- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 May 2016 17:28
- Hits: 3305
บล.โนมูระ พัฒนสิน : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาดดัชนีผันผวนเชิงบวก เน้นย่อสะสมหุ้นคาดกำไร 1Q16 เด่น (IVL, PSTC)ผสานหุ้นวัสดุก่อสร้างพื้นฐานแกร่ง (SCC)รับงานภาครัฐ
Nomura : Key Factors
(+) Int Factor:กำไรรวม1Q16ของกลุ่ม Real Sector ออกมาแล้ว18.6%ดีกว่าคาด 8%
(+) EX Factor: Nomura ปรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปีนี้เหลือเพียง 1 ครั้ง (กย.)
(+) Ger Econ: ยอดการสั่งซื้อภาคโรงงาน มีค. เยอรมนี +1.9%m-m ดีกว่าคาดที่ +0.6%
(*) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F ที่ 14.89 เท่า ใกล้เคียง LT Avg PER 14.7 เท่า
(-) Currency: ดอลล่าร์แข็งค่าสั้น สู่ 94.137 กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ย่อตัวลงเล็กน้อย
(-) OIL: ราคาน้ำมันดิบ WTI -2.73% สู่ $43.44/bbl เช้านี้ย่อลงอีกเล็กน้อยสู่ $43.26/bbl
(-) Fund Flow: ต่างชาติขาย 1898 ลบ, Short Future 4214, ซื้อ Bond 1534 ลบ
(-) Stat: สถิติ 6 ใน 10 ปีล่าสุด SET เดือน พค. มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -0.3%m-m
SET PER 16F: CNS 14.94x (EPS 93.25) vs Cons.14.89x (LT-Avg 14.7x)
2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 93.25, PER16.25x)
Nomura Daily Top Picks: SCC, IVL, PSTC
Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ บวกแคบๆ ในกรอบแนวรับ 1384/1380 จุด และแนวต้าน 1400/1409 จุด การรายงานยอดสั่งซื้อของโรงงานในเยอรมนี เดือน มีค. ฟื้นตัวเด่น+1.9%m-m จากเดือนก่อนที่ -1.2% และดีกว่าตลาดคาด +0.6% เป็น sentiment บวกหนุนตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ แกว่งบวกเฉลี่ยราว +0.65% ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีค่อนข้างผันผวนบวกลบสลับ โดยมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับฐานราว -2.7% จากความกังวลไฟป่าที่แคนนาดาผ่อนคลายลง และผลกระทบต่อกำลังการผลิตจำกัด รวมถึงแนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าระยะสั้น (วานนี้ Dollar Index +0.26% สู่ 94.137 จุด) หลังปธ. เฟด สาขาต่างๆ ทยอยออกมาส่งสัญญาณฟื้นความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและไม่ตัดโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้(Nomura ได้ลดคาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ยเหลือเพียง 1 ครั้งในเดือน กย 2016) เป็นปัจจัยหลักกดดันการฟื้นตัวของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้น
ส่วนปัจจัยในประเทศ อยู่ในช่วงการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q16 หากพิจารณาข้อมูลจาก Bloomberg Consensus จะพบว่า สำนักวิจัยต่างๆ คาดการณ์กำไรในกลุ่ม Real Sector ทั้งสิ้น 123 บริษัท ล่าสุด มีการรายงานผลการดำเนินงานออกมาแล้ว 23 บริษัท หรือคิดเป็น 18.7% พบว่า กำไรสุทธิรวมของทั้ง 23 บริษัท อยู่ที่ระดับ 5.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่า consensus คาดที่ 4.8 หมื่นล้านบาท ดีกว่าตลาดคาดราว +8.35% เป็น sentiment เชิงบวก และทำให้ตลาดจับตาสัญญาณการสิ้นสุดของการปรับลดกำไรตลาด (Market EPS) ตลอด 2ปีเศษ อาจสิ้นสุดลงใน 1Q16 นี้ เป็นภาพบวกต่อ SET Index ในช่วงถัดไป ส่วนประเด็นที่ต้องจับตา คือ ผลประชุม กนง 11 พค นี้ Nomura คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 1.5% เนื่องจากคาดว่า GDP 1Q16F ที่จะรายงาน 16พค นี้ จะออกมาที่ 3.5% ดีกว่าที่ตลาดคาด 2.8%
Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%
Short-Term Strategy : ย่อแนะเป็นโอกาสในการทยอยสะสมกลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ที่คาดยังคงเป็นกลุ่มนำตลาดรอบนี้ และกลุ่มปิโตรเคมีที่ Consensus เก็งงบ 1Q16F เชิงบวกคือ IVL และ SCC ที่แนวโน้มกำไรเด่นต่อเนื่องทั้งปี ผสานหุ้น Mid-Small Cap ที่คาดกำไร 1Q16 โดดเด่น น่าสะสม นำโดย PSTC, IVL, SPA, XO, ERW, KAMART, AAV, SPALI, SC, SAWAD, MTLS) ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะใช้จังหวะย่อทยอยสะสมหุ้น Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR สำหรับวันนี้แนะนำ?Daily Top Picks: SCC, IVL, PSTC?
