- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 May 2016 18:49
- Hits: 654
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET lndex: แนวรับสำคัญ 1382
SET lndex: 1386.43 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1382-1384 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก หลังจากถูกขายค่อนข้างแรงที่บริเวณแนวต้าน 1390-1395 จุด จึงทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงหลุด 1382 จุดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1360-1362 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ถ้าปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่หลุดระดับ 1350 จุดลงไป จะเป็นจังหวะทยอยซื้อหุ้น
แนวต้าน : 1388 และ 1390
แนวรับ : 1384 และ 1382**
CPF = 27.00 / 28.00, lVL = 29.00 / 30.00, ADVANC = 147 / 148, TKN = 13.20 / 13.50, BANPU = 12.80 / 13.20
SPCG (SPCG TB; THB 21.10) - ซื้อ
แนวต้าน : 22.00 และ 22.50
แนวรับ : 21.00 และ 20.80
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนออกข้างเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ SPCG โดยมีแนวรับที่ 21.00 และ 20.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 22.00 และ 22.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.60 ลงไป
Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB; THB 3.96) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.10 และ 4.20 / แนวต้านสำคัญ 4.40
แนวรับ : 3.96 และ 3.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ KSL โดยมีแนวรับที่ 3.96 และ 3.90 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.10 และ 4.20 เป็นจุดขายทำกำไร STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.86 ลงไป
SET50 Index Futures
S50M16 ปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 870 หลังจากหลุดระดับ 880 ลงไป ซึ่งแนะนาให้ Open Short ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 880 และ 884 ในขณะที่แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไป 870 และ 863 และมีแนวต้านสำคัญที่ 886 เป็นจุด STOp LOSS สถานะ Short
แนวต้าน : 876 และ 878
แนวรับ : 872 และ 870
คำแนะนำ : เราแนะนำให้เน้นหาร Open Short ใน S50M16 โดยมีแนวต้านที่ 875 และ 878 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลดลงไปทดสอบ 870 และ 863
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50M16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 884 ขึ้นไป
TPIPLM16
เคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 2.44-2.47 ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 2.80 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2.48-2.50 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2.40 ให้เน้นการ Open Short
แนวต้าน : 2.64 และ 2.70
แนวรับ : 2.54 และ 2.50
คำแนะนำ : เราแนะนำให้รอกลับเข้าไป Open Long ใน TpIpLM16 ที่แนวรับ 2.54 และ 2.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบ 2.70
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า TPIPLM16 ปรับตัวลดลงหลุด 2.47 ลงไป
SIRIM16
ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรต่อเนื่องหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ แต่ยังถูกอิทธิพลของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาวกดเอาไว้ แต่เมื่อพิจารณาปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง จึงทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปททดสอบ 1.70
แนวต้าน : 1.65 และ 1.68
แนวรับ : 1.60 และ 1.58
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ใน SIRIM16 ที่แนวรับ 1.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.65 และ 1.68
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า SIRIM16 ปรับตัวลดลงหลุด 1.58 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ลงต่อรอข่าว MSCI
ผลการดำเนินงานหุ้นใน SET 50 ที่ทยอยออกมาแล้ว มีทั้งที่ออกมาดีกว่าคาด หรือมากกว่าค่า EPS Mean ของ IBES และที่ออกมาต่ำกว่า EPS Mean กลุ่มที่โดดเด่นและเห็นได้ชัด คือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยเฉพาะ PTT (836.2%) ตามมาด้วย GUNKUL (57.2%) IRPC (27.7%) GLOW (17.3%) PTTGC (13.5%) และ TOP (0.43%) ส่วนธนาคารพาณิชย์ ออกมาหมดแล้ว ส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าค่า EPS Mean โดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ออกมาดีกว่าค่า EPS Mean คือ KKP (29.0%) ตามมาด้วย KTB (7.1%)
