- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 May 2016 18:42
- Hits: 867
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET กลับมาต่ำกว่า 1,400 จุดอีกระยะ ตราบที่ไม่ประเด็นใหม่หนุน กลยุทธ์ให้ปรับพอร์ตขายหุ้นที่มีกำไรออกบางส่วน โดยยังให้ถือหุ้น Global/กำไรงวด 1Q59 สดใส (TMT, PTT, IRPC, TVO, KSL, COM7, RS, WORK) Top pick คือ RS([email protected]) ปรับเพิ่มกำไรปี 2559 ขึ้นจากเดิมเท่าตัว กลยุทธ์เน้นลดต้นทุน และกระจายรายได้
ปัจจัยภายนอกยังไม่มีอะไรใหม่
ดังที่กล่าวไปแล้วว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยยังคงขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ หลังสิ้นสุดการประชุมของธนาคารกลางโลกสำคัญ ๆ ทั้งสหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยจะมีเพียงการประชุมธนาคารเอเซียยังหลงหลืออยู่บ้าง คือ
12 พ.ค. ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ตลาดคาดยังดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามเดิม แต่ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนัก คือ การที่อังกฤษ จะทำประชามติ เพื่อหยั่งเสียงประชาชน ต่อการออกจากยูโรโซน(Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งหากมีข้อสรุปว่าจะออกจากยูโรโซน คาดว่าน่าจะกดดันเศรษฐกิจยุโรปได้
13 พ.ค.ประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้(BOK) ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ตามเดิม (ยืนระดับนี้ต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2558)
และวานนี้ ที่ประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้ปรับลดดอกเบี้ยฯ ลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% นับเป็นระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ ซึ่งผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ย ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะออสเตรเลียเอง ก็เผชิญกับเงินเฟ้อต่ำ 1.3% เทียบกับเป้าหมายตั้งไว้ที่ 2-3%
ส่วนไทย 11 พ.ค. จะมีการประชุมธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (BOT) คาดว่าน่าจะยืนดอกเบี้ยนโยบายต่อไป แม้ล่าสุดเงินเฟ้อเดือน เม.ย. พลิกกลับมาบวก 0.07% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน เนื่องจากดัชนีชี้นำยังบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวล่าสุด สะท้อนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย. ยังคงลดลง 1%mom ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นผลปัญหาภัยแล้ง ยังมีน้ำหนักหักล้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าตลาดน่าจะให้น้ำหนักต่อการคาดการณ์ผลกำไรของตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่างวด 1Q59 ผลกำไรน่าจะมีทั้งบวกลบสลับกัน เมื่อเทียบงวดก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้นักวิเคราะห์ ASPS ได้ทยอยจัดทำประมาณการกำไรหรือ Earnings preview บ้างแล้ว ติดตามรายละเอียดในย่อหน้าสุดท้ายของ Market Talk วันนี้
เดือน พ.ค. SET มักปรับตัวลดลง และ Fund Flow เริ่มชะลอตัวลง
วานนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกปรับตัวลดลง รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชีย ขณะเดียวกัน Fund Flow ยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ด้วยมูลค่าราว 300 ล้านเหรียญ โดยเป็นการขายสุทธิอยู่ 2 ประเทศ คือ ไต้หวันถูกขายสุทธิราว 386 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4) และอินโดนีเซียถูกขายสุทธิราว 49 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6) ส่วนที่เหลืออีก 3 ประเทศต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย คือ เกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิราว 121 ล้านเหรียญ และ 6 แสนเหรียญ ตามลำดับ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ต่างชาติซื้อสุทธิราว 13 ล้านเหรียญ หรือ 439 ล้านบาท (หลังจากขายติดต่อกัน 5 วัน) ต่างกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิราว 722 ล้านบาท
