WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

NOMURA copyบล.โนมูระ พัฒนสิน : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

Nomura : Key Factors
(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบ WTI +3.5% สู่ $46.23/bbl / Brent +4.5% สู่ $47.6/bbl
(+) Ex Factor: สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง -3.4 ล้านบาร์เรล สวนคาดที่ +8 แสนบาร์เรล
(+) EX Factor: Nomura ปรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปีนี้เหลือเพียง 1 ครั้ง (กย.)
(*) Int Factor: กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามเดิม ตามคาด
(*) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F ที่ 14.82 เท่า ใกล้เคียง LT Avg PER 14.7 เท่า
(*) Fund Flow: ต่างชาติขาย 1002 ลบ, Long Future 257, ซื้อ Bond 861 ลบ
(-) Ex Factor: กำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ กลุ่มค้าปลีก อ่อนแอกว่าคาด
(-) Stat: สถิติ 6 ใน 10 ปีล่าสุด SET เดือน พค. มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -0.3%m-m
SET PER 16F: CNS 14.76x (EPS 93.25) vs Cons.14.82x (LT-Avg 14.7x)
2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 93.25, PER16.25x)
Nomura Daily Top Picks: XO, ERW, KAMART

      Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ ย่อแล้วดีด ในกรอบแนวต้าน 1397/1400 จุด และแนวรับ 1378/1370จุด แนวโน้ม Dollar Index ที่กลับมาอ่อนค่า (วานนี้ -0.5% ลงสู่ 93.823 จุด) หลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง และทำให้โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไม่น่าจะเร่งตัวขึ้นมากนักในปีนี้ (Nomura ให้โอกาสขึ้นเพียง 1 ครั้ง ในช่วง เดือน กย.16) กระตุ้น Flow มีโอกาสไหลกลับสู่กลุ่มประเทศ EM โดดเด่นกว่า แต่อย่างไรก็ตามประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ และการรายงานกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯในกลุ่มค้าปลีกที่อ่อนแอกว่าคาดมาก เป็น Sentiment ลบต่อการลงทุนในระยะสั้น และเพิ่มความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกที่จำกัด Downside ของตลาดได้ จากการรีบาวน์ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หลังแนวโน้ม Dollar Index ที่อ่อนค่า หนุนการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์(วานนี้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ แกว่งขึ้นกว่า +3.5% สู่ระดับ 46.23 เหรียญต่อบาร์เรล รวมถึงราคาน้ำตาลโลก +4.7% สู่ระดับ 16.77 เซนต์ต่อปอนด์) นอกจากนี้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังจำเป็นต้องเพิ่งพานโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก

     เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจาก ECB คาดลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก & เพิ่มวงเงิน QE ช่วง 2H16 และ BOJ คาดลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วง กค.16 ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยพยุงสินทรัพย์เสียงโลกในช่วงถัดไป เช้านี้ Nomura ออกบทวิเคราะห์ Asia Strategy โดยยังคงกังวลต่อความผันผวนของตลาด Asia ในระยะสั้น ซึ่งหากดูจากการรายงานผลประกอบการ 1Q16 มีเพียง 3 ประเทศที่รายงานดีกว่า consensus คาด นำโดย เกาหลี (รายงานแล้ว79% ดีกว่าคาด 12%), ไทย (รายงานแล้ว51% ดีกว่าคาด 10%) และ อินเดีย (รายงานแล้ว48% ดีกว่าคาด 4%) ส่งผลให้ตลาดดังกล่าวค่อนข้าง outperform ในช่วง 2Q16 เมื่อเทียบกับ MSCI Asia ex-Japan อย่างไรก็ตาม สำหรับไทย SET ยังคงถูกปรับลด FY16 EPS ลงต่อเนื่อง กดดันภาพรวมระยะยาว ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำการลงทุนแบบ Defensive เลือกตลาดหุ้น เกาหลี และอินเดีย เป็น safe haven

      Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%

     Short-Term Strategy : ราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ฟื้นต่อเนื่อง (+3.5%) คาดช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, TOP, SCC, IVL) พยุงตลาด ขณะที่จังหวะตลาดย่อแนะทยอยสะสมกลุ่ม BANK(BBL, SCB) จับตาการรายงาน GDP 1Q16 อาจออกมาดีกว่าตลาดคาดหนุนกลุ่มนี้ฟื้นตัว ผสานหุ้น Mid-Small Caps ที่คาดกำไร 1Q16 เด่น นำโดย KAMART, ERW, PSTC, BWG, SPA, AAV, SC ผสานกับหุ้นที่รายงานกำไรเด่นมาแล้ว เช่น XO (เช้านี้ปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นสู่ 8 บาทต่อหุ้น จาก 6.5 บาทต่อหุ้น) ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะใช้จังหวะย่อทยอยซื้อ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR สำหรับวันนี้แนะนำ?Daily Top Picks: XO, ERW, KAMART?