***แนะขายเล่นรอบ GUNKUL ออกจาก Stocks monitors (หน้า3) หลังให้ผลตอบแทนตั้งแต่แนะนำแล้ว 22.5% ตามลำดับ
Mid-Long Term Strategy : แนวโน้มตลาดเดือน พค. 2016 คาดแกว่งขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาดอาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด โดยเราให้กรอบต้าน 1453/1475จุด สำหรับหุ้น Big Cap ที่คาดนำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน, ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited) และหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR สำหรับเดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC
Investment Theme:
2016 AEC Connectivity : WISE
Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT
2Q16 Top Picks : PTTEP, SCC, SCB, BDMS, CK, PTT, IVL, VIBHA
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
SCC (TP600*): Support 482/474 Resistance 498/512
Theme: Government Spending
Earning Outlook : คาดกำไรสุทธิปี 2016F แตะระดับ 51.2 หมื่นลบ. เติบโต 12.7% y-y แนวโน้มรับรู้กำไรเพิ่มเติมจากโรงงานซีเมนต์ในฐานผลิตต่างประเทศ
Valuation : ราคาปัจจุบัน ซื้อ/ขายที่ระดับ PER16F ต่ำเพียง 11.4x เท่า (Mean 12.14x) Upside 22.4%
Catalyst : แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปี 2016F เป็นภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก การขยายการลงทุนภาครัฐฯ หนุนความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศฟื้นตัว
IVL (TP29*): Support 27.5/26 Resistance 30/32
Theme: Earnings Momentum
Earning Outlook : Consensus คาดกำไรปี 2016F เติบโต 11.7%y-y สู่ระดับ 7.38 พันลบ. จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือที่มี Spread สูง รวมถึงการปรับลดต้นทุนการผลิตลง
Valuation : แนะนำ "ซื้อ" รับแนวโน้มกำไร New High ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มูลค่าเหมาะสม 29.00 บาท
Catalyst : แนวโน้มกำไรเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1Q16F 8kfดีดตัวแรง q-q จากการบันทึกกำไรพิเศษ ต่อเนื่องใน 2Q16F จากการเดินเครื่องโรงงาน MEG และรับรู้ BP Amoco Chemical , Cepsa spain เข้ามาเป็นไตรมาสแรก
PSTC (TP0.73*): Support 0.47/0.45 Resistance 0.55/0.6
Theme: Bottom-Play
Earning Outlook : คาดกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ระดับ 12.44 ลบ. เพิ่มขึ้น 23.2% q-q และพลิกเป็นกำไรจากขาดทุนเทียบ y-y ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2016F ที่ระดับ 74.6 ลบ. เติบโต 417.1% y-y
Valuation : ราคาเป้าหมายปี 2016F ที่ 0.73 บาท (Upside 46.0%) หลังบันทึกรายได้จากโรงไฟฟ้าครบ PER จะลดสู่ระดับ 10.2x ในปี 2018F
Catalyst : ปรับราคาเป้าหมายขึ้น 15.8% ขึ้นสู่ 0.73 บาทต่อหุ้น จากผลชนะจับสลาก Solar สหกรณ์ 10 MW พร้อมลุ้นความคืบหน้าเข้าซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลชีวภาพราว 10-20 MW ใน 2Q16F
Research and IRIS Reports
EARNINGS RESULT:
TOP (NEUTRAL, TP63) 1Q16 ประกาศกำไรสูงกว่าคาดเล็กน้อย
เรามีมุมมอง Neutral ต่อการประกาศผลประกอบการ 1Q16F ของ TOP ที่ 4,726 ล้านบาท +5.1% y-y, 26.1% q-q สูงกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุน SG&A ที่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่เราคาดไว้ และสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่สูงกว่าที่เราคาดไว้ โดยกำไรที่สูงกว่าคาดส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของ non-core businesses ซึ่งในส่วนของโรงกลั่นและปิโตรเคมีค่าการกลั่นและกำไรจากปิโตรเคมีค่อนข้าง in-line ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ Neutral ต่อหุ้น TOP ที่ราคาเป้าหมาย 63 บาท จากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงใน 2-3Q16F เราชอบ Chemicals มากกว่า Refinery เราเลือก PTTGC (TP 68 บาท) และ IVL (TP 29 บาท) เป็น Top Pick