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิราว 1.7 พันล้านบาท (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 5 วัน) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มเดือน พ.ค. คาดว่าต่างชาติน่าจะชะลอการซื้อในตลาดหุ้นไทย ซึ่งจากสถิติในอดีต พบว่า 4 ใน 5 ปี ต่างชาติมักขายสุทธิต่างหุ้นไทย (ขายสุทธิเฉลี่ยสูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท) และซึ่ง สอดคล้องกับภาพใหญ่ หากใช้ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่า SET ในเดือน พ.ค. จะให้ผลตอบแทนติดลบ 2.62% ด้วยความน่าจะเป็น 80% สถิติย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่ตลาด ยังถูกกดดันจากหุ้น Domestic อย่าง ธ.พ. และ ICT
กำไรตลาดงวด 1Q59 หุ้น Global โดดเด่นเหนือหุ้น Domestic Play
ขณะนี้นักวิเคราะห์ ASPS ได้ทยอยจัดทำประมาณการกำไรตลาดงวด 1Q59 ซึ่งดังที่กล่าวแล้ว่า ในกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจในประเทศไม่ค่อยสดใส ดังที่นำเสนอไปแล้วก่อนหน้า คือ ธนาคารพาณิชย์ และ สื่อสาร ส่วนหุ้นอื่น ๆ ยังมีแนวโน้มบวก- ลบ สลับ ยกเว้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจภายนอกน่าจะมีการฟื้นตัวชัดเจน รายละเอียดดังนี้
กลุ่ม Domestic Play คาดงวด 1Q59 จะลดลงจาก 4Q58 เนื่องจากผ่านพ้นช่วงฤดูกาลไปแล้ว อาทิ ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยหลายราย ผลประกอบการลดลง qoq (แต่ยังเติบโต yoy) เนื่องจาก 4Q58 เป็นช่วงพีคจากการเร่งโอนโครงการทั้งแนวราบหรือคอนโดฯ เช่น SPALI([email protected]) กำไรลดลง 7%qoq (เติบโต 50%yoy), SC([email protected]) กำไรลดลง 47%qoq (เติบโต 173%yoy), SIRI([email protected]) กำไรลดลง 35%qoq (เติบโต 22%yoy), QH([email protected]) กำไรลดลง 46%qoq (เติบโต 26%yoy), PS (FV@B38) กำไรลดลง 57%qoq (เติบโต 43%yoy), ANAN([email protected]) กำไรลดลง 90%qoq (เติบโต 28%yoy) ยกเว้น AP([email protected]) กำไรลดลงทั้ง 31%qoq และ 16%yoy
เช่นเดียวกับผู้รับเหมาโครงสร้างด้านวิศวกรรม ผลการดำเนินงานงวด 1Q59 ไม่ค่อยสดใส กล่าวคือ
STPI ([email protected]) คาดงวด 1Q59 ลดลง 15%qoq จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมาก แต่เติบโต 23%yoy จากการรับรู้รายได้โครงการ Ichthys ที่ใกล้เคียงกันในแต่ละเดือน ส่วนงวด 2Q59 คาดเติบโตขึ้น หลังหมดภาระขาดทุนจากสัญญา forward ค่าเงิน และมีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษ อย่างไรก็ตาม โครงการ Pacific Northwest ที่เลื่อนออกไปอีก 3 เดือน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเห็นการขาดช่วงของรายได้ในงวด 4Q59 ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดประมาณการ และ Fair Value ลง แต่ก็ยังให้ Upside สูงถึง 40% ยังคงคำแนะนำ ซื้อ
BJCHI ([email protected]) คาดงวด 1Q59 ลดลง 45%qoq จากปัญหาต้นทุนบานปลายงาน TUPI BV#1 ขณะที่การรับงานใหม่ที่ล่าช้า อาจกระทบต่อผลการดำเนินงาน 3Q59 อย่างมีนัยสำคัญ ก่อนที่จะฟื้นกลับมาได้อีกครั้งใน 4Q59 ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรและ Fair Value ลง มี Upside อีก 11.7% แต่ Sentiment เชิงลบระยะสั้นที่กดดันราคาหุ้น จึงแนะนำ Switch ไป CK,UNIQ
