- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 May 2016 16:45
- Hits: 560
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ซึมลง รอสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ เพิ่มเติม
KGI คาด SET วันอังคารซึมลง กรอบแคบ (วานนี้แกว่งลง ตามคาด และอ่อนแอกว่าตลาดอื่น) ผู้เล่นในตลาดยังชะลอการซื้อขายเพื่อหาความชัดเจนเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ผู้ว่าการเฟดถึงสี่ท่านออกมาให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน คือ i) เงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจขึ้นต่อหลังตลาดแรงงานดีขึ้นเป็นลำดับ ii) ดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะขึ้นสัก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ KGI คาด ทั้งนี้หลังข่าวดังกล่าว Fed fund probability (โอกาสการขึ้นดอกเบี้ย) เดือน มิ.ย. ขึ้นมาเป็น 30% จาก 23% ก่อนข่าวออก โดยการแถลงของประธานเฟดในวันศุกร์นี้จะเป็นเครื่องชี้สำคัญต่อประเด็นดังกล่าว ส่วนตลาดน้ำมันทรงตัวหลังอิหร่านแถลงว่าจะส่งออกน้ำมันเพิ่มต่อไป หักล้างตัวเลขผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ที่ยังลดลงต่อเนื่อง ด้านปัจจัยภายในมีน้ำหนักน้อยในช่วงนี้ ส่วนมุมมองดัชนีฯ คงกรอบเดิมคือ 1,370-1,440 ในช่วงไตรมาสสอง และหากดัชนีฯ ลงต่ำกว่า 1,370 (Current PE band 17 เท่า) น่าสนใจสะสมหุ้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร COM7, KCE*
COM7 (เป้าเฉลี่ย Consensus 8.0 บาท, สูงสุด Consensus 9.0 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.75 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน แบบ EMA) โดยหากยังยืนเหนือแนวรับดังกล่าว เราประเมินว่าในระยะสั้นยังเป็น Uptrend ต่อเนื่อง และประเมินกรอบราคาระยะกลางไว้ที่ 7.50 – 8.50 บาท 2) บ่ายวานนี้ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศไต้หวัน ออกบทวิเคราะห์ “Apple alert” คาดการณ์ Apple จะเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ใน 2H59 (เน้นความเบา+บางขึ้น) โดยยอดขาย Laptop ในปี 2558 คิดเป็น 22% ของยอดขายรวมของ COM7 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตจาก i) ซื้อสินค้าตรงจาก Apple ตัดคนกลาง (เม.ย.59) ii) ขายเครื่องพ่วงซิม TRUE* (พ.ค.59) iii) เข้าบริหารร้าน True shop 166 สาขา (กลางปี 2559)
KCE* (เป้าพื้นฐาน 90 บาท) 1) รูปแบบราคา Sideway กรอบแคบ 77 – 79 บาท หาก Breakout แนวต้าน 79 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 82.5 บาท (กรณีที่ Breakdown แนวรับ 77 บาท แนะนำ Stop loss) 2) ในเชิงกลยุทธ์ คาดแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนตัวลงต่อเนื่องก่อนการประชุม FOMC กลางเดือน มิ.ย.นี้ (ตลาดฯคาด Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย) เป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มส่งออก (ค่าเงินบาทอ่อน + การขึ้นดอกเบี้ยสะท้อนเศรษฐกิจโลกดีขึ้น) 3) ในเชิงพื้นฐานคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ยังดี (เบื้องต้นคาดทรงตัว QoQ และบวก YoY) ขณะที่ไตรมาส 3/59 จะเริ่มเร่งตัวขึ้นจากการเข้าสู่ High season + โรงงานใหม่เริ่มเดินเครื่อง
หุ้นในกระแส
SOLAR ส่งงบการเงินไตรมาส 1/59 แก้ไขจากขาดทุน 21.6 ล้านบาท เหลือขาดทุน 2.6 แสนบาท ในข้อมูลคำอธิบายและวิเคราะห์งบของฝ่ายจัดการ (MD&A) ที่ส่งไปที่เว็บไซต์ www.set.or.th เย็นวานนี้ คือ “มีการบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าไว้สูงไปในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ” (อยู่ในรายการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) เราประเมินจะทำให้ Sentiment ในหุ้น SOLAR กลับดีขึ้นและมีโอกาสที่จะเกิด Technical rebound สำหรับนักเก็งกำไรสั้น แนะนำกำหนดจุด Stop loss ที่ 4.12 บาท และประเมินแนวต้าน 4.68 บาท, 5.15 บาท