EARNINGS RESULT:
ADVANC (BUY, TP193) กำไรสุทธิ 1Q16 อยู่ที่ 8,073 ลบ. (-18%y-y, -25%q-q)
เรามีมุมมอง NEUTRAL ต่อกำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 8,073 ล้านบาท อ่อนตัวลงแรง -18%y-y, -25%q-q ตามเราคาด ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติจะดีกว่าคาด +10% เป็น 8,896 ล้านบาท (-9%y-y, -16%q-q) เพราะคุมค่าใช้จ่ายตัดจำหน่ายและต้นทุนการบริหารงาน (admin cost) ดีประกอบกับมีการเปลี่ยนวิธีการบันทึกต้นทุนอุปกรณ์ติดตั้งอินเตอร์เน็ตใหม่ อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่ารายจ่ายต่างๆจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี หลัง 1Q16 เริ่มสูญเสียลูกค้าระบบจ่ายรายเดือน (Postpaid) เราคาดเป็นแรงกดดันให้ ADVANC ต้องทำการตลาดเพิ่ม เราจึงคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 16F ที่ 33,684 ล้านบาท (-14%y-y)
สำหรับ โมเมนตัมกำไรปกติ 2Q16F เราคาดจะอ่อนตัวลงต่อ y-y และ q-q ตามรายจ่ายการตลาด เพื่อเร่งโอนย้ายลูกค้าเครื่อง 2G ส่วนที่เหลือ 7 ล้านรายและรักษา Market share ลูกค้ารายเดือน สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาเป็นพันธมิตรกับ TOTอยู่ในช่วงตรวจสัญญาเช่าใช้คลื่น TOT เชิงพาณิชย์ คาดชัดเจนปลาย 2Q16F สอดคล้องกับการประมูลคลื่น 900 MHz ที่จะเกิดขึ้นในปลายพ.ค. 16 ซึ่งเบื้องต้น เราคาด ADVANC จะเป็นผู้ชนะประมูลด้วยราคา 80,000 ล้านบาท เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดการสูญเสียลูกค้าในระยะยาว ราคาหุ้นที่มี upside +28% จึงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
EARNINGS RESULT:
BH (NEUTRAL, TP213) กำไรสุทธิ 1Q16 เติบโตจากผลด้านราคา
เรามีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิ 1Q16 ของ BH ที่ 978 ล้านบาท (+0.3%y-y +27%q-q) โดยกำไรสุทธิเติบโตจากค่ารักษาจากกลุ่มโรครุนแรง (Revenue Intensity) ทั้งผู้ป่วย OPD และ IPD สูงขึ้น รวมทั้งการขึ้นค่ารักษา ทำให้รายได้ (6%y-y +2%q-q) เติบโตกว่าต้นทุน และมี Gross margin ดีขึ้นเป็น 43.2% ส่วน EBITDA margin ฟื้นตัว q-q เป็น 31.5% จากค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง q-q แนวโน้ม 2Q16F คาดกำไรต่ำสุดของปี เนื่องจากเป็น Low season ทำให้ผู้ใช้บริการมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับไม่มีผลบวกด้านราคาเหมือน 1Q16 ทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง q-q ระยะสั้นมองว่า BH ยังถูกกดดันจากความกังวลต่อการลดลงของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่ม High margin นอกจากนี้การเน้นกลยุทธ์เชิงระมัดระวัง ทำให้คาดว่า BH จะมีกำไรสุทธิช่วง 3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อปีราว 10% ไม่เด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ (+16%)
EARNINGS RESULT:
MTLS (BUY, TP25) กำไรสุทธิ 1Q16 ทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง
กำไรสุทธิ 1Q16 ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 280 ลบ. เพิ่มขึ้น +54% y-y, +16% q-q ผลักดันจากการเติบโตของสินเชื่ออย่างโดดเด่น +79% y-y และต้นทุนเงินทุนที่ลดลงทำให้ NIM ดีขึ้น สำหรับใน 2Q16F รวมถึงในช่วงที่เหลือของ FY16F เราคาดกำไรสุทธิยังเติบโตโดดเด่นทั้ง y-y และ q-q ตามการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อ รวมถึง NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ในด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง เรายังคงคำแนะนำ BUY ที่ TP16F 25 บ. โดย MTLS เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ต้องการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคที่มีพอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพ NPL ต่ำ มี Coverage ratio ในระดับสูงมาก รวมถึงการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นถึง 36% CAGR ในช่วง FY16 - 18F
COMPANY UPDATE:
DELTA (NEUTRAL, TP75) แนะนำทยอยสะสม ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 75 บาท
ถึงแม้เราคาดว่ากำไรสุทธิของ DELTA ปี FY16F จะลดลงซึ่งนำไปสู่การปรับราคาเป้าหมายเหลือ 75 บาท และยังเน้นให้ KCE เป็น top pick ของกลุ่มนี้ แต่ถ้ามองในระยะยาว การที่ DELTA ลงทุน R&D (เป็นภาระในปีแรก) จะทำให้กำไรสุทธิดีขึ้นในปี FY17/18F และเราให้ราคาเป้าหมายปี FY17F ที่ 88 บาท (พีอีเป้าหมายกลับไปที่ 15 เท่า เพราะมี growth) นับว่ายังมี upside 25% ขณะที่โครงสร้างธุรกิจยังคงความหลากหลาย เรายังแนะนำให้ทยอยสะสม DELTA
Catalysts หากแผนการลงทุนของ DELTA เปลี่ยนไปจากเดิม อาจทำให้กำไรสุทธิใน FY17-18F ของ DELTA เปลี่ยนไป และหากค่าเงินบาทใน FY16F แข็งค่าจากสมมติฐาน 36.0 บาท/US$ จะทำให้กำไรสุทธิใน FY16F ของ DELTA ต่ำกว่าคาด
Anchor themes อนาคตของการเติบโตของผู้ประกอบการอิเลคทรอนิคส์ไทย คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาสินค้า (R&D) และสินค้าอิเลคทรอนิคส์ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยคือ อิเลคทรอนิคส์ในรถยนต์ อุตสาหกรรม และพลังงานทดแทน
Weekly Outlook :
1Q16 Earnings Speculation
Top Picks: SPA, ERW, KAMART
Weekly outlook : ผันผวนขึ้น ในกรอบต้าน 1409/1415จุด รับ 1376/1370จุด
ภาพรวมตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านซึ่งถือว่าเป็นสัปดาห์แรกของเดือน พค. มีแรงขายปรับฐานสั้นตอบรับดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด รวมถึงมีแรงขายบางส่วนลดเสี่ยงก่อนช่วงหยุดยาว แต่อย่างไรก็ดีในสัปดาห์นี้คาดตลาดมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ จากแรงเก็งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ กระตุ้น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มที่คาดผลประกอบการแข็งแกร่งนำตลาดฟื้น ผสานกับแรงเก็งเพิ่มเติมก่อนการรายงานดัชนี 1Q16 GDP ไทย ที่จะประกาศในวันที่ 16 พค. (จันทร์หน้า) ซึ่ง Nomura คาด จะขยายตัวถึง +3.5%y-y เพิ่มขึ้นจาก 4Q15 ที่ +2.8%y-y และสูงกว่า Consensus ที่คาดไว้เพียง +2.8%y-y ซึ่งจะเป็น Positive Surprise ส่งผลให้คาดการณ์ GDP 2016F ของ Nomura และ Consensus ที่ +2.5% และ +3.1% มี Upside Risk ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงถัดไป
ส่วนปัจจัยอื่นที่ต้องติดตาม แนะจับตา การประชุม กนง. 11 พค. โดยรอบนี้ Nomura คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อไป เนื่องจากในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง มีการปรับลดดอกเบี้ย MLR, MRR, MOR เฉลี่ยราว 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นรอบนี้จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปอีก (อาจเก็บไว้ปรับลดในยามจำเป็นหากภาพเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่ำกว่าเป้าหมาย) ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงแนะติดตามค่าเงินดอลล่าร์ที่ยังคงมีแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งหากยังคงเป็นภาพเช่นนี้ต่อไป คาดจะเป็นตัวกระตุ้นทิศทางค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น รวมถึงเพิ่มแรงเก็งราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นต่อได้ ถือเป็นภาพบวกต่อการกระตุ้น Fund Flow ไหลกลับเข้าสู่ตลาด Asia EM ต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน: ยังคงอยู่ในช่วงการทยอยประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Mid & Small Caps ที่คาดจะรายงานกำไร 1Q16 โดดเด่น นำโดย SPA, XO, ERW, KAMART, AAV, SPALI, SC, SAWAD, MTLS ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะใช้จังหวะย่อทยอยสะสมหุ้น Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : SPA, ERW, KAMART
1) SPA(TP11.2*) คาดกำไรสุทธิ1Q16F ทำ New High ที่ 31.2 ลบ (+32% y-y, +1% q-q)
2) ERW(TP5.9*) คาดกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ 185 ลบ (+32% y-y และ +79% q-q)
3) KAMART(TP10.6*) คาดกำไรสุทธิ 1Q16F ที่ระดับ 61.7 ลบ. (+49%y-y , -6% q-q )
Monthly Outlook :
MAYbe better than you think
Top Picks: PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR
Monthly Outlook : Up ต้าน1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365)
แนวโน้มการลงทุนเดือน พค. 2016 แม้ภาพรวมสถิติ "Sell in may and Go away" จะดังก้องไปทั่ว จากสถิติเชิงลบของตลาดหุ้นไทยที่มักให้ผลตอบแทนติดลบในเดือนนี้ตลอด 10 ปี เฉลี่ยราว -0.29% ด้วยโอกาสสูงราว 6 ใน 10ปี หรือ 60% และหากพิจารณาแค่ 5 ปีหลังสุด SET ปรับฐานเดือนนีเฉลี่ยราว -2.62% ด้วยโอกาสสูงถึง 80% ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการปรับฐานของตลาด แต่อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในเดือน พค 2016 อาจดีกว่าที่ Consensus คาดได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนนี้ ที่ CNS คาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งขึ้นมากกว่า จากเหตุผล 2 ประการ 1) สัญญาณเศรษฐกิจไทย 1Q16 อาจดีกว่าตลาดคาด หลังตัวเลขการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการฟื้นตัวของ Capacity Utilization ทำให้ Nomura คาดว่า GDP 1Q16F (จะรายงาน 16 พค 2016) จะขยายตัว 3.5%y-y จาก 4Q15 +2.8%y-y ขณะที่ Consensus คาดไว้เพียง +2.8%y-y จะเป็น Positive Surprise ส่งผลให้คาดการณ์ GDP 2016F ของ Nomura และ Consensus ที่ 2.5% และ 3.1% มี Upside Risk จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายใน และ 2) สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเทศพัฒนาแล้วยังฟื้นช้า ทำให้โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 15 มิย 2016 ลดน้อยลงมาก โดย FED Fund Rate Forward Curved สะท้อนโอกาสเพียง 12% ขณะที่โอกาสที่สูงกว่า 50% อยู่ในการประชุมเดือน ธค 2016 กดดัน Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 93.327จุด โดยมีแนวรับของการอ่อนค่าที่ 92.6/92จุด หนุนค่าเงินเอเซียแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ และด้วยสภาพคล่องส่วนเกินโลกที่ยังสูง น่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนใน EM-Asia และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ ยังโดดเด่นกว่ากลุ่ม DM จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะหนุน SET ปรับตัวขึ้นในกรอบแนวต้าน 1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365) และอาจชะลอช่วงปลายเดือนหากความเสี่ยงต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED สูงขึ้น
กลยุทธ์ลงทุน: แนวโน้มตลาดเดือน พค 2016 แกว่งขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยงและใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาด 2.8%y-y อาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด เราประเมิน SET ขึ้นสู่แนวต้าน 1453/1475จุด โดยหุ้น Big Cap ที่นำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน(คาด BRENT เดือนนี้แตะ 50-55เหรียญฯ), ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited ตลาดตอบรับการได้คลื่น 900Mhz ที่ราคา 7.5หมื่นล้านบาทไปแล้ว ซึ่งจะมีการประมูลวันที่ 27พค 2016) ผสานหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, WORK, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก ที่เดือน มิย 2016 จะมีการพิจารณา PPA โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50เมกะวัตต์ และชีวมวลภาคใต้ 36เมกะวัตต์ และแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR(หนังหลวงพี่แจส และหนังในกลุ่มมาร์เวล กระแสเด่น) เดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC
