- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 May 2016 18:20
- Hits: 2727
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อเก็งกำไร/ถือเมื่อ SET ยังเหนือ 1390"
Stock Picks-May 2016 : Fundamental : ADVANC, AOT, BA, LPH, TMT
Dark Horse : FSMART, RS
Fundamental Pick -Today: ADVANC(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : PTTEP 11%, BANPU 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ โดยมีลุ้นเด้งก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop Loss
SET 1380-1370 1410,1420 หลุด 1390
SET50 880-870 900,910-920 หลุด 885
Technical Picks - Today VNG, SIRI, GPSC, BCP, VIBHA, BEM, BCH, QTC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้สามารถปิดเหนือ 1400 จุดได้เล็กน้อย โดย +4.01 จุดปิดที่ 1401.64 การซื้อขายค่อนข้างซบเซาเพราะขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละกลุ่มก็ไม่มาก ปัจจัยที่ติดตาม คือ การแสดงสุนทรพจน์ของประธานเฟด และแถลงการณ์หลังการประชุมกลุ่ม G7 ในวันนี้
ความกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยยังคงมีอยู่แต่ไม่ได้รุนแรงมากและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้สะท้อนประเด็นนี้ไปส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มิ.ย.นี้ทำให้ต้องระวังการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจาก Sell on fact แต่ในลักษณะนี้ตลาดหุ้นจะมีความเสี่ยงขาขึ้น แต่...ถ้าตลาดขยับขึ้นล่วงหน้าก่อนการประชุม ก็อาจมีแรงขายหลังจบประชุม (นักลงทุนยังไม่ค่อยอยากถือหุ้นนานเพราะเศรษฐกิจยังซบเซาและมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า) ส่วนในประเทศ วันนี้มีประมูล 4G ย่าน 900 MHz คาดว่า ADVANC ซึ่งเป็นผู้ประมูลรายได้จะได้ใบอนุญาตที่ราคา 75.6 พันล้านบาท และวันที่ 31 พ.ค.จะเป็นวันที่ MSCI Quarterly Review มีผลบังคับใช้ โดยในดัชนี MSCI Thailand หุ้นเข้ามาคำนวณใหม่ คือ ROBINS, EGCO และไม่มีหุ้นออก ส่วน MSCI Global Small Cap หุ้นไทยที่เข้ามาคำนวณใหม่เป็น DNA, GL, S ส่วนหุ้นออก คือ EFORL, SAMTEL, SAT, SRICHA, TIPCO, TTCL กลยุทธ์ : การลงทุนหรือเก็งกำไรในช่วงนี้ เรายังคงเน้นเป็นรายบริษัท ส่วนภาพรวมตลาด เราประเมินกรอบล่าง-บนของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 1380-1370, 1350 จุด และ 1420, 1440-1450 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น ADVANC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ต่อ โดยมีสิทธิรีบาวด์ต่อได้ในวันนี้ แนวต้านระยะสั้น 1410, 1420 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบ หรือต่ำกว่า 1390 จุด การอ่อนตัวจะมีแนวรับเก็งกำไร 1380-1370, 1360-1350 จุด กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกและไม่ควรหวัง Gap มาก
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ VNG, SIRI, GPSC, VIBHA, BEM ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, KAMART, IVL, MALEE, GLOBAL, PTTGC, TNH หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ -ไม่มี- หุ้นที่หลุด List คือ SCI, BJC
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเม.ย.และตัวเลขภาคแรงงานออกมาดี
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.4% เนื่องจากจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภาคขนส่ง และจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค.
