WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
      ผันผวน ตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เช้านี้ที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แม้ได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายภาคก่อสร้าง ล่าสุดแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี แต่ตัวเลขภาคการผลิตยังชะลอตัวอยู่
     ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ ขณะที่เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว แต่คาดภาพรวมอาจได้รับผลกระทบบ้างจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ที่ส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนทางด้าน Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องกว่า 5,500 ล้านบาท (เดือนเมย.’59) อย่างไรก็ตามแนะติดตามค่าเงินบาท ล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 34.83 – 34.87 บาท ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ทำให้คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในภูมิภาค รวมถึงไทย ขณะที่อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค.
โดยยังมีมุมมองที่ดีต่อการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่อเนื่องช่วง 2Q/59 – 3Q/59 ซึ่งล่าสุด ครม. เห็นชอบงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,200 ล้านบาท คาดประมูลในช่วง ส.ค. – ก.ย. นอกเหนือจากโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น ที่??เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี’60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ รวมถึงการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ที่คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง – ยาว

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +117.52, NASDAQ +42.24, S&P +16.13 FTSE (ปิดทำการในวันที่ 2/5/59 เนื่องในวัน Early May Bank Holiday), CAC +13.79 และ DAX +84.30 ภายใต้ปัจจัยหนุนจาก (1) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยการใช้จ่ายด้านก่อสร้าง - มีค. เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีครึ่ง และดัชนีภาคการผลิต -เม.ย. อยู่ที่ 50.8 แม้ลดลงจาก 51.8 เมื่อ มี.ค. แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงมีการขยายตัว และ (2) ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทอเมซอน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลงส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง และอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - เม.ย. ในวันศุกร์นี้ (6/5/59)
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซน – เม.ย. อยู่ที่ 51.7 เพิ่มขึ้นจาก 51.6 เมื่อ
มี.ค. ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.14 อยู่ที่ US$44.78 ต่อบาร์เรล หลังมีรายงานผลสำรวจ ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปก – เม.ย. เพิ่มขึ้นอีก 484,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 33.217 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากอิหร่านและอิรัก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
ขณะที่อยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.76 1.84 3.38
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 40,289.54
สถาบัน -0.38
บัญชีหลักทรัพย์ +241.71
ต่างประเทศ -504.34
ในประเทศ +263.01

และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.05 อยู่ที่ 1.87% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.02 อยู่ที่ 14.68
หุ้นแนะนำ : SPA

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!