ส่วน กลุ่มโรงพยาบาล น่าจะทรงตัว โดยคาดว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ กำไรงวด 1Q59 เติบโตไม่โดดเด่นนักเนื่องจากฐานกำไรที่ใหญ่ และยังอยู่นอกฤดูกาลด้วย กล่าวคือ BDMS คาดจะเติบโตราว 2%yoy จากจำนวนผู้ป่วย (Volume) เป็นหลัก ส่วน BH คาดชะลอตัวลง 2.2%yoy จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลง ส่วนงวด 2Q59 เป็นช่วง Low-season จึงคาดผลประกอบการทรงตัวเมื่อ เทียบกับปีก่อนหน้า ยกเว้นโรงพยาบาลขนาดกลางอย่าง LPH ที่น่าจะเติบโตได้ถึงกว่า 1 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และน่าจะเติบโตต่อเนื่องถึงงวด 2Q59
ยกเว้นหุ้น leasing ผลการดำเนินงานงวด 1Q59 ค่อนข้างสดใส ได้แก่
THANI ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เติบโต 24%qoq และ 20%yoyจากจำนวนสินเชื่อรถบรรทุกที่เติบโตเกินคาด ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลง ขณะที่ spread ทรงตัวระดับสูง และเชื่อว่าจะกว้างขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงในปีนี้ ส่วนงวด 2Q59 คาดจะยังเติบโต new high จากการเติบโตของสินเชื่อทุกกลุ่ม และการลดลงของ NPL การเติบโตที่โดดเด่นในปีนี้ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการและ Fair Value ขึ้นราว 9%
MLTS ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เติบโต 9%qoq และ 48%yoy ทำ new high ต่อเนื่อง จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียม ช่วยหักล้างกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่ายังคงขึ้นทำ new high ต่อเนื่องอีก 3 ไตรมาส โดยคาดกำไรสุทธิปี 2559-60 เติบโตเชิงรุกถึง 36.0% yoy และ 27.4% yoy ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตเชิงรุกของสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถยนต์
S11 ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เติบโต 6%qoq และ 47%yoy ทำ new high ต่อเนื่อง จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียม ช่วยหักล้างกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดแนวโน้มกำไร 2Q59 ยังขึ้นทำ new high ต่อจากการเติบโตของสินเชื่อบวกกับแนวโน้มต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ยังเป็นขาลง โดยรวมคาดกำไรสุทธิปี 2559-60 เติบโตถึง 30.2% yoy และ 23.2% yoy
LIT ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เติบโต 14%qoq และ 48%yoy ทำ new high ต่อเนื่อง จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลงอย่างมีนัยฯ เนื่องจากการลดลงของ NPL ส่วนงวด 2Q59 คาดยังเดินหน้าขึ้นทำ new high ได้ต่อเนื่องอีก โดยคาดกำไรสุทธิปี 2559-60 จะเติบโตอย่างมีนัยฯ ถึง 43.5% yoy และ 32.2% yoy โดย LIT ตั้งเป้าไว้เติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 30% yoy
เช่นเดียวกับหุ้นรับเหมาฯ ที่อิงกับโครงการก่อสร้างในประเทศ ที่ยังมีแนวโน้มที่ดีคือ
SEAFCO ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เพิ่มขึ้น 79%qoq และ 74%yoy จากงานแข็มคอนโดมิเนียมหลายโครงการ และมีแนวโน้มกำไรที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยน่าจะทำจุดสูงสุดในช่วง 2H59 เพราะจะมีการรับรู้รายได้งานโครงการใหญ่เข้ามาพร้อมกันถึง 3 โครงการ ทั้งยังเตรียมพร้อมกับการประมูลโครงการภาครัฐจำนวนมาก ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่ม Fair Value ขึ้น สะท้อนผลบวกจากการเข้าสู่ช่วงวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
SYNTEC ([email protected]) คาดงวด 1Q59 เพิ่มขึ้น 11%yoy เนื่องจากมีรายได้พิเศษ และการใช้ Tax Shield แต่ลดลง 45%qoq ตามรายได้งานก่อสร้างลดลง เพราะหลายโครงการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เชื่อว่างวด 2Q59 จะเติบโตขึ้นหลังผ่านจุดเริ่มต้นในหลายโครงการไปแล้ว บวกกับโอกาสการรับงานเพิ่มในอนาคต แม้ปี 2559 นี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 จะลดลง 36%YoY จากการลดลงของรายการพิเศษ แต่ Upside ยังน่าสนใจ และมี Story ให้ลุ้นได้ตลอดทั้งปี จึงยังแนะนำ ซื้อ
ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดผลการดำเนินงานทรงตัว ยกเว้น SCC รายงานกำไรสุทธิ 1.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%yoy และเป็นการยกฐานกำไรที่สูงขึ้น หลักๆ มาจากสายธุรกิจปิโตรเคมี (คิดเป็นกว่า 50% ของรายได้) ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังทรงตัว ตามเศรษฐกิจในประเทศ จึงยังคาดหวังกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ภาครัฐจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมมากน้อยเพียงใดในช่วง 2H59 ขณะที่บริษัทอื่นในกลุ่มส่วนใหญ่ก็ยังมีฐานกำไรทรงตัวที่ระดับสูง แต่งวด 1Q59 ก็น่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี
รวมทั้ง VNG (FV@B15) คาดงวด 1Q59 เพิ่มขึ้น 22%yoy และ 20%qoq จากผลของต้นทุนวัตถุดิบทั้งเศษไม้ยางพาราและกาวที่ลดลง หนุนอัตรา gross margin เพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งแผนการปรับ Product Mixed ไปสู่สินค้า Margin สูง จะเริ่มเห็นผลเต็มที่ปลายปีนี้ จึงคาดว่าปีนี้ VNG จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และยังคงเดินหน้าทำกำไร new high ต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า
รวมทั้งหุ้นกลุ่มบันเทิง อย่างเช่น WORK(FV@B45) คาดกำไร 1Q59 เติบโตแรง 160%YoY และ 840%QoQ และคาดทั้งปีจะเติบโตถึง 105%YoY และมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรตั้งแต่ปีนี้ อีกกว่า 50 ล้านบาทต่อปี จาก 2 กรณี ซึ่ง กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณาอยู่ คือ 1. ขยายเวลาผ่อนผันหรือลดอัตราการเก็บค่าธรรมเนียมธุรกิจทีวีดิจิทัลส่วนที่ส่งเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนาฯ 2% ของรายได้ และ 2. ให้มีการลดค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลลงจากเดิมช่องระบบ SD ต้องเสียค่าเช่ากว่า 50 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น ราคาหุ้นอ่อนตัวจึงเป็นโอกาสสะสม
หุ้นที่อิง Global ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้นมากกว่าลง
ส่วนหุ้นที่เศรษฐกิจภายนอก น่าจะเห็นสัญญานที่ดีในงวด 1Q59 ดังที่ได้รายงานผลประกอบการงวด 1Q59 แล้ว อาทิ
PTTEP (FV@B80) กำไรสุทธิรายงานเพิ่มขึ้น 19.8% qoq จากต้นทุนผลิตต่อหน่วยที่ลดลง 18.8% qoq ชดเชยรายได้ที่ลดลง 4.1% qoq บวกกับการบันทึกกำไรพิเศษ (อัตราแลกเปลี่ยนและผลประโยชน์ทางภาษี)อีก 3.3 พันล้านบาท ขณะราคาขายก๊าซงวด 2Q59 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีการปรับราคาขายก๊าซฯ ในแหล่งหลักได้แก่ บงกช กระทบกำไรงวด 2Q59 อย่างไรก็ตามกำไรใน งวด 2Q59 ยังคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของไตรมาส โดยยังคงสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบปีนี้ที่เฉลี่ย 45 เหรียญฯต่อบาร์เรล ทั้งนี้ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 7.5% นับตั้งแต่ต้นเดือนจึงแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