Eagle Eye
Strategy Update:
2016F Thailand Equity Outlook: "2016 AEC Connectivity - WISE"
2016Top Picks : KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT
2016F Key Factor: AEC Connectivity - WISE
Global Growth: ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัว นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) ขณะที่ ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ยังคงมี downside risks จากปัจจัยด้านโครงสร้าง
Equity Risk Premium (ERP): ค่า Premium หรือส่วนต่าง (ERP) ของผลตอบแทนตลาดหุ้นเอเชีย (Risky asset) สูงกว่าผลตอบแทนพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Risk free asset) อยู่ 615 bps หรือราว +0.9SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 460bps. สะท้อนสินทรัพย์เสี่ยงมี Valuation เชิงพื้นฐานที่ถูก และน่าจะเริ่มฟื้นตัว
Global Monetary Remains Easing: แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง นำโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB ซึ่งขยายระยะเวลาการทำ QE ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่จะหมดอายุในเดือน กย 2016 ขยายเป็น มีค 2017 นอกจากนี้ ในปี 2016 Nomura คาด BOJ จะเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ขึ้น 2 เท่า จาก 3 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยน ในเดือน เม.ย. และ คาด PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะมีการลด RRR ทั้งหมด 4ครั้ง โดยลด 50bps ต่อไตรมาส อีกทั้ง จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปี ครั้งละ 25 bps จะช่วยชดเชยสภาพคล่องที่ลดลง จากการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ระดับปกติของ Fed
Fed Rate Hike: ความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุนในระยะกลาง-ยาว ซึ่งในระยะ 9 เดือน หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย MSCI World ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราวๆ +10% ทั้งนี้ Nomura คาด Fed ปรับดอกเบี้ยในปี 2016 และ 2017 ประมาณ 50 และ 75 bps ตามลำดับ ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายอยู่ 2%
High Bond Yield - Equity Positive: ความสัมพันธ์ระหว่าง US Bond Yield และ Equity prices แปรผันตามกัน ดังนั้น ในวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ จะหนุน Multiple PE สูงขึ้น โดยคาดว่า US Bond Yield อายุ 10 ปี ที่เพิ่มขึ้นราว +50bps จะหนุน MSCI World Index ซื้อขายที่ PE >1.5X และผลัก Fund flow ไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง
Commodity Price: Nomura มีการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent ในปีนี้ลงจาก 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 53 เหรียญฯต่อบาร์เรล และในปี 2016F ปรับลดจาก 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปี 2017F จาก 80 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นภาพบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปในฐานะประเทศที่นำเข้าน้ำมันสุทธิ
US Election 2016: คาดสินทรัพย์เสี่ยงโลก จะตอบรับเชิงบวกต่อการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เนื่องจาก ความขัดแย้งทางการเมืองสหรัฐฯ จะลดลง เพื่อเข้าสู่กระบวนการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.