กลุ่มส่งออก (KCE*, SVI*, SMT) จากประเด็นเรื่องโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน มิ.ย.นี้ จะทำให้ i) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบดอกสหรัฐฯ และ ii) ส่งสัญญาณเรื่องเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น คาดจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกอิเล็กทรอนิกส์
กลุ่มการบริโภคในประเทศ (เน้นต่างจังหวัด) จากการเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนและปรากฏการณ์ El Nino ใกล้จบลงแล้ว (อ้างอิงข้อมูล กรมอุตุฯประเทศออสเตรเลีย) ทำให้คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยเฉพาะในต่างจังหวัด จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แนะนำ “สะสม” CPALL*, DCC, GLOBAL, DRT
กลุ่มพลังงานทดแทน เราแบ่งหุ้นออกเป็น 3 กลุ่มฯ ที่น่าสนใจในขณะนี้คือ i) หุ้นงานรับเหมาฯ เราประเมินด้วยปัจจัยเรื่องของขนาดรายได้ของบริษัทฯ (Size effect) PSTC จะเป็นหุ้นที่เด่นสุดในกลุ่มฯ และวางระบบไฟฟ้า เราประเมิน ASEFA ที่มี Market share 25-30% จะได้อานิสงส์จากโครงการนี้ ii) หุ้นที่เข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวล+ขยะ เราประเมินหุ้นที่เป็นม้ามืดอย่าง ECF (JV ร่วมกับ FPI) หากประมูลชนะจะมีแรงเก็งกำไร (Positive surprise) มากกว่าหุ้นที่คาดหวังในธุรกิจนี้อย่าง TPCH และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมฯ ประเมิน BWG เด่นสุดในกลุ่มฯ และกลุ่มสุดท้าย iii) หุ้นที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เลี่ยงความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของการประมูล FiT อย่าง IFEC จะเด่นสุดในกลุ่มฯ
หุ้นมีข่าว
(0) 5 ทีวีดิจิทัลยื้อจ่ายค่าธรรมเนียมงวดสาม หลังจากครบกำหนดวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ยังมีอีก 5 ช่องดิจิตอล (ONE, PPTV, Thairath TV, GMM Channel, และ Brigth TV) ที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน (จากทั้งหมด 22 ช่อง) กสทช. จะให้เวลาสองสัปดาห์และยังคงผ่อนผันให้แค่จ่ายดอกเบี้ย 7.5% โดย 5 ช่องกล่าวว่าต้องการรอคำสั่งศาลปกครองกลางในวันที่ 27 พ.ค. นี้ ที่อาจได้รับการคุ้มครองเลื่อนจ่ายค่าไลเซนต์ แต่ยังยืนยันที่จะจ่ายพร้อมดอกเบี้ยหากศาลไม่คุ้มครอง เรามองข่าวนี้เป็นกลางต่ออุตสาหกรรม เนื่องจากช่องเหล่านี้ยังคงออนแอร์ปกติ ซึ่งส่วนแบ่งงบโฆษณาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดย WORK* ยังคงเป็นหุ้น Top pick ของเรา แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 45.0 บาท
(+) SEAFCO คว้างาน 154 ล้าน (ข่าวหุ้น) นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/59 บริษัทได้รับงานเพิ่ม จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 154 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
(+ MINT*, IFEC) ท่องเที่ยวปรับแผนดันรายได้ (โพสต์ทูเดย์) ไตรมาส 2 รายได้ท่องเที่ยว 5.6 แสนล้าน ชะลอตัวจากไตรมาสแรก การท่องเที่ยวเร่งปรับแผนจับกลุ่มกำลังซื้อสูง นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในการรายงานภาวะเศรษฐกิจท่องเที่ยวฉบับที่ 3 ว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวไตรมาส 2 คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 5.6 แสนล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่มีรายได้ 6.8 แสนล้านบาท สะท้อนว่าการท่องเที่ยวไทยยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน เพื่อกระจายรายได้ในแต่ละไตรมาสให้มีความใกล้เคียงกัน
