันตลาด ทำให้ SET ยังมีโอกาสปรับพักตัวลงอีกได้ตามคาดเดิม ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบดีกว่า แต่ส่วนที่ซื้อไว้แล้วแนะนำให้เน้นถือต่อ เพื่อรอรอบบวกใหญ่ที่คาดว่าใกล้จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ITD, SPA, GPSC(buy back)
แนวโน้ม : สัปดาห์ที่แล้ว SET สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ดีเกือบทั้งสัปดาห์ โดยเฉพาะวันศุกร์ยังสามารถบวกต่อได้อีกกว่า 10 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศก็มียอดซื้อสุทธิหนาตามากขึ้น ซึ่งคาดว่าแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรโอกาสที่เฟดจะยังชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด โดยระบุว่าสนับสนุนให้เฟดขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็สร้างความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดลบ และมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนพอควร ทำให้ FSS ยังมองว่าต้องระวังจังหวะแกว่งผันผวนและย้อนลบของ SET ต่อไปก่อนตามคาดเดิม โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอติดตามตัวเลขการจ้างงานฯ ของสหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์นี้อีกครั้ง รวมทั้งรอติดตามท่าทีเกี่ยวกับการพิจารณาถอนตัวจาก EU ของอังกฤษด้วย(ผลโหวต Brexit 23 มิ.ย.) ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วง SET ปรับตัวลงเหมือนเดิมไว้ก่อนดีกว่า
แนวรับ 1410-1405, 1400-1396 จุด
แนวต้าน 1415-1417 , 1420-1423 จุด
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นและทุกประเทศรวม US$399 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$147.4 ล้าน และเกาหลีใต้ US$129 ล้าน รวมถึงไทย US$74.2 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค แม้ประธานเฟดกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยว่อาจเกิดขึ้นในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแต่ตลาดให้ความสนใจต่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐมากกว่า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) หลายปัจจัยทำให้ตลาดผันผวน 1Q16 GDP ของสหรัฐ (คาดครั้งที่ 2) +0.8% ดีขึ้นจากคาดการณ์ครั้งแรกที่ +0.5% และคำกล่าวของ Yellen ที่หนุนการขึ้นดอกเบี้ยใน 2-3 เดือนข้างหน้าเพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นและราคาน้ำมันปรับขึ้นซึ่งดันอัตราเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้เป้าที่ 2% หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่เม็ดเงินระยะสั้นที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเก็งกำไรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB ที่ประชุม 2 มิ.ย. อาจหนุนให้ตลาดหุ้นขึ้นต่อแบบผันผวน แนะเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ laggard ในกลุ่มแบงก์ ไอซีที รับเหมา เช่น KBANK, SCC, ADVANC, AOT ระวังกลุ่มพลังงานและปิโตรฯที่การประชุม OPEC 2 มิ.ย. อาจทำให้ราคาน้ำมันพักฐาน
(0) MSCI Rebalance มีผลพรุ่งนี้ ระวังการพักฐานของ EGCO, ROBINS, GL, S ซึ่งถูกนำเข้าคำนวณในดัชนีและราคาหุ้น outperform ตลาดมากใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
(0) มีปัจจัยในประเทศต้องติดตาม ตลาดไม่น่าจะประหลาดใจกับเศรษฐกิจไทยที่ชะลอเดือน เม.ย. (ธปท.รายงานพรุ่งนี้) เพราะวันทำงานน้อยและส่งออกหดตัวถึง 8% Y-Y ส่วนเงินเฟ้อ พ.ค. น่าจะขยับขึ้นต่อ ลดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. (เราคาดคงดอกเบี้ยถึงสิ้นปี) ส่วนการประชุมครม.พรุ่งนี้ อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่
(+) ADVANC จาก Conference call ศุกร์ที่ผ่านมา ผู้บริหารคงเป้าการดำเนินงานและงบลงทุน และย้ำถึงประโยชน์ของการกลับมามีคลื่น 900MHz อย่างน้อยก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในการแย่งชิงลูกค้า 2G ไม่จำเป็นอีกต่อไป และยังสามารถเพิ่ม 4G coverage สิ้นปีนี้จากเป้าเดิม 60% เป็น 80% แน่นอนว่าค่าใบอนุญาตที่สูงมากทำให้ตลาดไม่คาดหวังกับการเติบโตของกำไรในปีนี้ (เราคาด -20% Y-Y) แต่ผู้บริหารมั่นใจว่าจะจ่ายปันผลได้ 100% ของกำไรตามเดิมอย่างน้อยก็ในปีนี้ ซึ่งเราคาด 10 บาท/หุ้น คิดเป็น yield 6% ราคาหุ้นที่รับข่าวร้ายไปมากแล้วจึงยังน่าสนใจลงทุน ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 180 บาท
(+) EPG นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่อาจผิดหวังกับกำไรสุทธิทั้งปี 2016 (สิ้นสุดมี.ค.16) ที่ +125% Y-Y แต่สำหรับเราถือว่าเป็นไปตามคาด กำไร 4Q16 (ม.ค.-มี.ค.) ที่ -1.5% Q-Q (+95% Y-Y) เพราะธุรกิจฉนวนยางและชิ้นส่วนพลาสติกรถถูกกระทบจาก low season และบาทที่แข็งค่า เราคงราคาพื้นฐาน 15 บาท แนะนำซื้อ
(0) BTS กำไรสุทธิปี 2016 (สิ้นสุดมี.ค. 16) ต่ำกว่าคาดจากการตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 497 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทั้งธุรกิจบริการและร้านอาหาร Chefman เรายังคงมุมมองเดิมกำไรปี 2017 (สิ้นสุดมี.ค. 17) +19% Y-Y จากกำไรของ MACO และธุรกิจบริการที่เข้ามาช่วย แนะนำถือรอรับเงินปันผล 0.34 บาท/หุ้น (XD 28 ก.ค.) ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกหลังประธาน FED สนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งพอ โดยตัวเลข GDP 1Q16 ขยายตัวดีกว่าประมาณการเบื้องต้น
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ขยับบวกได้เล็กน้อยท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวบวกได้หลังมีข่าวว่าอาจมีการเลื่อนการขึ้นภาษีบริโภค
(-) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าหลังประธาน FED สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 35.70-35.78 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับลง 0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าแคนาดาเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งหลังถูกกระทบจากไฟป่า ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าหลังประธาน FED สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลงอีก 6.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,216.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และลบติดต่อกันเป็นวันที่ 8 จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าหลังประธาน FED ออกมาสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 พ.ค. - ไทย: กพช.ประชุมเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมที่สิ้นสุดปี 2565 และ 2566
- สหรัฐ: ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day
31 พ.ค. - MSCI Reshuffle มีผลวันนี้ หุ้นที่เอาเข้ามี EGCO, ROBINS, DNA, GL, S หุ้นที่เอาออกมี EFORL, SAMTEL, SAT, SRICHA, TIPCO, TTCL
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน เม.ย.
- อินเดีย: 1Q16 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case Shiller (มี.ค.)
1 มิ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (พ.ค.)
- ออสเตรเลีย: 1Q16 GDP
- สหรัฐ: Fed Beige Book
2 มิ.ย. - ประชุม OPEC
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
- เกาหลีใต้: 1Q16 GDP
3 มิ.ย. - จีน: Caixin China PMI Composite (พ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ค.)
6 มิ.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch