- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 May 2016 18:28
- Hits: 726
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET lndex : แนวต้านสำคัญ 1410-1412 ถ้าผ่านแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1450
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1400.50 จุด ลดลง 6.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,122 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1400 จุดหลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1410 จุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ และแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1390 จุด
Daily : ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นหลังจากพยายามทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1410 จุดขึ้นไป แต่มีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน และสื่อสารกดลงมาปิดที่บริเวณ 1400 จุด ในขณะที่แนวโน้มหลักของ SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1390 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย และมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้านที่ 1410 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1450 และ 1480 จุด แต่เน้นการเข้าซื้อในหุ้นรายตัว ในขณะที่แนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1390 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด
Asia Fund Flow : 18 พฤษภาคม 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 53 ล้านเหรียญ (19 พ.ค.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 68 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 20 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 1 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 25 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
ADVANC สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 168 และ 175 157 / 155 160 / 162
JAS แนวโน้มขึ้นทดสอบ 4.80 แต่เป็นจังหวะทยอยขายทำกำไร แนวรับสำคัญ 4.40 4.64 / 4.60 4.80 / 4.84
PTTEP ทดสอบแนวต้านที่ 78.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 82.00 76.00 / 75.00 78.00 / 79.00
PTT ทดสอบแนวต้านที่ 314-315 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 330 แนวรับ 300 307 / 304 314 / 315
TRUE เคลื่อนไหวในกรอบ 7.30-7.70 7.40 / 7.30 7.50 / 7.60
lVL ขายที่แนวต้าน 32.00 แนวรับ 29.00 และ 28.00 30.00 / 29.00 32.00 / 32.50
CPF ขายที่แนวต้าน 29.00 แนวรับ 27.00 และ 26.00 28.00 / 27.00 29.00 / 29.50
CPALL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 50.00 แต่เป็นจังหวะขายทำกำไร แนวรับ 48.00 48.50 / 48.00 50.00 / 50.50
PTTGC เคลื่อนไหวในกรอบ 58.00-61.00 59.00 / 58.00 61.00 / 62.00
TPlPL ระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 2.20 แนวต้าน 2.36-2.40 2.20 / 2.16 2.30 / 2.36
Ladprao General Hospital (LPH TB; THB 8.30) -ซื้อ
แนวต้าน : 8.80 และ 9.00 / เป้าหมาย 9.20
แนวรับ : 8.30 และ 8.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมากไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ LPH โดยมีแนวรับที่ 8.30 และ 8.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 8.80 และ 9.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 8.00 ลงไป
Keppel Thai Properties (KTP TB; THB 2.86) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.16 และ 3.30 / เป้าหมาย 3.50
แนวรับ : 2.84 และ 2.80
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ KTP โดยมีแนวรับที่ 2.84 และ 2.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.16 และ 3.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.70 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET....กลุ่มอาหาร+เครื่องดื่ม
กลุ่มอาหารเป็นอีกกลุ่มที่นักวิเคราะห์มีการปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้นและราคาเป้าหมายขึ้น จนส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงมากๆ หากดูดัชนีกลุ่ม 11 บริษัทหลัก จากรูปด้านซ้าย พบว่าเมื่อดัชนีกลุ่มลงไปต่ำสุดในต้นปี 2016 หลังจากนั้นพุ่งขึ้นแรง โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของบางอุตสาหกรรมในกลุ่มผู้ผลิตอาหาร นอกนั้นเป็นแรงหนุนจากผลการดำเนินงาน Q1/16 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ที่สำคัญทาง MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้น 2 ตัวในดัชนี MSCI Thailand คือ TU และ CPF
ทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม น่าจะยังมีแนวโน้มไปได้ต่อในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อาจจะไม่แรงมากนัก โดยในส่วนผู้ผลิตอาหาร(TU CPF GFPT) อาจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางต้นทุนที่สูงขึ้นจากภัยแล้งและการได้รับใบเหลืองจากสหภาพยุโรป ส่วนผู้ผลิตน้ำตาล (KSL KBS KTIS BRR) คาดยังประคับประคองตัว ส่วนถั่วเหลือง(TVO) แม้จะได้อนิงสงค์จากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลก แต่ราคาหุ้นขึ้นมาสูง ที่เหลืออย่าง CBG TKN ICHI และ TIPCO คาดยังคงแกว่งตัวไปมา หลังรับข่าวผลการดำเนินงาน Q1/16
คาดราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในช่วงปลาย พ.ค. ถึง มิ.ย. น่าจะยังคึกคัก หลังหุ้นใหญ่อย่างพลังงาน สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ปูนและที่โยงท่องเที่ยว เผชิญแรงขายทำกำไร หลังขึ้นมาสูง หุ้นในกลุ่มนี้ที่คาดว่าน่าจะกลับมาเล่น น่าจะเป็นหุ้นที่ยังไม่แพง ราคาหุ้นขึ้นได้น้อยและอุตสาหกรรมยังพอไปได้อย่าง CBG
หลังจากที่เมื่อวันก่อนสหรัฐประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อ (CPI) ในเดือนเม.ย. ออกมา +1.1% yoy (+0.4% qoq) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี 2 เดือน (เป้าหมาย CPI ของ Fed อยู่ที่ 2.0%) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน (ปัจจุบันราคาน้ำมันยังทำ new high ในรอบปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ CPI ปรับขึ้นไปต่อเนื่องด้วยเช่นกัน) และอาหาร ส่งผลให้ตลาดเริ่มกกลับมากังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมิ.ย. เมื่อบวกกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. (14-15 มิ.ย.) หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเป็นตรงกันว่า หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 2 รวมทั้งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ในการประชุมเดือนมิ.ย.ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม จากผลดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เราแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรหลังตลาดขึ้นมาที่เป้าหมายของเราที่ 1400 จุด โดยแนะนำ ขายทำกำไร หุ้นกลุ่มธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง โรงแรมและการท่องเที่ยว พลังงาน&ปิโตรเคมี เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายการขายของนักลงทุนต่างประเทศ ในขณะที่เราแนะนำ ซื้อ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท (ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 2.5% นับจากต้นเดือนที่ผ่านมาจาก 34.80 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 35.67 บาท/ดอลลาร์ในปัจจุบันซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือนและมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ) อย่างกลุ่มอิเล็คโทรนิคส์ (KCE DELTA SVI) กลุ่มอาหาร (CPF TU GFPT) และหุ้น defensive play ที่น่าจะเป็นเป้าหมายของการพักเงินรอตลาดปรับฐานในรอบนี้ที่ให้อัตราเงินปันผลสูงอย่าง ADVANC (yield 6.4%, ราคาเป้าหมาย 184 บาท), INTUCH (7.5%, เป้าหมาย 60 บาท), LH (6.7%, เป้าหมาย 9.75 บาท), JASIF (9.7%, เป้าหมาย 11 บาท) โดยวันนี้เราให้แนวรับที่ 1390-1396 และแนวต้านที่ 1405-1410 จุด
Analysts :
Kiatkomg Decho +662 657-9236 [email protected]