***แนะขายทำกำไร SIRI ใน Stock Monitor (หน้า3) หลังได้รับผลตอบแทน 27% ตั้งแต่แนะนำ

      Mid-Long Term Strategy : แนวโน้มตลาดเดือน พค. 2016 คาดแกว่งขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาดอาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด โดยเราให้กรอบต้าน 1453/1475จุด สำหรับหุ้น Big Cap ที่คาดนำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน, ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited) และหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR สำหรับเดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC

Investment Theme:
2016 AEC Connectivity : WISE
Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT

2Q16 Top Picks : PTTEP, SCC, SCB, BDMS, CK, PTT, IVL, VIBHA
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
XO (TP8*): Support 6.5/6.25 Resistance 7.0/7.25

Theme: Earnings Momentum
Earning outlook : แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีเร่งตัวขึ้นสร้างฐานใหม่ รับออเดอร์ล้นทะลัก พร้อมเปิดโรงงานห่งที่ 2 ต้น 3Q16 คาดยอดขาย 16F โต 28.8%y-y หนุนกำไรสุทธิโต 57.3%y-y สู่ระดับ 135 ลบ.
Valuation : "ซื้อ" รับมูลค่าเหมาะสมใหม่ 8.00 บาท จากเดิม 6.50 บาท Upside 18.5%
Catalyst : CNS ปรับประมาณการ 16F-18F ขึ้น รับกำไร 1Q16 สูงกว่าคาด จากยอดขายสร้างฐานใหม่ เดินหน้าใช้ Utilization Rate เกิน 100% พร้อมเปิดโรงงานแห่งที่ 2 ต้น 3Q16 นี้

ERW (TP5.9*): Support 4.26/4.2 Resistance 4.44/4.48
Theme: Earnings Momentum
Earning outlook : คาดวันที่ 12 พ.ค. นี้ ERW จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง +32% y-y และ +79% q-q คาดกำไรสุทธิ 16F เติบโต 39.2% y-y หรือที่ระดับ 277 ลบ.
Valuation : ราคาเป้าหมายที่ 5.9 บาท ราคาหุ้นยังคง Laggard สวนทางกับแนวโน้มผลประกอบการขาขึ้น Upside 32.8%
Catalyst : คาดวันที่ 12 พ.ค.นี้ ERW จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง +32% y-y และ +79% q-q จากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตกว่าคาด

KAMART (TP10.6*): Support 6.7/6.55 Resistance 7.05/7.4
Theme: Earnings Momentum
Earning Outlook : คาดกำไรสุทธิ 2016F เติบโต 19.1%y-y ที่ระดับ 249.7 ลบ. รับแนวโน้มยอดขายโตเด่น +15.6% ที่ระดับ 1.37 พันลบ.จากการปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกมากขึ้น
Valuation : ดึงดูดจาก PER16F ที่ 17.7x ต่ำกว่า BEAUTY ที่ 31x พร้อมจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 3-4% ต่อปี Upside 54.7%
Catalyst : คาดกำไรสุทธิ 1Q16F โดดเด่นที่ระดับ 61.7 ล้านบาท (+49%y-y , -6% q-q ) จากรายได้ที่เร่งตัวขึ้นเป็นขั้นบันไดต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนแรกของปี

Research and IRIS Reports
EARNINGS RESULT:
AMAMTAV (NEUTRAL, TP9) รายงานกำไรสุทธิ 1QFY16 -26% y-y และ +1,435% q-q
      เรามีมุมมอง Neutral ต่อรายงานกำไรสุทธิ 1QFY16 ของ AMATAV ที่ 46 ล้านบาท (-26% y-y, +1,435% q-q) หากตัดรายการพิเศษ fx loss ออก จะมีกำไรปกติ 48 ล้านบาท (-24% y-y, +51% q-q) ลดลง y-y ตามรายได้ขายที่ดินที่ลดลง โต q-q จาก GPM ขายที่ดินกลับมาเป็นปกติ ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ผิดไปจากทิศทางที่เราและตลาดคาดไว้หากพิจารณาจากกำไรทั้งปี FY16F ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท/หุ้น จากมองว่านักลงทุนตอบรับกับแนวโน้มกำไรสุทธิ FY16F (+331% y-y) ที่เติบโตดีหลังเปิดขายพื้นที่พาณิชย์ และแนวโน้มที่สดใสของธุรกิจนิคมฯ ของ AMATAV ในระยะยาวไปมากแล้ว (ราคาซื้อขายปัจจุบันใกล้เต็มมูลค่า)

EARNINGS RESULT:
TICON (REDUCE, TP10.3) รายงานกำไรสุทธิ 1QFY16 โตสูง y-y แต่ -68% q-q
     เรามีมุมมอง Neutral ต่อรายงานกำไรสุทธิ 1QFY16 ของ TICON ที่ 256 ล้านบาท (โตสูง y-y, -68% q-q) หากตัดรายการพิเศษกำไรจากการขายเงินลงทุน และกลับประมาณการหนี้ฯ ออก จะมีกำไรปกติ 176 ล้านบาท (พลิกทำกำไร y-y, -79% q-q) ซึ่งเรามองกำไรที่ออกมาดี y-y ไม่ได้มาจาก core-business ส่วนการลดลงมาก q-q เพราะไม่มีการขายทรัพย์ฯ เข้ากองฯ ทั้งนี้เราได้ปรับประมาณการกำไร FY16-17F ไป +33% และ -3% โดยการปรับเพิ่มใน FY16F หลักๆไม่ได้มาจาก core-business และเรายังคงคำแนะนำ REDUCE ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 10.3 บาท/หุ้น โดยมองราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวัง upside ไปมากแล้วในขณะที่ core-business ยังไม่สดใส