2016 AEC Connectivity: การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ การลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี หนุนเศรษฐกิจภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
Economic: Nomura คาด GDP ไทยในปี 2016-2017 เติบโตเพียง 2.5-2.7% แต่ประมาณการณ์ดังกล่าวอาจมี Upside Risk หากรัฐฯ เร่งการลงทุนต่อเนื่องและฟื้นความเชื่อมั่นภายในได้ดีกว่าคาด
Foreign Holdings of equity: ยอดการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติยังคงต่ำกว่าในช่วงวิกฤติการเงินโลก (GFC 2008)
Risk: 1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน 2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต่ำกว่าคาด 3) สงครามโลก 3 (World War III)และ 4) ความเสี่ยงทางการเมืองในไทย
2016 Market Outlook: CNS คาด SET 1H16 จะแกว่งบวกในกรอบ 1250-1500จุด ด้วยดัชนีเป้าหมายปี 2016 ที่ระดับ 1515จุด (PER FWD 15x) มี Upside จากปัจจุบันราว 18% โดย CNS เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถูกในเชิงพื้นฐานหลังค่า Equity Risk Premium สูงถึง 5.32% มากกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 5.16% และเป็นครั้งแรกในรอบ 5ปี ที่ค่า Valuation เชิงพื้นฐานถูกที่ระดับนี้ โดยประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 4Q15 เป็นต้นไป ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งเป็น LT-Growth กำลังดึงความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว ซึ่งคงต้องประเมินความต่อเนื่องจนถึง 1Q16 นี้ หากมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่องจะหนุนภาพตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามเป้าหมายได้ ในทางกลับกันหากสัญญาณความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวไม่ฟื้น ภาพตลาดจะพลิกมามี Downside Risk จากความเสี่ยงเศรษฐกิจตกต่ำ เร่งความเสี่ยงการเมืองได้
2016 Strategy: CNS ยังแนะนำกลุ่มที่อิงการเติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือการเติบโตตามภูมิภาคอาเซียนหนุน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ แนะนำ Overweight CONMAT, TRANS, HOT, COM, FOOD โดยเลือก Theme 2016 AEC Connectivity-WISE แนะนำ Top Picks 1H16 คือ ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF ส่วน Top Picks ปี 2016 มี 16 บริษัท คือ KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT
Shipping Update:
BDI วานนี้ -15 จุด สู่ระดับ 616 จุด โดยแนะนำ "wait and see" กลุ่มเดินเรือ "PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%), TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"
ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) วานนี้ -15 จุด สู่ระดับ 616 จุด โดยค่าเฉลี่ย BDI 2Q16 ที่ 590 จุด (+64%q-q, -6.5%y-y)
แนะนำ "wait and see"กลุ่มเดินเรือ "PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%), TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"
ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 340 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงพักฐาน
ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ คงที่ ที่ระดับ 340 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงพักฐาน
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว แนะนำ wait and see "RCL"
Stock Calendar
วันนี้ : (XD) AI @0.09, AKR @0.05, BLA @0.32, ESTAR @0.025, FIRE @0.1
FMT @1.25, FVC @0.05, JASIF @0.22, KCM @0.01, KTB @0.76
KWC @5.5, LHHOTEL @0.053 + 0.2, LHPF @0.13, MK @0.25,
NEW @0.5, PAF @0.0204, PCA @0.14, PF @0.03, PL @0.17,
QHHR @0.1, S&J @1, SITHAI @0.1, SORKON @2.75, STA @0.4,
SWC @0.2, THIP @10.5, TNPC @0.03, UWC @0.002
(XR) EIC 6:1 @1, SORKON 3:1 @10
(XW) EIC 2:1, TNPC 6:1
วันพรุ่งนี้: (XD) HPF @0.167
(Stock Dividend) EPCO 25:1 + cash 0.04
(XR) TSI 3:1 @0.46
Top NVDR Buy/Sell
Top Buy SCC, SPRC, PTTEP, BH, BBL / Top Sell KTB, CPF, ADVANC, TOP, INTUCH
Regional Fund Flow
Indonesia -34, Philippines (ปิด), S.Korea -132, Taiwan -224, Thailand -54
ภาพรวมตลาดภูมิภาค วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 451 ล้านเหรียญ โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิใน ทุกประเทศ นำโดย Taiwan ขาย 224 ล้านเหรียญ และ S.Korea ขาย 132 ล้านเหรียญ
สอดคล้องกับกลุ่ม TIP วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 88 ล้านเหรียญ โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิใน Thailand ขาย 54 ล้านเหรียญ, Indonesia ขาย 34 ล้านเหรียญ ขณะที่ Philippines ยังคงปิดทำการ
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
[email protected] : 0-2287-6771, 0-2638-5771
Wijit Arayapisit : Analyst Registration No. 044799
[email protected] : 0-2287-6871, 0-2638-5871
Chavaratt Changpakorn : Assistant Strategist
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS,Nomura)