- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 May 2016 18:31
- Hits: 1273
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
แรงกดดันภายนอกเผชิญกับความเชื่อมั่นในประเทศ
คาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ จากความก้ำกึ่งระหว่างปัจจัยลบภายนอก และความเชื่อมั่นภายในประเทศที่ดีขึ้น ภายนอกประเทศรายงานการประชุมคณะกรรมการการเงินของสหรัฐ ส่งสัญญาณว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ในเดือน มิ.ย. กดดันหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่ภายในประเทศกระทรวงการคลังมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจไทยโตแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสที่ 1 โดยมองว่าจะขยายตัวแรงขึ้นอีกในไตรมาสที่ 2 และอาจโตได้ถึง 4% ในไตรมาส 3 ใน๘ณะที่แม้ว่าประชาชนรากหญ้ายังระมัดระวังเรื่องเศรษฐกิจอยู่ แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของรากหญ้า อยู่ในระดับที่สูงกว่าจุดแบ่งระหว่างความเชื่อมั่นกับไม่เชื่อมั่นมาก
หุ้นเด่นวันนี้ : ANAN (Bt3.44; NR; 16TP Bloomberg Bt4.15)
เราเลือก ANAN เป็น Top Pick จากการที่คาดว่าจะรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องขึ้นเรื่อย ๆ และสูงสุดช่วงไตรมาส 4/59 แนวโน้มผลประกอบการสดใส ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง และแนวโน้มราคาทางเทคนิคแข็งแกร่ง ANAN ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เท่ากับ 149 ล้านบาท (EPS 0.04 บาท) ดีกว่าตลาดคาดการณ์ แม้กำไรไตรมาสนี้ออกมาจะคิดเป็นเพียง 11% ของกำไรสุทธิทั้งปีของ Bloomberg Consensus ที่คาดไว้ 1.4 พันล้านบาท (EPS 0.43 บาท) เติบโต 19% และ 21% ในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของ ANAN จะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นหลัก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าไตรมาส 2/59 นี้ รายได้และกำไรสุทธิคาดว่าเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการรับโอนโครงการเข้ามาตามกำหนด
และยังได้ผลบวกเรื่องมาตรการลดค่าโอนจาก 2% เป็น 0.01% ก่อนหมดอายุ 28 เม.ย. 59 อัตราปันผลตอบแทนต่อปีของ ANAN อยู่ที่ 3% ณ ปัจจุบัน ANAN ซื้อขายที่ PER 8 เท่า เทียบกับ PER กลุ่มที่ 9.15 เท่า ราคาเป้าหมายตาม Consensus เท่ากับ 4.10 บาท ยังเหลือ upside 19% Price Pattern ของ ANAN ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยยังเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal ซึ่งบ่งบอกว่า Price Pattern ของ ANAN ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ANAN คาดว่ามีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 3.52 บาท โดยหาก Price Pattern ของ ANAN ยังมีความแข็งแกร่งที่มากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 3.52 บาทได้ คาดว่าจะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 3.68 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 3.84 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ANAN มีจุด Stop Loss ระยะสั้นของรอบนี้อยู่ที่ 3.32 บาท (Resistance: 3.46, 3.50, 3.56; Support: 3.40, 3.36, 3.30)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สศค. มองบวกมากขึ้นหลังไตรมาส 1/59 เติบโตเกินคาด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.3% ในปีนี้ หลังจากในไตรมาส 1/59 เติบโตได้ 3.2% กล่าวโดย นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่ามีแนวโน้มที่การเติบโตจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสสองและอาจแตะระดับสูงสุดของปีในไตรมาส 3/59 ก่อนจะรับลงเหลือ 3% ในไตรมาสสี่ การเติบโตหลักมาจากผลพวงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (Bangkok Post)
รากหญ้ายังกังวลต่อเศรษฐกิจ จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากต่อการใช้จ่ายอยู่ที่ 61.3 สูงกว่าจุดแบ่งระหว่างความเชื่อมั่นสูงและต่ำอยู่ 50 จุด ดัชนีบ่งชี้ว่ารากหญ้ายังมั่นใจต่อความสามารถในการใช้จ่าย แต่ด้านรายได้, การออม, ความมั่นคงของงาน การชำระหนี้ และเงื่อนไขทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแออยู่ (Bangkok Post)
นายกประยุทธ์จะกระตุ้นการค้ารัสเซีย ให้เติบโตได้ห้าเท่าภายในห้าปี ซึ่งเป็นการประกาศความตั้งใจในงานเจรจาธุรกิจระหว่างไทยและรัสเซียเมื่อวานนี้ ระหว่างพบกับรัสเซีย นายกประยุทธ์กล่าวว่าคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สามารถให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา 8 ปีสำหรับนักลงทุนรัสเซียซึ่งอาจจะได้รับอนุญาตให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินสำหรับประกอบธุรกิจในไทย ในปี 58 การค้าระหว่างไทยและรัสเซียรวมอยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
รายงานการประชุมเฟด: มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายเฟดระบุว่าข้อมูลล่าสุดทำให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นใกล้ระดับเป้าหมายของเฟด 2% และพวกเขากังวลน้อยลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของโลก จากรายงานการประชุมของเฟดเมื่อวันที่ 26-27 เม.ย. คณะกรรมการฯ กล่าวอีกว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หากมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2/59 ขยายตัวดีขึ้น บรรดาเทรดเดอร์ในตลาดวอลล์สตรีทต่างคาดการณ์ว่ามีโอกาส 34% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 20% เมื่อวันอังคาร จากข้อมูลของ CME Fedwatch นอกจากนี้ เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาสมากกว่า 50% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ค. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดเทียบกับเงินยูโรในรอบกว่า 3 สัปดาห์เมื่อวันพุธ และผ่านระดับ 110 เยนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 สัปดาห์หลังผลการประชุมเฟดส่งสัญญาณว่ามีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. เงินยูโรล่าสุดปรับตัวลดลง 0.8% อยู่ที่ ระดับ 1.1220 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุดนับแต่ 25 เม.ย. ส่วนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 1% เทียบกับเงินเยนอยู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ที่ 110.23 เยน (Reuters)
ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนเมื่อวันพุธ ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ที 0.912% สูงสุดนับแต่ 16 มี.ค. ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 ปีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.085% สูงสุดนับแต่ 23 มี.ค. ส่วนราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปี ลดลง 1 จุด และผลตอบแทนอยู่ที่ 1.878% สูงสุดนับแต่ 27 เม.ย. ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีลดลงเกือบ 2 จุด และผลตอบแทนอยู่ที่ 2.679% สูงสุดนับแต่ 4 พ.ค. (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากรายงานการประชุมเฟดในเดือนเม.ย. ส่งสัญญาณแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ หุ้นในกลุ่มการเงินซึ่งถูกมองว่าจะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นกลุ่มที่มีราคาปรับตัวขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงมีแนวโน้มจะถูกเทขายเมื่อมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็นเป็นกลุ่มที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงวันพุธ ตามตลาดหุ้นเอเชียและสหรัฐที่เป็นลบเพราะกลับมาคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเริ่มตั้งแต่ มิ.ย. (Reuters)
เอเชีย :
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 5.5% MoM ใน มี.ค. แต่บริษัทคาดว่าการลงทุนจะลดลงในไตรมาส 2/59 ชี้ว่ายังระมัดระวังมุมมองต่อธุรกิจอยู่ ตัวเลขสั่งซื้อ มี.ค.มากกว่าที่คาดกันว่าจะเพิ่มโดยเฉลี่ย 0.5% สำหรับ ก.พ. ยอดสั่งซื้อร่วง 9.2% เทียบเดือนก่อน แต่บริษัทก็คาดกันว่ายอดสั่งซื้อในไตรมาส 2 น่าจะกลับมาร่วงลง ในไตรมาส 1 ยอดสั่งซื้อหลักเพิ่ม 6.7% เทียบไตรมาสก่อน เมื่อเทียบปีก่อน ตัวเลข มี.ค. เพิ่ม 3.2% มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 0.8% (Reuters)
ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป ระบุ ได้ใช้วิธีการทดสอบการการประหยัดเชื้อเพลิงที่ไม่เหมาะสมในรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น แต่การทดสอบที่เหมาะสมต่อมาก็ได้แสดงผลว่าตัวเลขการใช้งานรถไม่จำเป็นต้องแก้ ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ได้เล่นงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ (Reuters)
สหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีสูงสำหรับสินค้าเหล็กจากจีน: ในวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐฯ กล่าวว่าจะกำหนดอัตราภาษีที่มากกว่า 500% สำหรับเหล็กรีดเย็นจากจีน ซึ่งนำไปใช้ในการผลิตตัวถังรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการก่อสร้าง ทางจีน ก็กล่าวว่าจะยังคงให้การคืนภาษีแก่ผู้ส่งออกเหล็ก เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกที่ต้องเสียหายจากโครงสร้างธุรกิจนี้ เป็นการท้าทายการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ จีนสร้างผลกระทบต่อคู่แข่งอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลก ในการส่งออกเหล็กราคาถูกมาดั๊มตลาด หลังจากอุปสงค์ในประเทศตัวเองชะลอตัว (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันในวันพุธปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในปี 2559 หลังทะยานขึ้นต่อหลังจากแรลลี่มาสองวันที่ผ่านมา สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าหลังเฟดส่งสัญญาญการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ได้รับผลลบจากการเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากอิหร่านไปยังยุโรป และเอเชีย หน่วยงาน EIA ของสหรัฐฯ รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.31 ล้านบาร์เรล เหนือความคาดหมาย มาอยู่ที่ 541.29 ล้านบาร์เรล การส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะเพิ่มก้าวกระโดดในเดือน พ.ค.นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไปยังเอเชียและยุโรป เพิ่มขึ้นเกือบ 60 % จากปีก่อน เป็น 2.1 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 48.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 48.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปถึง 48.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเทียบเท่าราคาในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2558 (Reuters)
ราคาทองคำปรับลดลงมากกว่า 1% ในวันพุธ หลังจากค่าเงินดอลลาร์ขึ้นสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อผลการประชุมนโยบายของเฟดออกมา ราคาสปอตของทองคำดิ่งลง 1.28% ไปปิดที่ 1,263.2 เหรียญฯ ต่อออนซ์ และต่ำสุดในช่วงเวลาการซื้อขายที่ 1,262.45 เหรียญฯ ต่อออนซ์ ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์สหรัฐฯ ลง 0.2% มาที่ 1,274.4 เหรียญฯ (Reuters)
ทองแดง: ในวันพุธร่วงลงไปต่ำสุดในรอบสามเดือน จากแรงกดดันของค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองแดงล่วงหน้า 3 เดือน ในตลาด LME ปิดตัวลง 0.9 % ที่ 4,612.50 เหรียญฯ ต่อตัน หลังลงไปแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 4,563.50 เหรียญฯ ต่อตัน เป็นระดับอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ 19 ก.พ.59(Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.16 1.8 3.39