(+) BTS* ทุ่ม 2 แสนล.ลุยรถไฟฟ้า 'สมคิด' ชี้ โอกาสทองลงทุน - ประมูล 3 โครงการมิ.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ) "คีรี"เปิดกว้างพันธมิตร จ่อจับมือ"ซิโน-ไทย" ลั่นร่วมประมูลทุกโครงการ บีทีเอสซื้อรถไฟฟ้าล็อตใหญ่ 1.1 หมื่นล้าน "สมคิด"ยกเป็นตัวอย่างธุรกิจกล้าลงทุนในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว พร้อมเร่งรฟม.เปิดประมูลรถไฟฟ้า3สายในเดือนมิ.ย.นี้ ด้าน"คีรี"ลั่นพร้อมประมูลทุกโครงการ เตรียมเงินลงทุน 2 แสนล้าน ขณะโบรกฯมองโอกาสสูงได้งานเดินรถเพิ่ม
(+) GL* ผนึกกำลังพันธมิตรบุกดิจิทัลไฟแนนซ์ 'อิเหนา' (กรุงเทพธุรกิจ) กรุ๊ปลีส ผนึกเจ ทรัสต์ ตั้ง "จีแอลเอฟไอ" รุกตลาดดิจิทัลไฟแนนซ์ในอินโดนีเซียไตรมาส2 จับตลาดรากหญ้าพัฒนาคุณภาพชีวิต ชูจุดแข็งสาขาแบงก์พันธมิตรพร้อมรุกเพิ่มจุดบริการ วางเป้าขยายสินเชื่อใน5ปีแตะ 4,000ล้านดอลลาร์ เล็งขยายตลาด"เวียดนาม-พม่า" ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
BWG (เป้า Consensus 2.62 บาท) ประเมินแนวรับ 1.71 บาท แนวต้าน 1.85 บาท, 2.0 บาท ... คาดปลายไตรมาส 3/59 ถึง ต้นไตรมาส 4/59 เริ่ม COD โรงไฟฟ้าขยะ (อุตสาหกรรมฯ) เฟสแรกกำลังการผลิต 9MW
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท ... มีโอกาสปรับขึ้น) ราคาหุ้นอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 6 บาท แนะนำทยอยสะสม ... ทยอยซื้อพลังงานทดแทนในต่างประเทศ และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ รร ดาราเทวี
AAV* (เป้า Consensus 6.68 บาท) แนะนำ “สะสม” ที่แนวรับ 5.9 และ 5.7 บาท โดยประเมินกรอบราคาในระยะกลางไว้ที่ 5.60 – 6.75 บาท ... ในเชิงพื้นฐานประเมิน Earnings momentum ในไตรมาส 2/59 ยังโต YoY จาก Load factor เฉลี่ยที่ 83% เทียบกับ 79% ในไตรมาส 2/58
SMT (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 7.82 บาท) ประเมินแนวรับ 6.6 บาท แนวต้าน 7.0 บาท และถัดไปที่ 7.25 บาท ... กำหนด XW วันที่ 1 มิ.ย. นี้แจกวอร์แรนท์ฟรี 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอร์แรนท์ + ธุรกิจใหม่ประกอบโซลาร์เซลล์ คาดเฟสแรก (กำลังการผลิต 60MW) เริ่มรับรู้รายได้ใน 2H59
TKS (เป้า Consensus 10.8 บาท) ประเมินแนวรับ 8.35 บาท … ธีมเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มเป็นระบบชิปการ์ด และพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 56 บาท) ราคาหุ้นอ่อนตัวลง หลังปรับขึ้นใกล้แนวต้านหลักที่ ±50 บาท สำหรับนักลงทุนที่ขายทำกำไรบริเวณใกล้แนวต้านดังกล่าวไปแล้ว แนะนำ “สะสม” ที่แนวรับ 47 บาท ... ประเมินเงินเฟ้อที่จะเริ่มดีขึ้น เป็นธีมหลักการลงทุนใน CPALL* เพราะจะทำให้ SSSG ฟื้นตัวขึ้น
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TMT* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 13.20 บาท (ปรับขึ้นจาก 11.40บาท) ข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ยังมีมุมมองเป็นบวก โดยแม้ราคาเหล็กเริ่มชะลอตัว แต่คาดจะยืนได้ดีที่ระดับ 20 บาท/ก.ก. ขณะที่ความสามารถในการชิงส่วนแบ่งการตลาดหนุนให้ยอดขายปี 2559 เติบโตสูงสุดที่ 6 แสนตันต่อปี ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1Q16 ที่คิดเป็น 81.3% ของประมาณการเดิมของเรา ประกอบกับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปียังเติบโตแข็งแกร่ง ส่งผลให้เราปรับประมาณปี 2559 เพิ่มขึ้น 67.9% เป็น 576 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 79.6% YoY)
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยสั้นอยู่ที่ 1383 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1383 จุดนั้น อาจคงแรงกดลงในกรอบ 1383-1365 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1383 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1383-1404 จุด
แนวรับวันนี้: 1377/1370 แนวต้านวันนี้: 1383/1397
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]