TSTH ([email protected]) จากราคาเหล็กที่ฟื้นตัว หนุน Spread และ Margin ให้สูงผิดปกติ ส่งผลทำให้รายงานกำไรงวด 1Q59 พลิกกลับเป็นกำไร จากปัจจัยทิศทางราคาขายเหล็กเส้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ Supply ในประเทศตึงตัวระยะสั้น ขณะที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 11%qoq ตามการเร่งสั่งซื้อ ทำให้แนวโน้มกำไรปี 2559 จะเพิ่มขึ้น 31% ซึ่งทำให้ระยะยาวอาจสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 25% mtd จึงแนะนำ Switch ไป TMT
และยังมีหุ้น Global อีกหลายตัวที่นักวิเคราะห์พื้นฐานคาดว่าผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้น
PTT (FV@B330) คาดกำไรงวด 1Q59 จะกลับมาสู่ระดับปกติ จาการกลับมาบันทึกกำไรสต็อกน้ำมัน และบริษัทลูก อาทิ PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงกลั่นมีกำไรดีขึ้น แม้ธุรกิจหลักของ PTT เองจะยังถูกกดดันจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯที่มีการ Shutdown ขณะที่งวด 2Q59 ยังคาดว่าจะทรงตัว กดดันจากบริษัทลูกอย่าง PTTEP และกำไรธุรกิจโรงกลั่นที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามผลการดำเนินกำไรสุทธิปี 2559 คาดจะพลิกกลับมาเติบโตราว 4 เท่าตัวจากปีก่อน และเชื่อว่าราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภาพรวมผ่านพ้นจุดต่ำไปแล้วและจะทยอยฟื้นตัว
BCP ([email protected]) คาดกำไรงวด 1Q59 ยังขาดทุนสุทธิ จากการหยุดเดินเครื่องซ่อมบำรุงโรงกลั่น ประกอบกับบันทึกขาดทุนสต็อกน้ำมัน และคาด Market GRM จะลดลง 29.8% qoq แต่จะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจการตลาดที่กำไรเพิ่มขึ้น และการบันทึกกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะงวด 2Q59 จะสามารถกลับเป็นกำไรได้ จากโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องปกติ อย่างไรก็ตามคาดกำไรสุทธิปี 2559 จะปรับตัวลดลง3.5% yoy เนื่องจากอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นเฉลี่ยทั้งปีที่ลดลง (ผลจากการหยุดเดินเครื่องในงวด 1Q59) ประกอบกับในระยะสั้นยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ จึงแนะนำ Switch เข้า IRPC([email protected])
TVO ([email protected]) งวด 1Q59 กำไรปกติลดลง yoy เนื่องจาก SG&A เพิ่มขึ้น แต่จะเติบโต 74% qoq จากปริมาณการขายกากและน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาลดลงเล็กน้อย ด้านต้นทุนเมล็ดถั่วลดลงเกือบ 10% หนุนให้ Margin เพิ่ม 12% yoy ใน 2Q59 เชื่อว่าจะเติบโตขึ้น หลังสต็อกต้นทุนถั่วลดลง และความต้องการกากถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นตามการเลี้ยงสัตว์ และผลผลิตปาล์มที่ระดับต่ำ ทั้งนี้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวสัมพันธ์เชิงบวกกันราคาถั่วและกากในตลาดโลกที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 20% ytd จากความกังวล Supply หลังเกิดปัญหาน้ำท่วมในอาร์เจนติน่า และพื้นที่ปลูกในอเมริกาลดลง ประกอบกับค่าเงินบราซิลที่แข็งค่า) บวกกับเงินปันผลสูงกว่า 7% แต่ราคาหุ้นขึ้นมาระดับหนึ่ง จึงแนะนำซื้อ เมื่อราคาอ่อนตัว
SMIT ([email protected]) คาดกำไรงวด 1Q59 ฟื้นตัว qoq แต่ลดลง yoy (+86% QoQ,-12% YoY) จากงานที่ส่งมอบล่าช้าจากไตรมาสก่อนยกมา ประกอบกับการส่งมอบเครื่องจักรที่สั่งซื้อในงาน Metalex แต่ราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นไม่กระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบและราคาขาย เนื่องจากสินค้าที่ขายเป็นเหล็กเกรดพิเศษซึ่งไม่ค่อยผันผวนเหมือนเหล็กทั่วไป ทั้งนี้คาดแนวโน้มกำไรงวด 2Q59 จะกลับมาอ่อนตัวเนื่องจากมีวันหยุดยาว ทำให้ลูกค้าชะลอการรับมอบสินค้า แต่ทั้งปีคาดว่าเติบโต 13.7% yoy อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาจนเหลือ Upside เพียง 4.6% แล้วจึงแนะนำ Switch ไป TMT
