- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 May 2016 17:11
- Hits: 2044
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? โดยคาดการเคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะเดียวกับวานนี้ หลังตลาดต่างประเทศไร้ทิศทาง มีทั้งบวก / ลบ ตามประเด็นชี้นำเฉพาะในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามคาดตลาดส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักต่อประเด็นการชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไป ขณะที่ราคาน้ำมันปรับลดลง คาดส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งในกลุ่มนี้แนะนำเพียงการเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน +/- ภายใต้ภาพรวมที่คาดยังคงมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันส่วนเกิน
ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิสลับกันไป และยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค. ขณะที่จะมีการประชุม กนง. ในวันที่ 11/5/59 คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
โดยยังมีมุมมองที่ดีต่อการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่อเนื่องช่วง 2Q/59 – 3Q/59 ซึ่งล่าสุด ครม. เห็นชอบงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,200 ล้านบาท คาดประมูลในช่วง ส.ค. – ก.ย. นอกเหนือจากโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น ที่เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี’60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ รวมถึงการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ที่คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง – ยาวและยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -34.72, NASDAQ +14.06, S&P +1.55,FTSE -10.89, CAC +21.57 และ DAX +110.54
โดยได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ลดลง หลังซาอุดิอาระเบียประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน จากการที่ซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ อย่างไรก็ตาม DJIA ปรับลดลงในกรอบจำกัด โดยยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์เฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากข้อมูลที่ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน จากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนี - มี.ค.เพิ่มขึ้น 1.9% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นแข็งแกร่งสุดนับแต่มิ.ย.’58 รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซน - พ.ค. อยู่ที่ 6.2 เพิ่มจาก 5.7 เมื่อเม.ย. และสูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6.1 ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.22 อยู่ที่ US$43.44
ต่อบาร์เรล ภายใต้ประเด็นที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ประกาศปลดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน หลังซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ ขณะที่วิกฤตไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันจากชั้นทราย (oil sand) ในแคนาดา เริ่มดีขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.61 1.83 3.41
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,560.29
สถาบัน 757.89
บัญชีหลักทรัพย์ -797.67
ต่างประเทศ -1,898.92
ในประเทศ 1,938.70
(5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 1.76% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.15 อยู่ที่ 14.57
หุ้นแนะนำ : STEC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788