ติดตามตัวเลข GDP-1Q59 คาดการณ์ครั้งที่ 2 ของสหรัฐ สุนทรพจน์ประธานเฟด และแถลงการณ์กลุ่ม G7
วันนี้สหรัฐจะประกาศประมาณการจีดีพีไตรมาส 1/2559 ครั้งที่ 2, การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน, ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับมอบรางวัลจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และกลุ่ม G7 แถลงการณ์หลังเสร็จการประชุม
ตลาดหุ้นสหรัฐพักตัวหลังพุ่งขึ้นแรง 2 วันก่อน
ดัชนี DJIA ปิดที่ 17,828.29 จุด -23.22 จุด ดัชนี NASDAQ +6.88 จุด ดัชนี S&P500 -0.44 จุด โดยตลาดปรับขึ้นในช่วงแรกรับตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ที่เพิ่มแข็งแกร่ง แต่ก็มีการขายทำกำไรออกมาเพราะความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่
ราคาน้ำมันดิบอ่อนลงเล็กน้อย...ถ้าสร้างฐานในบริเวณ 50+/- US$/bbl ได้ แนวโน้มจะดีขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 49.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมาบริเวณ 50+/- ดอลลาร์/บาร์เรลมีความผันผวนอย่างที่เราประเมินไว้จริง แต่ถ้าอ่อนตัวไม่แรงและ Sideway ได้ระยะหนึ่ง จะกลายเป็นการสร้างฐานเพื่อขยับขึ้นต่อ แต่ถ้าอ่อนจนหลุด 45 ดอลลาร์ก็เป็นสัญญาณว่ามีสิทธิกลับไปฐานเดิมที่ 40+/- ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้ง
สำหรับการส่งออกเพิ่มของอิหร่านจากปัจจุบัน 2.0 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน คาดว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาตลาดมากนักเนื่องจากส่วนเพิ่มเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับอุปทานทั้งโลกที่ประมาณ 94 ล้านบาร์เรล คือ เพียง 0.2% ของทั้งหมดเท่านั้น
ราคาทองคำซึมลงต่อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ระดับ 1,220.40 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม การลดลงยังไม่รุนแรง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนลง และนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนมิ.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ตลาดอินเตอร์เน็ตและ E-Commerce มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง
การวิจัยร่วมของกูเกิลและเทมาเส็กของสิงคโปร์ประเมินว่าตลาด E-Commerce ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตได้ราว 6 เท่าในอีกทศวรรษหน้า และตลาดจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น สำหรับประเทศไทย ก็มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตสูงมาก ณ สิ้นม.ค.59 มียอดผู้ใช้ 56% ของประชากร สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 46% โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 21%YoY โดยไทยมีความเร็วของอินเตอร์เน็ตเฉลี่ย 8.2 Mbps เป็นอันดับ 13 ของโลกและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 5.1 Mbps อยู่พอสมควร บ่งชี้ว่าเรามี Facilities ในเรื่องนี้อยู่ในเกณฑ์ดีและหนุนการเติบโตในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยง คือ การแข่งขันตัดราคาที่รุนแรงของผู้ประกอบการทั้งในกลุ่มสื่อสารและค้าปลีกออนไลน์ สำหรับกลุ่มและบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดออนไลน์ คือ กลุ่มสื่อสารและโทรคมนาคม เช่น ADVANC, DTAC, TRUE, JAS, INET เป็นต้น และกลุ่มค้าปลีก เช่น COL เป็นต้น สำหรับหุ้นที่ DBSV ทำการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานและแนะนำซื้อ/ถือเป็น ADVANC (ราคาพื้นฐาน 180 บาท), INTUCH (ราคาพื้นฐาน 62 บาท) และ DTAC (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) - ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน Investment Digest ด้านใน