EARNINGS RESULT:
ILINK (BUY, TP21.9) กำไรสุทธิ 1Q16 ดีกว่าคาดจาก Margin ธุรกิจวิศวกรรมดีขึ้น
      เรามีมุมมอง Slightly positive ต่อกำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 60 ล้านบาท (-43%y-y +57%q-q) ดีกว่าคาดจาก Gross margin รวมดีขึ้น y-y และ q-q เป็น 23.9% จากธุรกิจวิศวกรรมมี GPM ฟื้นตัวขึ้นเป็น 35.3% นอกจากนี้ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงจากฐานสูงใน 4Q15 ทำให้ EBITDA margin ดีขึ้น q-q เป็น 15.7% สำหรับแนวโน้มระยะสั้นเรามองว่า ILINK มีปัจจัยลบจากกำไรสุทธิ 2Q16F จะแย่สุดของปี ประกอบกับต้องลุ้นการประมูลงานช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ ทำให้ไม่มี Catalyst ใหม่ ทั้งนี้เราเชื่อว่าการชนะประมูลงานช่วงเดือน พ.ค-มิ.ย.นี้ จะเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของ ILINK โดยกรณี ILINK ชนะโครงการนนทรี เราประเมินผลบวกต่อประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้น 11% จากประมาณการปัจจุบันและผลักดันกำไรสุทธิ 2H16F ฟื้นตัวจาก 1H16F รวมทั้งมีราคาเป้าหมายส่วนเพิ่ม 2.20 บาท

EARNINGS RESULT:
MCOT (UR.) ขาดทุนมากกว่าคาด, ช่อง MCOT HD ยังไม่ฟื้น
     เรามีมุมมอง Negative ต่อผลประกอบการ 1Q16 ของ MCOT ที่มีผลขาดทุนสูงถึง -147 ล้านบาท มากกว่าที่เราและ Bloomberg consensus คาด (เราคาด -30 ล้านบาท, BB Con คาด -4 ล้านบาท) เนื่องจาก (1) รายได้หลักจากช่อง MCOT HD หดตัวหนักต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และ (2) ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเร่งพัฒนา Content เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เราปรับลดประมาณการผลประกอบการปี 2016F ลงจากเดิมคาดขาดทุน -19 ล้านบาท เป็นขาดทุน -456 ล้านบาท และเปลี่ยนคำแนะนำเป็น UNRATE (จากเดิม NEUTRAL) แม้ระยะสั้นหุ้น MCOT อาจมีปัจจัยบวกจากโอกาสมีกำไรพิเศษการคืนคลื่นฯ 2600 MHz แต่เราให้น้ำหนักต่อ Core Business ที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวมากกว่า

EARNINGS RESULT:
RS (BUY, TP15.3) กำไรฟื้นตัวโดดเด่นใกล้เคียง BB consensus คาด
เรามีมุมมอง Slightly Negative ต่อผลประกอบการ 1Q16 ของ RS ที่มีกำไร 107 ล้านบาท แม้กำไรจะต่ำกว่าเราคาด -27% แต่ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด (102 ล้านบาท) และเติบโตก้าวกระโดดจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน -51 ล้านบาท โดยกำไรฟื้นตัวโดดเด่นเนื่องจาก (1) การรับรู้รายได้งาน Event ขนาดใหญ่ และ (2) การเติบโตของธุรกิจ Health & Beauty ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q16F เราคาดอ่อนตัวลง q-q อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรหลังประกาศงบ 1Q16 อย่างไรก็ดี เรามองว่าหุ้น RS ยังมีความน่าสนใจจาก (1) การเปิดตัวธุรกิจ Health & Beauty เต็มรูปแบบใน 3Q16 (2) คาดธุรกิจ Media ฟื้นตัวใน 2H16 และ (3) หุ้น RS อยู่ในช่วงของโครงการซื้อหุ้นคืน เราจึงยังแนะนำ BUY

