- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 July 2014 14:45
- Hits: 2551
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 18-7-14
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดยืนเหนือ 1,535 จุด ปิดที่ 1,535.66 จุด บวก 5.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,277 ล้านบาท
ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่น 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 8 อีก 1,866 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 580 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 15 อีก 9,557 ล้านบาท แม้ว่าปัจจัยการลงทุนจะขาดความโดดเด่นก็ตาม
หลัง SET INDEX ขยับปิดยืนเหนือ 1,535 จุด บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าลงทุนทั้งตลาดหุ้น และ Long ใน SET50 Index Futures โอกาสที่ SET INDEX วันนี้มีโอกาสไต่ระดับขึ้นสู่ 1,540 จุดได้ด้วยแรงเก็งกำไรหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน / ICT รวมถึง SCB/ BBL งบ 2Q57 ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินว่าด่าน 1,540 จุด ยังไม่น่าปิดทะลุผ่านได้ เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ บวกกับ Upside gain ที่จำกัด เทียบกับเป้าหมาย 1,550 จุดในรอบนี้
ขณะที่การประกาศเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มของ คสช. โดยรวมเป็นการคงอัตราภาษีที่ 7.0% จนถึง 30 ก.ย. 2558 ก่อนที่จะขึ้นเป็น 10% ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 ถือว่าปัจจัยกดดันกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศใน 4Q58
ทั้งนี้จับตาปัญหาในยูเครน หลังกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย ยิงเครื่องบินโดยสารของ Malaysian Airline คืนวานนี้ อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบ / ทองคำ มีแนวโน้มขยับขึ้นแรงในช่วงสั้นนี้
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า MBKET ให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่ทยอยประกาศมากขึ้น หลังสิ้นสุดกลุ่มธนาคารในเย็นวันนี้ รวมถึงพัฒนาการเชิงนโยบายจากทางคสช. จับตากานำเสนอทูลเกล้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขณะที่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ยังขาดความโดดเด่น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ “คงการ Swing Trade เน้นการขายทำกำไรและถือเงินสดมากขึ้น หาก SET INDEX ขยับสู่ 1,540 จุด +/-“ พร้อมเก็งกำไรหุ้น Laggard เป็นหลัก
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” AOT / PTTEP
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Speculative Buy: AOT/ PTTEP
Technical View
แนวรับ 1526 / 1520 จุด แนวต้าน 1540 จุด ขยับเข้าใกล้เป้าหมายสำคัญ มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืน 1,535 จุด
มุมมองต่อ SET INDEX ยังคงเป็น “กลาง” Upside gain ยังคงจำกัด ยืนเป้า 1,550 จุด
กลยุทธ์ กลับมาเน้นการขายถือเงินสดมากขึ้นอีกครั้ง หรือ เก็งกำไรแบบจำกัดวงเงิน กับหุ้น Laggard ของกลุ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยตลาดหุ้นจีน เกิดแรงขาย เพราะความกังวลเกี่ยวกับการขายหุ้น IPO ที่อาจทำให้เกิดแรงขายหุ้นในกระดาน เพื่อนำเงินไปจองซื้อหุ้น
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ยังคงแกว่งในกรอบระหว่าง 1,525-1,535 จุด เช่นเดียวกับ 2 วันทำการก่อนหน้า หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารพักฐาน แต่เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT / BCP รวมถึง PTTGC ช่วยพยุงระดับ SET INDEX ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,535.66 จุด บวก 5.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,277 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +6.29%, กลุ่ม Home +2.86%, กลุ่ม ICT +1.44% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +0.19, กลุ่มพลังงาน +0.87% และกลุ่มอสังหาฯ +0.01%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.37 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดลบ นำโดย Nikkei -1.68% ทั้งแรงกดดันจากกรณีค่าเงินเยนแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และความตึงเครียดในยูเครน
