- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 May 2016 18:37
- Hits: 3811
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสลดลง ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณของเฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่ 2.0% ซึ่งคาดส่งผลให้เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ รวมถึงเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มส่งออกที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาท เช่น กลุ่มอิเลคโทรนิกส์ เป็นต้น
ส่วนทางด้านกลุ่มพลังงาน คาดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ไม่มาก โดยระดับราคาน้ำมันยังอยู่ใกล้ 50USD ซึ่งเป็นระดับสูงในรอบ 6 เดือน คาดยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการที่สูงขึ้น ขณะที่ปริมาณผลิตเริ่มลดลง
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ (-) Fund Flow ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 903 ล้านบาท แนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ คาดหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาค รวมถึงไทย (+) แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ โดยล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3%
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL
(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -3.36, NASDAQ +23.39, S&P +0.42, FTSE -1.97, CAC +21.73 และ DAX +53.04
ภายใต้ปัจจัยกดดัน (1) เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อ 26-27/4/59 ระบุว่าเฟดอาจจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. (14– 15/6/59) หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องใน 2Q/59 และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง รวมถึงเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% และ (2) ราคาน้ำมันปรับลดลง หลัง EIA เปิดเผย
สต๊อกน้ำมันล่าสุดเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากเจ้าหน้าที่เฟด สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตามเฟดเปิดเผยรายงานประชุมหลังตลาดหุ้นยุโรปปิด
ทำการแล้ว
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.12 อยู่ที่ US$48.19 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยลบ (1) EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 541.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล และ (2) เงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นหลังเฟด ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ขณะที่อยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,122.28
สถาบัน -522.68
บัญชีหลักทรัพย์ -506.1
ต่างประเทศ 902.94
ในประเทศ 125.85
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.12 อยู่ที่1.88% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -0.38 อยู่ที่15.95
หุ้นแนะนำ: KTC
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788