EARNINGS RESULT:
VGI (REDUCE, T3.6) 1Q16 มีกำไร 210 ล้านบาท ลดลง -10% q-q, ตามฤดูกาลธุรกิจสื่อโฆษณา
     เรามีมุมมอง NEUTRAL ต่อผลประกอบการ 1Q16 (ม.ค.-มี.ค.16) ของ VGI มีกำไรอยู่ที่ 210 ล้านบาท อ่อนตัวลง -10% q-q ใกล้เคียงกับที่เราและ Bloomberg consensus คาด (เราคาด 204 ล้านบาท, BB con คาด 219 ล้านบาท) ทั้งนี้ กำไรเพิ่มขึ้นกว่า +1,292% y-y เนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีค่าใช้จ่ายพิเศษซึ่งหากไม่รวมกำไรจะลดลง -26% y-y เรายังคงคำแนะนำ REDUCE เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ Forward PE'17 กว่า 31 เท่า สูงกว่าค่า PE ปกติของหุ้นกลุ่ม Media ที่ 20-25 เท่า นั้นเป็นการคาดหวังการเติบโตจากแผนการให้บริการสื่อออนไลน์ผ่าน Rabbit และการรุกสื่อ Outdoor ผ่านการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน MACO มากเกินไป โดยเราคาด CAGR 2017F-19F ของกำไรของ VGI อยู่ที่เพียง +5% y-y เท่านั้น

EARNINGS RESULT:
QH (BUY, TP2.86) กำไรสุทธิ 1QFY16 เท่ากับ 744 ลบ. ดีกว่า consensus คาด
    เรามีมุมมอง neutral ต่อกำไรสุทธิ 1QFY16 ที่ 744 ลบ (+33% y-y, -43% q-q) โดยถึงแม้จะสูงกว่า consensus คาดเล็กน้อย (แต่ใกล้เคียงเราคาด)แต่มาจากส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนฯมากกว่าคาด ในขณะที่ภาพรวม core operation ถือว่าไม่ดีนัก โดยเฉพาะ GPM ที่ยังลดลง y-y, q-q ตามการเร่งระบาย stock ทั้ง low-rise และ condo ที่เหลืออยู่มาก ในขณะที่ SG&A expenses to sale ยังค่อนข้างสูง เพราะมีบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษตั้งสำรองค่าเผื่อผลเสียหารจากคดีฟ้องร้อง (151 ลบ.) กำไรสุทธิ 1QFY16 คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรสุทธิปี FY16F ที่ 3.22 พันลบ. โตต่ำ +4% y-y จากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนฯ เป็นสำคัญ ในขณะที่ core operation ทั้งรายได้, GPM, EBITDA margin คาดทำได้เพียงทรงตัว y-y เราคง TP16F ที่ 2.86 บาท/หุ้น (SOTP method) ถึงแม้แนะนำ BUY แต่ความน่าสนใจต่ำกว่าบริษัทอื่นจาก stock condo ในต่างจังหวัดที่เร่งขึ้นมาก

    ในขณะที่การระบาย stock กลับทำได้ต่ำกว่าที่คาด ประกอบกับ % backlog ที่ secure รายได้ปี FY16F อยู่ที่เพียง 21% ต่ำกว่าปีก่อนที่ 35% มาก ซึ่งกดดันให้ทั้งรายได้, GPM และกำไรสุทธิปี FY16F มี uncertainty ที่มากกว่าบริษัทอื่น

EARNINGS RESULT:
PS (BUY, TP31) กำไรสุทธิ 1QFY16 เท่ากับ 1,266 ล้านบาท ใกล้เคียงที่เราคาด
    ถึงแม้ PS รายงานกำไรสุทธิ 1QFY16 ที่ 1,266 ลบ (+42% y-y, -58% q-q) ใกล้เคียงที่เราและ consensus คาด แต่ core operation โดยรวมถือว่าไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะ low-rise ที่โอนลดลง y-y ถึงแม้ฐานต่ำปีก่อน ในขณะที่ GPM ยังลดลง y-y, q-q อยู่ที่ 32.9% มีเพียง % SG&A expenses to sale ส่งสัญญาณดีขึ้น y-y ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน ทั้งนี้กำไรสุทธิ 1QFY16 คิดเป็น 18% ของประมาณการกำไรสุทธิ FY16F ของเราที่ 7.18 พันลบ (-7% y-y) โดย outlook ของกำไรสุทธิ FY16F ถือว่าไม่แข็งแกร่งนัก จาก backlog ที่ลดลงมาก y-y และมี % backlog secure รายได้ที่เพียง 31% ต่ำกว่าปี FY15 ที่ secure ถึง 45% โดยการพึ่งพิงการขายในระหว่างปีที่มากอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ถึงแม้เราแนะนำ BUY โดยคง TP16F ที่ 31.0 บาท แต่ราคาหุ้น PS ในระยะสั้น อาจถูกกดดันจนกว่า backlog จะเริ่มกลับมาสูงเหมือนในอดีต, presale เริ่มกลับมาโต y-y (ภายหลัง 1Q16 presale หดตัว -23% y-y) หรือเรียกความเชื่อมั่นจากการขยายไปในธุรกิจใหม่ได้มากกว่านี้ เราจึงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว

EARNINGS RESULT:
ROBINS (NEUTRAL, TP57) กำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 686 ลบ. เติบโต +12%y-y,แต่ -2%q-q
    เรามีมุมมอง NEUTRAL ต่อ NP1Q16 ที่ 686 ล้านบาท (+12%y-y, แต่ -2% q-q ตาม seasonal) in-line เราและตลาดคาด โดย y-y กำไรโตดีกว่ากลุ่มพาณิชย์ เพราะ SSSG +2.6% และอัตราทำกำไรปรับเพิ่มขึ้นตามความสำเร็จในการขายสินค้า Inter brand +การขยายพื้นที่เช่าช่วงปีที่ผ่านมา ในขณะที่แนวโน้มกำไรในช่วงเหลือของปี เรามีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่อง โดย 2Q16Fคาดกำไรจะโตในอัตราที่ดีกว่า 1Q16 ตาม SSSG เม.ย.16 ที่ปรับขึ้นเหนือระดับ +5% และสัดส่วน Inter brand ที่จะไต่ระดับขึ้นอีก สำหรับ 2H16F ก็จะมีแรงหนุนเพิ่มจากสาขาที่จะเปิดอีก 2 แห่ง (สาขานครศรีธรรมราช 2 -เปิด 3Q16F และสาขาลพบุรี-เปิด 4Q16F) ดังนั้น เราจึงคงคาด NP ปี 16F จะเติบโต +21%y-y ทั้งนี้ แม้มีโอกาสที่ประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเราจะเกิด upside ถ้าหากช่วงที่เหลือของปี ROBINS ยังรักษา GPM ให้ดีใกล้เคียง 1Q16 ที่ 25.1% (vs เราคาด GPM ทั้งปีที่ 24.9%) แต่ด้วยทุก +10bps ของ GPM ที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อกำไรส่วนเพิ่มไม่มากเพียง +18 ล้านบาท (+0.7%ของกำไรปัจจุบัน) และ TP ขึ้น +0.5 บาท/หุ้น (+0.9%จาก TP) จึงปรับคำแนะนำลงเหลือ "NEUTRAL" โดยนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ "Let profit run"

EARNINGS RESULT:
GLOBAL (NEUTRAL, TP12.1) NP1Q16 โตก้าวกระโดดเป็น452 ลบ.(+108%y-y,+139%q-q)
     เราปรับลดคำแนะนำลงเหลือ "NEUTRAL" จาก "BUY" ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 12.1 บาท ทั้งนี้ แม้กำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 452 ล้านบาท โตก้าวกระโดด +108%y-y, +139%q-q ดีกว่าเราและตลาดคาดมาก เพราะ SSSG พลิกกลับมา +2.5% และมี stock เหล็กต้นทุนต่ำ อัตรากำไรขั้นต้นจึงพุ่งขึ้นแรง (+519 bps y-y, +162bps q-q) เราปรับกำไรสุทธิทั้งปี 16F ขึ้นจากเดิม +12% เป็น 1,307 ล้านบาท (+48%y-y) แต่ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวเกิดเพียงชั่วคราว ไม่กระทบต่อตัวเลขประมาณการกำไรปี 17-18F เราคาด GPM ตั้งแต่ 2Q16F จะค่อยๆลดลงสู่ภาวะปกติ ดังนั้น Key driver ต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานหลังจากนี้จะอยู่ที่ i) การเปิดสาขาใหม่ ปีนี้เราคาด +6 แห่งจากปัจจุบันที่มีสาขา 38 แห่ง (2Q16F จะเปิด 2 แห่งที่ปทุมธานีและศาลายา) และ ii) ความสำเร็จการผลักดันสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ท่ามกลางราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงช่วงที่ผ่านมาจนปัจจุบันเหลือ upside เพียง +6% จากราคาเป้าหมายใหม่ นักลงทุนที่สนใจลงทุนให้รอซื้ออ่อนตัว

EARNINGS RESULT:
BJC (REDUCE, TP31) รายงาน NP1Q16 ที่ 525 ล้านบาท (-1%y-y, -24%q-q) เพราะเริ่มรับรู้ผลกระทบจากดีล BIGC
รายงานกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท (-1%y-y , -24%q-q) ใกล้เคียงกับ consensus คาด
กำไรสุทธิ 1M16 แม้จะคิดเป็น 35% ของประมาณการกำไรสุทธิของเราที่ 1,506 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราประเมินผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือจะแย่ลงตามการรับรู้ผลกระทบทางลบเต็มงวดจากดีลการซื้อกิจการ BIGC จาก 1Q16 BJC รับรู้ผลการดำเนินงานของ BIGC ในสัดส่วนเพียง 58.5% ของทั้งหมดและรับรู้เพียง 11 วัน