MBKET คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อ SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,535 จุด และเทียบกับเป้าหมาย SET INDEX รอบนี้ในมุมมองของ MBKET ที่ 1,550 จุด เหลือ Upside gain เพียง 15 จุด หรือ 1% เท่านั้น แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย และ กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures พร้อมกันอีกครั้งในวานนี้ก็ตาม แต่ MBKET ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานและ ปัจจัยแวดล้อมของการลงทุนแล้ว ยังขาดความโดดเด่น SET INDEX มีโอกาสผ่านด่าน 1,550-1,560 จุด ยังเป็นไปได้อย่างจำกัด ณ ปัจจุบัน SET INDEX สะท้อนถึง
•Valuation ของ SET INDEX ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER14-15 สูงถึง 14.95x และ 13.1x ตามลำดับ เทียบกับค่าเฉลี่ยรายวัน 1SD ของ Forward 1Yr PER และ 2Yr PER ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า 14.35x และ 12.41x ตามลำดับ กล่าวคือ ณ ปัจจุบัน SET INDEX อยู่ในโซนที่แพง กว่า 1SD ในอดีต ย่อมมาพร้อมกับความผันผวนของ SET INDEX ที่มากขึ้น
•ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ ขยับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ราคา ณ ปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2557 เหลือจำกัดมากยิ่งขึ้น
•อีกทั้งปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นในช่วงนี้ นักลงทุนทั่วโลกกลับมาเน้นผลการดำเนินงานใน 2Q57 ทั่วโลก
ทั้งนี้ Downside risk ของ SET INDEX ยังคงจำกัด เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เกิดความเสี่ยง / สัญญาณเชิงลบ ที่จะกดดัน SET INDEX ทำให้ แนวรับ 1,515-1,520 จุด น่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในมุมมองของ MBKET
ปัจจัยพื้นฐานต่อการลงทุนที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายด้านเศรษฐกิจจากทาง คสช. ซึ่งช่วยจำกัด Downside Risk ของ SET INDEX ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
•รายละเอียดของงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท เท่ากับงบประมาณปี 2557 และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท
•ความชัดเจนของร่างรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คสช. ก่อนนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในลำดับต่อไป
•นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐบาลชั่วคราว ที่จะขึ้นมารับตำแหน่งบริหารประเทศ ในระยะที่ 2 ของแผนที่ คสช.กำหนด road map 3 ระยะ หัวหน้าคสช.ยืนยัน เดือนก.ย.จะเห็นภาพชัดเจน
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET คาด SET INDEX ขยับกรอบการแกว่งขึ้นสู่ 1,530-1,540 จุด โดยเป็นการสลับลงทุนในหุ้นหลักระหว่างกลุ่ม โดยกลุ่มธนาคารเข้าสู่การพักฐาน เพื่อรอผลการดำเนินงานในส่วนที่เหลือเย็นนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน / ICT ที่ Valaution ที่ต่ำ บวกกับ เงินปันผลระหว่างกาลที่น่าสนใจ ทำให้เกิดการ Offset ระหว่างกลุ่มหลัก
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ MBKET แนะนำให้ “เน้นทางขายทำกำไร ถือเงินสดอีกครั้ง” หรือเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินในหุ้น Laggard เป็นทางเลือก โดยหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q57 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq ได้แก่ SIM, SAMART, GFPT, TUF, SPCG, KCE, PTTEP, EGCO, HMPRO, GLOBAL
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง รธน. ฉบับชั่วคราว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตลาดคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
•รายละเอียดงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น
•แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เฟส 2-3 ซึ่งเป็น Roadmap ขนาดใหญ่
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดกรอบเบื้องต้นจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.