โดยสรุปคาดผลประกอบการ 1Q59 ยังไม่โดดเด่นมากพอ ทำให้ SET Index ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,400 จุด โดยหาก อิงกำไรสุทธิของตลาด (Market Earnings) ในปี 2559 ล่าสุดจะอยู่ที่ 89.66 บาท (ลดลงจากประมาณการเดิม 90.25 บาท แต่ยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ) สะท้อนการปรับลดประมาณกำไรของธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ดัชนีตลาดฯ จะมีค่า Expected P/E 15.659 เท่า ยังห่างจาก เป้าหมาย ที่กำหนด Expected P/E 16.2 ดังที่ใช้ในในกลยุทธ์ “2nd Quater, Invest+” ดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2559 จะลดลงมาอยู่ที่ 1,452.5 จุด (ลดลงจากเดิม 1,465 จุด) มี upside จำกัดเพียง 3.4% กลยุทธ์จึงต้องให้น้ำหนักต่อหุ้นรายกลุ่มและ รายบริษัท ฯ ซึ่งในสถานการณ์นี้น่าจะเน้นไปยังหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (Global Play) ทั้ง PTT, PTTEP, IRPC, TVO, TMT, KSL เป็นต้น หรือหุ้นที่กำไรโดดเด่นในงวด 1Q59 และ ตลอดปี 2559 ได้แก่ COM7, RS, WORK โดย RS([email protected]) ปรับเพิ่มกำไรปี 2559 ขึ้นจากเดิมเท่าตัว กลยุทธ์เน้นลดต้นทุน และกระจายรายได้ อ่านรายละเอียดในย่อหน้าถัดไป
RS มีกำไรงวด 1Q59 ดีเกินคาด ปรับเพิ่มกำไรขึ้นจากเดิมกว่า 100%
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ พบว่ากำไรสุทธิในงวด 1Q59 ของ RS ยังสดใสและใกล้เคียงกับ 4Q58 แม้เป็นช่วงนอกฤดูกาล เพราะ RS (ฟรีทีวี 8 ดาวเทียม 3 ช่อง สบายดีทีวี (มิวสิกวิดีโอ) ช่อง 2 (ช่องวาไรตี้) และ ช่องเพลินทีวี (สำหรับผู้สูงอายุ) ได้ขายโฆษณาล่วงหน้าช่องของทั้งปี 2559 ได้ถึง 60% ของเป้าทั้งปี 2559 ที่ 1.5 พันล้านบาท ด้วยอัตราค่าโฆษณา 2 หมื่นบาทต้น ๆ ต่อนาที (ตั้งแต่ปลายงวด 3Q59) ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและช่วงนอกฤดูกาลทำให้งวด 1Q59 ขายโฆษณาได้น้อย จึงมี อัตราการใช้เวลาโฆษณาเพียง 40% (ช่อง 8) RS จึงเน้นกลยุทธลดต้นทุนโดยการยกเลิกช่องดาวเทียม 2 ช่อง ที่ขาดทุนออก 1 ช่องคือ ช่องเพลินทีวี ส่วนที่เหลือช่อง 8 และทีวีดาวเทียมช่อง 2 ปรับลดเวลารายการใหม่ และเพิ่มรายการเก่ามารีรันแทน
ส่วนธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ความงาม ที่เน้นขายผ่านช่องทางทีวีของตนเองมีรายได้เติบโตต่อเนื่องทุกเดือน อีกทั้งงวด 1Q59 ยังมีรายได้การจัดอีเว้นต์ ให้เช่าบูธขายผลิตภัณฑ์ความงาม และมีการนำสินค้าของตนเองออกมาขายด้วย
ขณะที่รายได้ค่าโฆษณาเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เม.ย. 59 ทำให้ RS เตรียมปรับผังเพิ่มเวลาละครใหม่ และซีรีส์จีนและเกาหลีชุดใหม่ เพื่อเพิ่มเร็ตติ้ง และดึงเม็ดเงินโฆษณา อีกทั้งในช่วงครึ่งหลังของปีจะเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามผ่านโมเดิร์นเทรดและ Dealer รายใหญ่ โดยตั้งงบการตลาดไว้ 30 ล้านบาทในงวด 3Q59 อย่างไรก็ตามงวด 2H59 เป็นต้นไป RS ยังไม่มีแผนจัดอีเวนต์ ส่งผลให้คาดว่า กำไรของ RS ในปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมจะทรงตัว ที่ระดับ 90-95 ล้านบาทต่อไตรมาส
และเนื่องจากคาดการณ์กำไรงวด 1Q59 สูงกว่า 50% ของประมาณการกำไรทั้งปี 59 ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2559 และ 60 ราว 112% และ 58% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิปี 2559 ภายใต้ประมาณการใหม่จะเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ราว 2 เท่าตัว และจะเพิ่มขึ้นอีก 29% ในปี 2560 เป็นผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่ม Fair Value จาก เดิม ที่ 12 บาท เป็น 14.80 บาทแทน ซึ่งยังมี Upside ถึง 19.4%
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์