WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสลดลงตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ภายใต้ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ที่สดใส ทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อยู่ระหว่างรอการเปิดเผยผลการประชุมเฟด (เมื่อ 26 – 27/4/59) เช้า พฤ. ตามเวลาไทย
  อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนอยู่จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และคาดยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการที่สูงขึ้น ขณะที่ปริมาณผลิตเริ่มลดลง ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ คาดอาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจาก Fund Flow ที่ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิ 651 ล้านบาท แต่คาดได้รับการชดเชยจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ เกือบ 3,500 ล้านบาท

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
  (2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
  (3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL
  (4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
  (5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -180.73, NASDAQ -59.72, S&P -19.45, FTSE +16.37, CAC –14.71 และ DAX -62.71
หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.4%MoM ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับแต่ก.พ.’56 และเพิ่มขึ้น 1.1%yoy ตามราคาน้ำมัน และอาหาร ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสอดคล้องกับความเห็นของประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และสาขาซานฟรานซิสโก ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – เม.ย. เพิ่มขึ้น 6.6% อยู่ที่ 1.17 ล้านยูนิต
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขส่งออกของยูโรโซน – มี.ค. อยู่ที่ 1.778 แสนล้านยูโร (2.013 แสนล้านดอลลาร์) ลดลง 3%yoy และนำเข้า – ลดลง 8% สู่ระดับ 1.492 แสนล้านยูโร ขณะที่ 1Q/59 ส่งออก และนำเข้า ลดลง 1% yoy และ 3%yoy ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการปรับลดลงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.59 อยู่ที่ US$48.31 ต่อบาร์เรล โดยยังได้รับปัจจัยหนุน หลังโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ตลาดน้ำมันได้สิ้นสุดภาวะอุปทานล้นตลาดแล้ว และอยู่ระหว่างรอตัวเลขสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ รวมถึงอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
  Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.22 1.81 3.38

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 52,939.77
สถาบัน 3,497.37
บัญชีหลักทรัพย์ 65.39
ต่างประเทศ -650.98
ในประเทศ -2,911.78

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 1.76% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.89 อยู่ที่ 15.57
  หุ้นแนะนำ : UNIQ
 นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์  โทร.02-684-8788  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!