- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 May 2016 16:41
- Hits: 501
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today's Report : BIGC, GFPT, KCE, SMPC
Our Portfolio May 2016 : CK, ERW, GL, PIMO, TISCO
แม้ลุ้นรีบาวด์ได้ แต่คาดกรอบบวกจำกัดก่อนลงอีก ดังนั้นยังรอซื้อลบ...
กลยุทธ์ : หลัง SET ยังแกว่งทรงตัวได้ดีในช่วง 2-3 วันนี้ จากการปรับตัวลงเร็วในรอบที่ผ่านมา ทำให้คาดว่ามีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับไปเคลื่อนไหวเป็นบวกได้บ้าง แต่กรอบบวกน่าจะยังค่อนข้างจำกัด และมีสิทธิปรับย้อนลบได้อีก ดังนั้นเราจึงยังไม่แนะนำให้รีบร้อนซื้อในช่วงตลาดบวกมากนัก โดยเน้นทยอยซื้อช่วงลบดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BLAND, BR, BCP(buy back)
แนวโน้ม : ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ SET จะยังแกว่งตัวด้านลบต่อเนื่อง แต่ก็มีลักษณะทรงตัวในกรอบแกว่งเดิมที่เป็นมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนหยุดยาวได้อยู่ แสดงถึงแรงซื้อที่ยังมีเข้ามาพยุงตลาดไว้ได้ดี ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่ดีในตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพลิกกลับขึ้นมาเป็นบวกเกือบ 3% จากรายงานเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรีย ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปิดเป็นบวกกว่า 1% ซึ่งได้รับผลบวกจากรายงานตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. ด้วย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ปิดบวกขานรับรายงานที่ว่า รมว.คลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังรัฐสภากรีซได้อนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่แล้ว จึงทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่สามารถเปิดเป็นบวกต่อเนื่องได้อีก ซึ่ง FSS คาดว่าน่าจะช่วยหนุนให้ SET ยังมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นได้บ้าง หลังดัชนีแกว่งลงมาตั้งแต่ปลายเดือนก่อนพอควรแล้ว อย่างไรก็ตามกรอบบวกของตลาดหุ้นเอเชียยังค่อนข้างจำกัด และปัจจัยหนุนตลาดช่วงนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้เรายังคาดว่ากรอบบวกของ SET น่าจะยังค่อนข้างจำกัด และต้องตามระวังแรงขายทำกำไรกดดันให้ SET ปรับตัวย้อนลบต่อเนื่องอีกตามคาดเดิมด้วย
แนวรับ 1387-1382, 1378-1374 จุด
แนวต้าน 1394-1397 , 1400-1405 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$95 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$88.7 ล้าน และไทย US$37.1 ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$49.9 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกแต่อาจชะลอลงจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบซึ่งได้รับแรงหนุนจากข่าวการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันที่ไนจีเรียและการเกิดไฟป่าในแคนาดา
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) กนง.อาจคงดอกเบี้ยแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แม้ตลาดจะคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ในวันนี้เพื่อรอดูผลของมาตรการภาครัฐที่ออกไปในช่วงที่ผ่านมา แต่เราคิดว่าไม่น่าปิดโอกาสที่กนง.อาจลดดอกเบี้ยหลังเศรษฐกิจฟื้นช้า สำหรับบรรยากาศดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันเอื้อต่อกลุ่มไฟแนนซ์ (MTLS, SAWAD, GL, ASK)
(+) ราคาน้ำมันพุ่ง 3% คาดอุปทานลดจากไฟไหม้ที่แคนาดาและการถูกขู่โจมตีแหล่งการผลิตน้ำมันที่ไนจีเรีย เรามองว่าเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้น ขณะที่ล่าสุดอิหร่านประกาศลดราคาขายน้ำมันดิบอีกรอบ (เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้) เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางตลาด และ EIA ได้ระบุว่ากำลังการผลิตในสหรัฐฯน่าจะลดลงน้อยกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและ commodity ที่ปรับสูงขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มพลังงานและเหล็ก
(+) BIG กำไรดีกว่าเราและตลาดคาด +18% Q-Q, +221% Y-Y ถ้าหักประโยชน์ทางภาษีออกไป กำไรจากการดำเนินงานยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ +11% Q-Q, +186% Y-Y แนวโน้ม 2Q16 อาจชะลอ Q-Q ตามฤดูกาลแต่ปีนี้ทั้งปียังเป็นปีทองของ BIG ราคาหุ้นที่ถูก sell on fact หลังประกาศงบฯ เป็นโอกาสในการซื้อ ยังคงราคาพื้นฐาน 4 บาท
(+) GFPT กำไรเป็นไปตามคาด -39% Q-Q เพราะปริมาณส่งออกสูงกว่าปกติใน 4Q15 และส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมแผ่วลง แต่ +26% Y-Y จากฐานต่ำในปีก่อน แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องใน 2Q16 จากราคาไก่ที่สูงขึ้นเพราะอากาศร้อนและปริมาณการส่งออกดีขึ้น ยังคาดกำไรปีนี้ +11.5% Y-Y คงราคาพื้นฐาน 16 บาท แนะนำซื้อ
(+) KCE กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ตามคาด +12.9% Q-Q, +46.9% Y-Y ดีขึ้นจากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งทั้งลูกค้ารายเก่าและใหม่ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีไปด้วยเพราะใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น กำไร 1Q16 คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปีของเรา เรายังคงราคาพื้นฐาน 83 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมา outperform กว่ากลุ่มและ upside เริ่มแคบ แนะนำเพียงถือ
(+) SPALI กำไรใกล้เคียงคาด -6% Q-Q ตามฤดูกาลและ +51% Y-Y ตามรายได้โอนที่เพิ่มสูงและได้อานิสงส์จากมาตรการภาครัฐ และโครงการ Wellington ที่มีมาร์จิ้นต่ำเหลือโอนเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้ ปัจจุบันมี Backlog รอโอนจำนวนมาก 1.8 หมื่นล้านบาท ไม่กดดันผลประกอบการเหมือน LPN เรายังคงราคาพื้นฐาน 23 บาท แนะนำซื้อ
(-) MAKRO กำไรไม่สดใสตามคาด -12% Q-Q, -19% Y-Y แม้ SSSG จะฟื้นตัวเป็นบวกแต่ชดเชยไม่ได้กับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น เราคิดว่ากำไรของ MAKRO น่าจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มเพราะการแข่งขันในตลาด Hypermarket (Tesco, BIGC) รุนแรงและการเปิดสาขาจำนวนมากปีละ 10-14 แห่ง ทำให้ค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรและราคาพื้นฐานที่ให้ไว้ที่ 42 บาทลง แนะนำหลีกเลี่ยง