กลุ่มที่ถือว่าโดดเด่นอีกกลุ่มคือ กลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นที่ทยอยประกาศออกมาแล้ว ออกมาดีกว่าคาด คือ GLOBAL (62.5%) ตามมาด้วย ROBINS (28.05%) CPALL(22.8%) M (16.7%) และ HMPRO (7.7%) ผลการดำเนินงานที่อออกมาดีกว่าคาด ราคาหุ้นเหล่านี้ขึ้นตอบสนองไปพอสมควรแล้วโดยเฉพาะ GLOBAL ขณะที่หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ถือว่าออกมาดีกว่าคาด นำโดย LH (106.4%) SC (32.0%) PS (29.2%) ANAN (25.6%) QH (19.4%) AP (12.6%) SPALI (6.53%) และ SIRI (4.29%) ในกลุ่มนี้ดูเหมือนราคาหุ้นจะขึ้นรับข่าวบางตัวเท่านั้น
หลังผลการดำเนินงานทยอยออกมา ราคาหุ้นจะตอบสนองในเชิงบวกกับหุ้นที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตต่อเนื่องและมีปัจจัยหนุนในภาพใหญ่ ที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มค้าปลีก ที่โยงกับท่องเที่ยว นอกนั้นจะเป็นหุ้นเล็กในกลุ่มต่างๆ ส่วนหุ้นที่ผลดำเนินงานออกมาแย่มากๆ คือขาดทุนหรือต่ำกว่าคาดมากๆ แต่เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาด้วยเหตุที่ว่า กำไรใน Q2/16 น่าจะดีขึ้น คือ BANPU SVI CPF AAV TVO PTTEP THAI และ TRUE
ประเด็นที่เรามองว่าตลาดให้ความสำคัญมากๆและจะส่งผลกับดัชนี SET คือ การปรับน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ซึ่งจะรู้ผลพรุ่งนี้ คาดกันว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสารและธนาคารพาณิชย์ น่าจะอยู่ในข่ายของการถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุนในดัชนี MSCI Thailand (30 บริษัท) ส่วนแนวโน้มการเพิ่มและถอดออกหุ้นใน Global Standard น่าจะมีน้อย แต่จะมีใน Small Cap. หากหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักอย่าง สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ หรืออื่นๆ ถูกลดน้ำหนักลง น่าจะส่งผลต่อดัชนี SET ในเชิงลบมากๆ ทางตรงข้ามยังมีความเป็นไปได้ที่ทาง MSCI จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นใหญ่ในดัชนี MSCI Thailand โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีและปูนซีเมนต์ หลังดัชนี SET และดัชนีกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
หลังการประกาศการปรับน้ำหนักของ MSCI เรามองว่าดัชนี SET จะมีโอกาส 2 ทาง คือ ทรงๆตัวกับปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ส่วนจะดีขึ้นมีโอกาสน้อย เว้นแต่หุ้นในดัชนี MSCI Thailand จะไม่ถูกลดน้ำหนักหรือถูกปรับเพิ่ม สัญญาณที่มองว่าหุ้นในดัชนี MSCI Thailand น่าจะถูกลดน้ำหนัก ดูจากต่างชาติไม่ซื้อหุ้นในบางกลุ่ม และดัชนีหุ้นในบางกลุ่มนิ่งมานาน
วันนี้มองดัชนี SET จะลงต่อจากแรงกดดันข่าวการประกาศของ MSCI และดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลง วันนี้มองแนวรับที่ 1375-1370 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1386-1390 จุด หุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร คือ DRT และ KCE จากค่า EPS (WoW%) ถูกปรับขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลาง 6.54 % และ 1.41% และ ซื้อ SAWAD
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,386.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 18,859.11 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น ขณะที่แรงขายจากกลุ่มธนาคารและสื่อสารยังกดดันตลาด ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ ตลาดรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย ลดช่วงบวกลง แนวโน้ม SET เริ่มดูอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้ว่าจะยังสามารถยืนเหนือระดับ 1380 จุด ได้ต่อเนื่อง แต่เริ่มมีสัญญาณที่ไม่แข็งแรงออกมา โดยเฉพาะแรงขายต่างชาติที่ออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับการกลับมาแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ ก็อาจจะกระตุ้นให้เห็นการทำกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ตามมาหลังจากนี้ได้ ซึ่งจะทำให้กลุ่มดังกล่าวแปรเปลี่ยนเป็นแรงขายจากปัจจุบันที่เป็นตัวหนุน ระยะสั้นแนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไรและถือเงินสดเพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและสื่อสาร ส่วนหุ้นเล็ก-กลางยังเน้นเป็นรายตัวที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง จุด Stop loss หากหลุด แนวรับ 1380 จุด ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ก็ดูเหมาะสม
Technical Pick (PM) & Cash Balance ...
SPCG (SPCG TB; THB 21.10) - ซื้อ
Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB; THB 3.96) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์ หน้า : HYDRO, ACAP*, TKN* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]