EARNINGS RESULT:
CPALL (NEUTRAL, TP47) กำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 4,065 ลบ. ใกล้เคียงเราและตลาดคาด
เรามีมุมมอง NEUTRAL ต่อกำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 4,065 ล้านบาท เติบโต +19%y-y, +5%q-q ใกล้เคียงเราและตลาดคาด โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักอยู่ที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มี SSSG บวกเพิ่มขึ้นเป็น +2.6% , อัตราทำกำไรดีขึ้นตาม Mix ของสินค้า High margin โดยเฉพาะกลุ่มไม่ใช่อาหาร และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ลดลง ก็ช่วยชดเชยการหดตัวของกำไรสุทธิ MAKRO ที่เกิดขึ้นใน 1Q16 ได้ (-19%y-y , -12%q-q) ในขณะที่โมเมนตัมผลการดำเนินงาน 2Q16F แม้เราคาดจะยังโต y-y ต่อเนื่องตามอานิสงส์อากาศร้อนจัด หนุนการเติบโตของยอดขายกลุ่มเครื่องดื่ม+ไอศกรีม เรายังคาดกำไรสุทธิทั้งปี 16F ของ CPALL โต +18%y-y ดีที่สุดในผู้ประกอบการสินค้ากลุ่ม staple product (+8%y-y) แต่ส่วนต่างราคาเป้าหมายที่จำกัด , ระยะสั้น เราประเมิน CPALL จะถูกกระทบเชิง sentiment จากแนวคิดการเก็บภาษีน้ำตาลในเครื่องดื่มที่มีค่าเกินมาตรฐาน 20-25%ราคาขาย ซึ่งปัจจุบัน CPALL มีรายได้จากกลุ่มเครื่องดื่มไม่รวมแอลกอฮอล์ 20% ของยอดขายรวม เราจึงแนะนำเพียง "ถือ"

EARNINGS RESULT:
XO (BUY, TP8) "ซื้อ'' รับมูลค่าเหมาะสมใหม่ 8.00 บาท
XO รายงานกำไรสุทธิ 1Q16 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 34.8 ล้านบาท เติบโต +56%y-y, +267%q-q สูงกว่าที่เราคาดไว้ถึง 70% จากยอดขายที่เร่งตัวขึ้นสูงถึง 221 ล้านบาท (+27%y-y, +19%q-q) โดยหลักมาจากยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากผักและผลไม้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้จากสัดส่วนต่อยอดขายรวมขยับขึ้นจาก 9.9% มาที่ 15% ในงวด 1Q16 ทำให้อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ขยับขึ้นเกิน 100% เป็นกลุ่มที่ 2 รองจากกลุ่มเครื่องปรุงรสและน้ำจิ้มที่ยังคงใช้อัตรากำลังการผลิตเกิน 100% อย่างต่อเนื่อง โดยรวมอัตรากำลังการผลิตรวมงวด 1Q16 ขยับขึ้นสู่ระดับ 107.6% จากสิ้นปี 2015 ที่ 89% ทางด้านความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขึ้นมาอยู่ที่ 34.7% จาก 1Q15 / 4Q15 ที่ 27.7% / 32.5% และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) อยู่ที่ 15.7% จาก 1Q15 / 4Q15 ที่ 12.8% / 5.1% ตามลำดับ

EARNINGS RESULT:
COM7 (REDUCE, TP6.5) ราคาหุ้นขึ้นเร็วกว่าพื้นฐาน
COM7 รายงานกำไรสุทธิ 1Q16 ที่ระดับ 88.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +25%y-y แต่ลดลง -16%q-q คิดเป็น 23% จากประมาณการปี 2016 ของเราที่ 387 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรในงวดนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลักๆมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นหลังบริษัทฯได้สิทธิ์ในการซื้อ iPhone โดยตรงกับ APPLE ตลอดจนเป็นไตรมาสแรกที่บริษัทฯได้ส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายเครื่องพร้อมเปิดซิมจากเดิม 450 เป็น 1,020 บาท ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 10.3% เทียบกับ 1Q15 ที่ 8.7% หนุน GPM รวมเพิ่มขึ้นมาที่ 13.4% จาก 1Q15/4Q15 ที่ 12.7%/12.5% และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ที่ระดับ 2.2% เพิ่มขึ้นจาก 1Q15 ที่ 1.8% แต่ลดลงจาก 4Q15 ที่ 2.4% ทางด้านยอดขายเริ่มเห็นการเติบโตที่ช้าลง โดยทรงตัว y-y แต่ลดลง -9%q-q ที่ระดับ 3.98 พันล้านบาท จากยอดขายในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง -3.3%y-y แต่เพิ่มขึ้น +6.1%y-y และ +5.9%y-y ในกลุ่ม IT และ อุปกรณ์เสริม

EARNINGS RESULT:
ICHI (REDUCE, TP10.9) กำไร 1Q16 อ่อนตัว 21%y-y แต่เพิ่มขึ้น 364%q-q ที่ระดับ 249.8 ลบ.
ICHI รายงานผลประกอบการ 1Q16 ที่ระดับ 249.8 ล้านบาท ลดลง -21% y-y แต่เพิ่มขึ้น +364% q-q โดยยอดขายในงวดนี้ชะลอตัว -9% y-y, +46%q-q ตามการบริโภคในประเทศที่ฟื้น ตัวช้า เห็นได้จากตลาดชาเขียวที่ยังหดตัวต่อเนื่องอีก 2-3% y-y ทางด้านความสามารถในการทำ กำไรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงจาก 1Q15 ที่ 36.4% มาอยู่ที่ 34.6% จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงมากขึ้น สวนทางกำลังซื้อที่ค่อยๆหดตัวลง ทางด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ในงวดนี้ปรับตัวดีขึ้น โดย SG&A ต่อยอดขายลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 17% มาอยู่ที่ 16% เนื่องจากบริษัทฯ ได้ลดมูลค่าของรางวัลจากแคมเปญ อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง ลงจากปีก่อนถึง 60 ล้านบาท (ลดลง 42%) อย่างไรก็ตามเมื่อรวมผลขาดทุนจากอิชิตัน อินโดนีเซีย 13.6 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ลดลงจาก 17% ในงวด 1Q15 มาอยู่ที่ระดับ 14.8%

EARNINGS RESULT:
PYLON (BUY, TP13) คาดมีสัญญาณเชิงบวกเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานในช่วงมิ.ย.
PYLON รายงานกำไรสุทธิ 1Q16 ที่ระดับ 47.19 ลบ. (-0.7% q-q, -22.4% y-y) และบันทึกรายได้รวมที่ 250.66 ลบ. (-7.5% q-q, -23.7% y-y) จากสัดส่วนของรายได้ที่มาจากค่าแรง (อัตรากำไรสุทธิ 24%) มีสัดส่วนสูงราว 50-60% ของรายได้รวม และสัดส่วนรายได้จากวัสดุก่อสร้าง (อัตรากำไรสุทธิ 12%) ราว 40-50% ของรายได้รวม ส่งผลให้รายได้รวมลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ใน 1Q16 บริษัทไม่มีบันทึกตัวเลขตั้งสำรองหนี้เสียในบริษัทลูกแล้ว จากเดิมตั้งไว้ที่ 1.5 ลบ. ใน 1Q15 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงเล็กน้อยที่ 17.5 ลบ. (-28.5% q-q, -2.9% y-y) สอดคล้องกับรายได้ที่ปรับตัวลดลง จากอานิสงค์เชิงบวกที่อัตรากำไรสุทธิของงานค่าแรงสูงกว่าค่าวัสดุก่อสร้างราว 1 เท่าตัว ส่งผลให้กำไรสุทธิสามารถทรงตัวได้ที่ระดับเดิม q-q สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 30.0% (4Q15: 30.9%) และอัตรากำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 18.8% (4Q15: 17.5%) สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาสที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ในมือราว 600 ลบ. ที่เตรียมส่งมอบในระยะ 6-9 เดือนข้างหน้า

Weekly Outlook :
1Q16 Earnings Speculation
Top Picks: SPA, ERW, KAMART
Weekly outlook : ผันผวนขึ้น ในกรอบต้าน 1409/1415จุด รับ 1376/1370จุด
ภาพรวมตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านซึ่งถือว่าเป็นสัปดาห์แรกของเดือน พค. มีแรงขายปรับฐานสั้นตอบรับดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด รวมถึงมีแรงขายบางส่วนลดเสี่ยงก่อนช่วงหยุดยาว แต่อย่างไรก็ดีในสัปดาห์นี้คาดตลาดมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ จากแรงเก็งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ กระตุ้น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มที่คาดผลประกอบการแข็งแกร่งนำตลาดฟื้น ผสานกับแรงเก็งเพิ่มเติมก่อนการรายงานดัชนี 1Q16 GDP ไทย ที่จะประกาศในวันที่ 16 พค. (จันทร์หน้า) ซึ่ง Nomura คาด จะขยายตัวถึง +3.5%y-y เพิ่มขึ้นจาก 4Q15 ที่ +2.8%y-y และสูงกว่า Consensus ที่คาดไว้เพียง +2.8%y-y ซึ่งจะเป็น Positive Surprise ส่งผลให้คาดการณ์ GDP 2016F ของ Nomura และ Consensus ที่ +2.5% และ +3.1% มี Upside Risk ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงถัดไป ส่วนปัจจัยอื่นที่ต้องติดตาม แนะจับตา การประชุม กนง. 11 พค. โดยรอบนี้ Nomura คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อไป เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง มีการปรับลดดอกเบี้ย MLR, MRR, MOR เฉลี่ยราว 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นรอบนี้จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปอีก (อาจเก็บไว้ปรับลดในยามจำเป็นหากภาพเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่ำกว่าเป้าหมาย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงแนะติดตามค่าเงินดอลล่าร์ที่ยังคงมีแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งหากยังคงเป็นภาพเช่นนี้ต่อไป คาดจะเป็นตัวกระตุ้นทิศทางค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น รวมถึงเพิ่มแรงเก็งราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นต่อได้ ถือเป็นภาพบวกต่อการกระตุ้น Fund Flow ไหลกลับเข้าสู่ตลาด Asia EM ต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน: ยังคงอยู่ในช่วงการทยอยประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Mid & Small Caps ที่คาดจะรายงานกำไร 1Q16 โดดเด่น นำโดย SPA, XO, ERW, KAMART, AAV, SPALI, SC, SAWAD, MTLS ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะใช้จังหวะย่อทยอยสะสมหุ้น Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR

หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : SPA, ERW, KAMART
1) SPA(TP11.2*) คาดกำไรสุทธิ1Q16F ทำ New High ที่ 31.2 ลบ (+32% y-y, +1% q-q)
2) ERW(TP5.9*) คาดกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ 185 ลบ (+32% y-y และ +79% q-q)
3) KAMART(TP10.6*) คาดกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ระดับ 61.7 ลบ. (+49%y-y , -6% q-q )