2.อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะคงที่ 7.0% ไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีหน้า: คสช. ประกาศอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
•ที่ 6.3% บวกกับ ภาษีท้องถิ่นอีก 1 ใน 9 ของอัตราภาษี เท่ากับ 7.0% จนถึงสิ้นเดือนก.ย. 2558
•และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 9.0% บวกกับ อัตราภาษีท้องถิ่นอีก 1 ใน 9 อัตราภาษีรวม เท่ากับ 10.0%
MBKET มีความเห็นเป็นกลางในช่วงสั้น เพราะการคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7.0% ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ แต่เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองในช่วงกลางปีหน้า ว่าภาคการบริโภคจะเร่งการซื้อสินทรัพย์ถาวร อย่างรถยนต์ / ที่อยู่อาศัย หรือไม่ ก่อนที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจะขึ้นเป็น 10.0% ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุน และราคาซื้อขายสินทรัพย์เหล่านั้น
3.งบธนาคารขนาดใหญ่ ออกมาดีกว่าคาดทุกธนาคาร: ณ ปัจจุบันรอการรายงานจากทาง KTB
•BBL: รายงานกำไรสุทธิ 9.03 พันล้านบาท สูงกว่า Consensus คาด 8.67 พันล้านบาท หรือดีกว่า 4.2%
•KBANK: รายงานกำไรสุทธิ 1.17 หมื่นล้านบาท สูงกว่า Consensus คาด 1.15 หมื่นล้านบาท หรือดีกว่าเพียง 1.7%
•SCB: รายงานกำไรสุทธิ 1.47 หมื่นล้านบาท สูงกว่า Consensus คาด 1.39 หมื่นล้านบาท หรือ ดีกว่า 5.8%
4.ความตึงเครียดในยูเครน กดดันบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียวันนี้: หลังกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย ได้ยิงเครื่องบินมาเลเซียน แอร์ไลน์ บินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ไปยังกัวลาลัมเปอร์ ตกในกลางดึกคืนวานนี้ กลายเป็นการสร้างแรงกดดันทางการเมืองระหว่าง รัสเซีย และ ประเทศพันธมิตร อย่างอียู และ สหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น
MBKET ประเมินผลกระทบเป็นกลาง: แม้ว่า ความตึงเครียดในยูเครนจะปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อกลุ่มสนับสนุนรัสเซีย ได้ยิงเครื่องบินพาณิชย์ของมาเลเซียนแอร์ไลน์ ตกในคืนวานนี้ สร้างแรงกดดันทางการเมืองระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกเช้านี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าว กลับเอื้อต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้ขยับขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานของตลาดหุ้นไทย นำโดย PTTEP กลายเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ได้เช่นกัน
5.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ยังคงเป็นเรื่องของงบ 2Q57: เพราะปัจจัยแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ ทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่น
•ติดตามผลการดำเนินงาน 2Q57 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะสิ้นสุดการรายงานในเย็นวันนี้ และตามมาด้วยการประเมินงบ 2Q57 ของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารในสัปดาห์หน้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
•ติดตามพัฒนาการเชิงนโยบายเศรษฐกิจ ของคสช. รวมถึง การนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขึ้นทูลเกล้าฯ
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศ ได้แก่ การนำเข้า - ส่งออก
•ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ GDP ใน 2Q57 ของอังกฤษ, อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ / ญี่ปุ่น
•และติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ของอินโดนีเซีย ซึ่งจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ก.ค.