ADVANC (ราคาปิด 158 บาท) : วันนี้มีประมูลใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz
ADVANC เป็นผู้ประมูลใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz เพียงรายเดียวในวันนี้ (27 พ.ค.59) คาดว่าราคาใบอนุญาตจะจบราคาเดียวกับที่ JAS ประมูลได้ที่ 75.6 พันล้านบาท (ตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาต 15 ปี @ 5.0 พันล้านบาท/ปี) ทำให้กังวลว่าเงินลงทุนที่ต้องใช้มากขึ้นทั้งจ่ายค่าใบอนุญาตและลงทุนด้านโครงข่าย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงการแข่งขันตัดราคาที่สูงในอุตสาหกรรมจะทำให้อัตราการจ่ายปันผล (Payout ratio) ของบริษัทจะลดลงหรือไม่
ทาง DBSV ประเมินไว้ว่าอัตราการจ่ายปันผลของ ADVANC จะลดลงจากที่ผ่านมาซึ่งจ่าย 100% ของกำไรสุทธิ แต่จะไม่น้อยกว่า 80% ของกำไรสุทธิ ซึ่งเราประมาณการ EPS ของปี 59-60 ไว้ที่ 11.50 บาท/หุ้น และ 12.0 บาท/หุ้น ตามลำดับ หากให้อัตราการจ่ายปันผลเท่ากับ 90% จะจ่ายปันผล 10.35 บาท/หุ้น และ 10.80 บาท/หุ้น ตามลำดับ คิดเป็น Dividend Yield 6.5% และ 6.8% ตามลำดับ
ในกรณีอนุรักษ์นิยม หากให้อัตราการจ่ายปันผลของปี 59-60 เท่ากับ 80% เงินปันผลจ่ายของปี 59-60 จะอยู่ที่ 9.20 บาท/หุ้น และ 9.60 บาท จะได้ Dividend Yield 5.8% และ 6.0% ตามลำดับ ซึ่งยังคงสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดที่ประมาณ 3.5% และหุ้นก็มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงด้วย ในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังคงคำแนะนำซื้อ ADVANC โดยให้ราคาพื้นฐาน 180 บาท ส่วน INTUCH ให้ราคาพื้นฐาน 62 บาท (Discount 15% จาก Target NAV)
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ธปท.ถกสมาคมธนาคารฯเพื่อรื้อโครงสร้างค่าธรรมเนียมแบงค์
ทางธปท.ได้หารือกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ยังบิดเบี้ยว เช่น ธนาคารมีต้นทุนการให้บริการสูงแต่ให้บริการฟรีหรือต่ำเกินไปแต่กลับคิดค่าธรรมเนียมแพงเพื่อนำรายได้ไปชดเชยกัน รวมทั้งหนุนให้ใช้ E-Payment มากขึ้น ลดการใช้เงินสดซึ่งมีค่าบริหารจัดการสูง
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราคาดว่าการปรับโครงสร้างจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหลายธนาคารได้ลงทุนเพื่อหนุนการใช้ E-Banking และ E-Payment ไปแล้ว ที่เห็นได้ชัดเจนคือ KBANK ที่กล่าวถึงแผนลงทุนเพื่อพัฒนาในด้านนี้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยกำหนดไว้ในเป้าหมาย Cost-to-income ratio ที่ให้ Guidance กับนักวิเคราะห์แล้ว เราคาดว่าธนาคารอื่นๆ ก็จะต้องลงทุนในส่วนนี้เช่นกัน แต่จะเร็วช้าแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร เรายังคงให้ KBANK เป็นหุ้น Top Pick ของธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากมีโครงสร้างรายได้และพอร์ตสินเชื่อที่สมดุล บริหารจัดการสินทรัพย์ได้ดี และมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 211 บาท ส่วนหุ้น Top Pick ในหมวดแบงค์เล็กเป็น TCAP ซึ่งธุรกิจดีขึ้นหลังควบรวมกับ SCIB แล้วทำให้ต้นทุนการเงินลดลง แข่งขันได้มากขึ้นแม้ว่าจะยังไม่ดีเท่าแบงค์ใหญ่ก็ตาม นอกจากนั้นยังมีอัตราภาษีจ่ายลดลงเพราะนำผลขาดทุนจากการชำระบัญชี SCIB มาใช้หักภาษีได้บางส่วน ขณะเดียวกัน NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อทรงตัวแล้วเพราะสินเชื่อเช่าซื้อหดตัวใน 2 ปีที่ผ่านมา
+/- MSCI Quarterly Review มีผลบังคับใช้ 31 พ.ค.59
สำหรับดัชนี MSCI Thailand หุ้นเข้ามาคำนวณ คือ ROBINS, EGCO และไม่มีหุ้นออก ส่วน MSCI Global Small Cap หุ้นไทยที่เข้ามาคำนวณในดัชนีเป็น DNA, GL, S ส่วนหุ้นออก คือ EFORL, SAMTEL, SAT, SRICHA, TIPCO, TTCL
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]