Monthly Outlook :
MAYbe better than you think
Top Picks: PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR
    Monthly Outlook : Up ต้าน1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365)
    แนวโน้มการลงทุนเดือน พค. 2016 แม้ภาพรวมสถิติ "Sell in may and Go away" จะดังก้องไปทั่ว จากสถิติเชิงลบของตลาดหุ้นไทยที่มักให้ผลตอบแทนติดลบในเดือนนี้ตลอด 10 ปี เฉลี่ยราว -0.29% ด้วยโอกาสสูงราว 6 ใน 10ปี หรือ 60% และหากพิจารณาแค่ 5 ปีหลังสุด SET ปรับฐานเดือนนีเฉลี่ยราว -2.62% ด้วยโอกาสสูงถึง 80% ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการปรับฐานของตลาด แต่อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในเดือน พค 2016 อาจดีกว่าที่ Consensus คาดได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนนี้ ที่ CNS คาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งขึ้นมากกว่า จากเหตุผล 2 ประการ 1) สัญญาณเศรษฐกิจไทย 1Q16 อาจดีกว่าตลาดคาด หลังตัวเลขการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการฟื้นตัวของ Capacity Utilization ทำให้ Nomura คาดว่า GDP 1Q16F (จะรายงาน 16 พค 2016) จะขยายตัว 3.5%y-y จาก 4Q15 +2.8%y-y ขณะที่ Consensus คาดไว้เพียง +2.8%y-y จะเป็น Positive Surprise ส่งผลให้คาดการณ์ GDP 2016F ของ Nomura และ Consensus ที่ 2.5% และ 3.1% มี Upside Risk จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายใน และ 2) สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเทศพัฒนาแล้วยังฟื้นช้า ทำให้โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 15 มิย 2016 ลดน้อยลงมาก โดย FED Fund Rate Forward Curved สะท้อนโอกาสเพียง 12%

     ขณะที่โอกาสที่สูงกว่า 50% อยู่ในการประชุมเดือน ธค 2016 กดดัน Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 93.327จุด โดยมีแนวรับของการอ่อนค่าที่ 92.6/92จุด หนุนค่าเงินเอเซียแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ และด้วยสภาพคล่องส่วนเกินโลกที่ยังสูง น่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนใน EM-Asia และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ ยังโดดเด่นกว่ากลุ่ม DM จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะหนุน SET ปรับตัวขึ้นในกรอบแนวต้าน 1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365) และอาจชะลอช่วงปลายเดือนหากความเสี่ยงต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED สูงขึ้น
กลยุทธ์ลงทุน: แนวโน้มตลาดเดือน พค 2016 แกว่งขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยงและใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาด 2.8%y-y อาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด

     เราประเมิน SET ขึ้นสู่แนวต้าน 1453/1475จุด โดยหุ้น Big Cap ที่นำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน(คาด BRENT เดือนนี้แตะ 50-55เหรียญฯ), ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited ตลาดตอบรับการได้คลื่น 900Mhz ที่ราคา 7.5หมื่นล้านบาทไปแล้ว ซึ่งจะมีการประมูลวันที่ 27พค 2016) ผสานหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, WORK, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก ที่เดือน มิย 2016 จะมีการพิจารณา PPA โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50เมกะวัตต์ และชีวมวลภาคใต้ 36เมกะวัตต์ และแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR(หนังหลวงพี่แจส และหนังในกลุ่มมาร์เวล กระแสเด่น) เดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC

Eagle Eye
Strategy Update:
2016F Thailand Equity Outlook: "2016 AEC Connectivity - WISE"
2016Top Picks : KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT
2016F Key Factor: AEC Connectivity - WISE
Global Growth: ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัว นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) ขณะที่ ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ยังคงมี downside risks จากปัจจัยด้านโครงสร้าง
Equity Risk Premium (ERP): ค่า Premium หรือส่วนต่าง (ERP) ของผลตอบแทนตลาดหุ้นเอเชีย (Risky asset) สูงกว่าผลตอบแทนพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Risk free asset) อยู่ 615 bps หรือราว +0.9SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 460bps. สะท้อนสินทรัพย์เสี่ยงมี Valuation เชิงพื้นฐานที่ถูก และน่าจะเริ่มฟื้นตัว
Global Monetary Remains Easing: แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง นำโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB ซึ่งขยายระยะเวลาการทำ QE ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่จะหมดอายุในเดือน กย 2016 ขยายเป็น มีค 2017 นอกจากนี้ ในปี 2016 Nomura คาด BOJ จะเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ขึ้น 2 เท่า จาก 3 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยน ในเดือน เม.ย. และ คาด PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะมีการลด RRR ทั้งหมด 4ครั้ง โดยลด 50bps ต่อไตรมาส อีกทั้ง จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปี ครั้งละ 25 bps จะช่วยชดเชยสภาพคล่องที่ลดลง จากการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ระดับปกติของ Fed 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!