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 14.95 13.10 15.04 13.10
PSE 19.32 16.73 19.22 16.65
JSE 16.35 13.92 16.52 14.06
KOSPI 10.25 8.93 10.29 8.96
TAIEX 15.38 14.14 15.44 14.30
Straits Time 14.57 13.34 14.57 13.33
SHCOMP 8.17 7.22 8.21 7.24
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTTEP : ราคาปิด 165.00 บาท ราคาเหมาะสม 187.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 14,105 ล้านบาท เติบโต +32.3% yoy และ +13.4% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +5.1% yoy และ +3.0% qoq เป็น 308 บาร์เรลต่อวัน ตามสัดส่วนรับรู้รายได้โครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่เพิ่มขึ้น
b)ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +2.9% yoy และ +3.2% qoq เป็น US$67.00/BOE ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น +1.6% qoq
c)ราคาหุ้นมี Momentum เชิงบวกจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ไต่ระดับขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน +1.9% dod เป็น US$103.19/barrel จากเหตุการณ์ตึงเครียดในยูเครน
d)ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q – 4Q57 ขยายตัว qoq ต่อเนื่อง จากการรับรุ้รายได้โครงการ Hess แบบเต็มงวดใน 3Q57 และ โครงการซอติก้าใน 4Q57
e)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.6 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.1 เท่า และเชื่อว่าจะเป็นหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ
2.AOT : ราคาปิด 210.00 บาท ราคาเหมาะสม 222.00 บาท
a)MBKET เชื่อว่าจะเห็นการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว ใน 3Q57 หลัง คสช.อนุมัติยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน และไต้หวันเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ส.ค. – 31 ต.ค. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านคน จากปีก่อนหน้าที่ 4.2 ล้านคน
b)คาดการณ์กำไรปกติ 3Q56/57 (หรือเทียบเท่างบ 2Q57 ตามปีปฎิทิน) ที่ 2.86 พันล้านบาท +6.5% yoy จากค่าใช้ดอกเบี้ยที่ลดลง -18.9% yoy เหลือ 450 ล้านบาท เพราะมีการทยอยคืนเงินกู้ต่อเนื่อง
c)หากกำไร 3Q56/57 ออกมาใกล้กับที่คาดจะส่งผลให้กำไร 9M56/57 คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรทั้งปี
d)ดังนั้น เรายังคงประมาณกำไรปกติปี 2556/2557 ที่ 13,552 ล้านบาท เติบโต +36.4% yoy และ +14.5% yoy เป็น 15,520 ล้านบาท ในปี 2557/2558
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี Consumer Sentiment และดัชนีชี้นำ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก US$272 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$305 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -78.3 38.8 10,807.0 9,188.0
KOSPI 247.1 146.8 4,794.1 4,875.1
JSE 45.3 74.3 4,823.2 -1,806.4
PSE -4.0 3.1 1,061.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 3.4 1.1 288.9 263.2
SET INDEX 58.1 41.0 -760.1 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เม็ดเงินทุนต่างชาติสะสมหนาแน่นทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,866 +1,316
SET50 Index Futures (สัญญา) +580 -2,196
SSF (สัญญา) -2,726 +328
Metal Futures (สัญญา) +291 -668
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +9,557 +10,542
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 อีก 1,866 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ซื้อสุทธิ 12,944 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเป็น 25,338 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 580 สัญญา เทียบกับตลอด 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 5,824 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 12,907 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาทยอยเปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 9.57 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 6.94 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเช่นกัน เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 291 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า short สุทธิ 2,979 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Short สุทธิ หลังราคาทองคำในตลาดโลกกลับมายืนเหนือ US$1,300 ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 15 อีก 9,557 ล้านบาท รวม 15 วันทำการซื้อสุทธิสูงถึง 102,030 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้น 1.13bps ปิดที่ 3.688%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 511 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 615 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 110.20 10.49% 210.71
TMB 105.93 3.32% 2.77
SCB 81.59 7.67% 183.64
BBL 60.20 7.40% 196.59
PTT 31.27 1.75% 327.39
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 18 โดยเป็นรายการ Big Lot หุ้น RATCH เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 18 มากถึง 8,793 ล้านบาท เทียบกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,303 ล้านบาท รวม 18 วัน ซื้อสุทธิ 33,606 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงานซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 สูงถึง 8,197 ล้านบาท (กระจุกตัวใน RATCH) จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 363 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 749 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 346 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 139 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 76 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 448 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มประกันภัย ขายสุทธิ 50 ล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า หากหักรายการ RATCH ที่ซื้อผ่าน NVDR วานนี้ ออกไป กลุ่มพลังงานจะถูกขายสุทธิ 258 ล้านบาท และทำให้ NVDR โดยรวม ซื้อสุทธิเพียง 338 ล้านบาทเท่านั้น
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
RATCH 8,455.42 49.85 TRUE -309.44 7.45
TMB 831.11 18.86 PTT -235.87 13.21
CPF 69.32 8.26 INTUCH -125.56 21.29
TCAP 54.58 22.33 KBANK -114.23 40.26
BGH 52.77 5.09 BBL -62.68 27.03
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong