WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"ซื้อเก็งกำไร/ถือเมื่อ SET เหนือ 1390"

Stock Picks-May 2016 : Fundamental : ADVANC, AOT, BA, LPH, TMT
Dark Horse : FSMART, RS
Fundamental Pick -Today: PREB(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : PTTEP 11%, BANPU 11%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ โดยมีลุ้นเด้งก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop Loss
SET 1380-1370 1400-1410,1420 หลุด 1390
SET50 880-870 900,910-920 หลุด 885
Technical Picks - Today BBL, SEAFCO, PLAT, ESSO, GLOBAL, PTTGC, BJC, TNH

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HANA (ปรับจากถือเป็น Fully Valued)
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดพุ่งขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐและภูมิภาค ปิดตลาด +13.37 จุดที่ 1397.63 โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยยังเลือกซื้อเก็งกำไร/ลงทุนรายบริษัทแม้ว่าจะกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่แต่ก็ไม่มากเมื่อพิจารณาจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและ Bond yield ที่นิ่งขึ้น สะท้อนการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบกลางมิ.ย.นี้ ถึงจะมีความกังวลกับการเริ่มก่อตัวของฟองสบู่ในภาคที่อยู่อาศัย (ราคาบ้านใหม่พุ่งขึ้นราว 9%YoY) & ตลาดหุ้นที่ยืนอยู่บน Valuation สูงแต่ว่าปัจจัยเสี่ยงในตลาดโลกที่มีมากกว่าก็ทำให้ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง สำหรับปัจจัยที่ติดตาม คือ ถ้อยแถลงประธานเฟดและแถลงการณ์การประชุมของกลุ่ม G7 ในวันที่ 27 พ.ค.59 นี้
      สำหรับ ปัจจัยในประเทศ ยังกังวลเรื่องการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจหลังภาคส่งออกยังซบเซา (เดือนเม.ย.59 ส่งออก -8%YoY) การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างเชื่องช้า ขณะที่ภาคท่องเที่ยวเข้าสู่ฤดูกาล Low season จึงต้องไปลุ้นกันกับเม็ดเงินใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐว่าจะเข้าสู่ระบบได้รวดเร็วแค่ไหน การลงทุนหรือเก็งกำไรในช่วงนี้ เรายังคงเน้นเป็นรายบริษัท ส่วนภาพรวมตลาด เราประเมินกรอบล่าง-บนของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 1380-1370, 1350 จุด และ 1420, 1440-1450 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PREB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ต่อ โดยมีสิทธิรีบาวด์ต่อได้ในวันนี้ แนวต้านระยะสั้น 1400-1410, 1420 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบ หรือต่ำกว่า 1390 จุด การอ่อนตัวจะมีแนวรับเก็งกำไร 1380-1370, 1360-1350 จุด กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกและไม่ควรหวัง Gap มาก ส่วนการลงทุนระยะยาว เน้นทยอยซื้อสะสมหุ้นหลักพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัว
      สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TNH, BJC, PTTGC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, KAMART, SCI, IVL, MALEE, GLOBAL หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ ESSO, THANI หุ้นที่หลุด List -ไม่มี-

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ
จับตาแถลงการณ์ผลประชุมสุดยอด G7 วันที่ 27 พ.ค.นี้
     แหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุน ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด G7 ในวันที่ 26-27 พ.ค.กล่าวว่าในการประชุม ญี่ปุ่นจะให้คำมั่นในการดำเนินมาตรการทางการคลังอย่างยืดหยุ่น และส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเป็นแนวทางในการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก c]tบรรดาผู้นำของกลุ่ม G7 จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายการเงิน, การคลัง และการปรับโครงสร้าง ทั้งนี้จะมีแถลงการณ์หลังการประชุมในวันที่ 27 พ.ค.59

+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ...กรีซได้รับอนุมัติเงินกู้รอบใหม่
      ดัชนี DJIA ปิด +145.46 จุด ดัชนี NASDAQ ปิด +33.83 จุด ดัชนี S&P500 ปิด +14.48 จุด ตอบรับรายงานว่ารมว.คลังยูโรโซนและ IMF อนุมัติเงินกู้รอบใหม่ให้กับกรีซมูลค่า 1.03 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะจัดสรรให้กับกรีซล็อตแรก 7.5 พันล้านยูโร ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งกรีซต้องใช้เงินกู้รอบใหม่ไปชำระหนี้ให้ธนาคารกลางยุโรปและ IMF ในเดือนมิ.ย.และก.ค. (เสมือนเป็นการรีไฟแนนซ์หนี้)

+ ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ...EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเกินคาด
     สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 49.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับ 537.1 ล้านบาร์เรล (นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล)

- ราคาทองคำอ่อนตัวลงต่อ
    สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 5.40 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,223.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งในช่วงนี้

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อย...คาดยังแกว่งในระดับ 95+/- ก่อนการประชุมเฟดกลางมิ.ย.นี้
     ล่าสุดดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Cash Index) อยู่ที่ 95.408 อ่อนลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดเมื่อวันก่อนที่ 95.678 แต่ยังไม่ได้เป็นนัยสำคัญนัก คาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับ 6 สกุลหลักจะแกว่งในระดับ 95+/- ก่อนที่จะมีการประชุม FOMC ในวันที่ 14-15 มิ.ย.59 สำหรับสิ่งที่ควรระวัง คือ แรงขายแบบ Sell on fact เมื่อใกล้หรือสิ้นสุดการประชุมฯ

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น

ไทย : ส่งออกเม.ย. -8%YoY…แนวโน้มยังไม่ดี การเติบโตเศรษฐกิจต้องพึ่งการใช้จ่าย & ลงทุนภาครัฐ
     กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.59 ว่า -8%YoY ส่วนนำเข้า -14.9%YoY เกินดุลการค้า 721 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ 4M59 ส่งออก -1.24%YoY นำเข้า -12.7%YoY เกินดุลการค้า 8,910 ดอลลาร์สหรัฐ
     ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การหดตัวของส่งออกเดือนเม.ย.ที่ 8% ถือว่าแย่กว่าที่เราประเมินไว้ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก เพราะมูลค่าส่งออกของเดือนก.พ.-มี.ค.59 ที่ไม่รวมส่งออกทองคำก็หดตัว โดยมูลค่าส่งออกงวด 1Q59 ไม่รวมทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูป -5.1%YoY แต่เมื่อรวมส่งออกทองคำฯที่โตก้าวกระโดดหลายเท่าตัวแล้วจะ -1.4%YoY ในไตรมาส 1/59 สำหรับแนวโน้มส่งออกยังไม่สดใส คาดว่าต้องใช้เวลาอีกพอควรในการฟื้นตัว เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดโลกยังอ่อนแอ ซี่งจะส่งผลกระทบมายังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการส่งออกให้ซบเซาต่อ สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนเม.ย.59 ลดลงเป็น 85.08 จาก 86.7 ในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นหลังจากนี้ คาดว่าจะเป็นการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ ขณะที่ภาคท่องเที่ยวจะชะลอการเติบโตลง เนื่องจากฐานตัวเลขภาคท่องเที่ยวในไตรมาส 2/58 สูงขึ้นประกอบกับเข้าสู่ฤดูกาล Low season อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐก็คืบหน้าไม่มาก และต้องลุ้นว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากโครงการใหม่เข้าสู่ระบบได้ทันช่วง 2H59 นี้หรือไม่ ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มวัสดุก่อสร้างหลายรายประเมินว่าเร็วสุดน่าจะเริ่มเข้ามาใน 4Q59 แต่ไม่มาก แล้วค่อยไปดีขึ้นในปี 60 ซึ่งหากเป็นเช่นนี้การเติบโตของ GDP ไทยในปีนี้ก็อาจจะไม่เกิน 3%

กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง : ยอดขายแถวจังหวัดชายแดนเติบโตแกร่ง+ราคาเหล็กขึ้นหนุนกำไร 1Q59
     ยอดขายของค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในจังหวัดชายแดนไทย-ลาว, ไทย-กัมพูชา และไทย-เมียนมาร์ ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง เพราะการค้าการขายระหว่างชายแดนยังไปได้ดีมาก ประกอบกับผู้ประกอบการค้าปลีกมีการเปิดสาขาใหม่ และบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงได้กำไรจากการปรับขึ้นของราคาเหล็กในช่วง 4-5 เดือนแรกของปีนี้มาเป็น Windfall ด้วย กำไรของผู้ประกอบการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างจึงเติบโตดีในช่วงไตรมาส 1/59 ทั้ง GLOBAL, HMPRO และรวมไปถึงบริษัทวัสดุก่อสร้างอย่าง DRT ที่หันมาเน้นส่งออกไปตลาด CLMV ด้วย
      แนวโน้มไตรมาส 2/59 ทาง Retail Research คาดว่ายอดขายชายแดนและส่งออกไป CLMV จะยังเติบโตได้ดี แต่ยอดขายในประเทศยังซบเซา และภาวะภัยแล้งก็มีส่วนกดดันบรรยากาศการซื้อขายวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดด้วย นอกจากนั้นราคาเหล็กที่ลดลงแรงในปลายพ.ค.-มิ.ย.ก็เป็นความเสี่ยงกับผู้ค้าปลีกที่มีสต็อกสินค้าเก็บไว้มากๆ ในเชิงกลยุทธ์ เรามีมุมมองที่เป็นกลาง (Neutral) กับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทั้ง GLOBAL และ HMPRO โดยการเล่นรอบ แนะให้หาจังหวะขายทำกำไร ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำถือกรณีมีหุ้นต้นทุนต่ำ

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

 

loading...

 

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!