- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 July 2014 16:17
- Hits: 2472
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดยืนเหนือ 1,530 จุด อยู่ที่ 1,530.42 จุด บวก 5.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43,190 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนต่อเนื่อง แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,316 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 14 อีก 10,542 ล้านบาท แต่คงการ Short สุทธิใน SET50 IndexFutures เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 2,196 สัญญา สะท้อนภาพหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย เริ่มมี upside gain จำกัด ทำให้ทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 IndexFutures ต่อเนื่อง
ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET ยังน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่ง SET INDEX มีแนวโน้มแกว่งระหว่าง 1,520-1,535 จุด เช่นเดียวกับ 2 วันทำการก่อนหน้า แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคงสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่การทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures ตลอด 3 วันทำการ 5,824 สัญญา บวกกับสถาบันภายในประเทศ ทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้น ตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองหุ้นหลักเริ่มมี upside gain ที่จำกัด
ทั้งนี้ หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอผลการดำเนินงานใน 2Q57 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 17-18 ก.ค.นี้ ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้นเช่นกัน ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว / หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Set-top-Box ของทีวีดิจิตอล ขยับขึ้นเด่น
ขณะที่รายงาน Beige Book ของเฟดพบว่า เศรษฐกิจยังคงเติบโตปานกลางถึงดีเล็กน้อย ตลาดการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น ทำให้เชื่อว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าลดวงเงิน QE ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนต.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เน้น “Swing Trade” ในกรอบ 1,520-1,535 จุด โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง / หุ้น Laggard เป็นหลัก หุ้นหลัก ทยอยขายทำกำไร เมื่อราคาฟื้นตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTTEP/ SPCG
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Speculative Buy: PTTEP/ SPCG
Technical View
แนวรับ 1520 จุด แนวต้าน 1535-1540 จุด การขยับเข้ามาใกล้แนวเป้าหมายหลัก ทำให้น่าเตรียมแบ่งขายทำกำไรไว้บ้าง
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,530 จุด
SET INDEX มีแนวโน้มแกว่งในกรอบระหว่าง 1,520-1,535 จุด ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
แม้ว่าต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่สถาบันภายในประเทศก็ทยอยขายทำกำไรเช่นกัน
กลยุทธ์ จึงเป็นการ Swing Trade ในกรอบที่ประเมิน เน้นหุ้นขนาดกลาง หรือ หุ้น Laggard มากกว่าหุ้นหลัก
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวก – ลบ สลับกันไป แม้ว่าจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดทุกรายการก็ตาม
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งระหว่าง 1,525-1,535 จุด แม้ว่าจะมีแรงซื้อหุ้นหลัก นำโดย AOT ตามมาด้วย KTB, ADVANC, PTT ผลักดันให้ SET INDEX ทะลุแนว 1,530 จุดขึ้นไปแกว่งทดสอบกรอบ 1,530-1,535 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาด กดดันให้ SET INDEX ลดช่วงบวกลงมาปิดที่ 1,530.42 จุด บวก 5.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43,190 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.77%, กลุ่มขนส่ง +1.58% และกลุ่ม Fashion +1.28% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.01, กลุ่มพลังงาน +0.07% และกลุ่ม ICT +0.75%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.37 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว อาจกดดัน upside gain ของตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้
MBKET ปรับลดมุมมอการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 3 พร้อมคงกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,520-1,535 จุด ใกล้เคียงกับ 2 วันทำการก่อนหน้า เพราะขาดปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศใหม่ที่มีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่นวานนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีน ออกมาดีกว่าที่คาดทุกรายการ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชีย / ยุโรป ขยับขึ้นเด่น แต่ไม่สามารถผลักดันให้ SET INDEX ปิดทะลุแนว 1,535 จุดได้เช่นกัน
MBKET คงประเมิน Upside gain ของ SET INDEX ยังคงจำกัด พร้อมคงเป้าหมายรอบนี้ที่ 1,550 จุด หรือเหลือ upside gain ราว 1% เท่านั้น โดยปัจจัยแวดล้อมที่จำกัดการไต่ระดับของ SET INDEX ในช่วงนี้ได้แก่
•นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะ Long สุทธิใน SET50 Index Futures ตลอด 3 วันทำการ รวม 5,824 สัญญา และคงการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในอัตราที่ชะลอตัวลง อาจเป็นการซื้อหุ้นบางส่วน เพื่อพยุงระดับ SET50 Index เพื่อทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures เพื่อทำกำไร
•เมื่อ upside gain เริ่มจำกัด สถาบันภายในประเทศ ทยอยขายทำกำไรหุ้นหลักด้วยเช่นกัน เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุน เพราะ ณ ปัจจุบันถือว่า SET INDEX ซื้อขายในโซนที่แพงแล้วเช่นกัน
•ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ ขยับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ราคา ณ ปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2557 เหลือจำกัดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ยังจำกัด เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่ส่งสัญญาณเชิงลบที่มีน้ำหนักมากเพียงพอต่อการกดดัน SET INDEX ทั้งนี้ MBKET ประเมินแนวรับบริเวณ 1,515-1,520 จุด ยังจะสามารถทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมคงเป้าหมาย SET INDEX รอบนี้ที่ 1,550 จุด เช่นเดิม
ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศ เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนอต่อหัวหน้า คสช. เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำกัด Downside Risk ของ SET INDEX เช่นกัน ซึ่งปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่
•รายละเอียดของงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท เท่ากับงบประมาณปี 2557 และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท
•ความชัดเจนของร่างรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คสช. ก่อนนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในลำดับต่อไป
•นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐบาลชั่วคราว ที่จะขึ้นมารับตำแหน่งบริหารประเทศ ในระยะที่ 2 ของแผนที่ คสช.กำหนด road map 3 ระยะ หัวหน้าคสช.ยืนยัน เดือนก.ย.จะเห็นภาพชัดเจน
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้นภาวะการลงทุนในช่วงสั้นนี้ MBKET คาด SET INDEX เข้าสู่โหมดของการปรับฐานย่อ ระหว่าง 1,515/1,520 – 1,530/1,535 จุด แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังทยอยสะสมหุ้นไทย แต่สถาบันภายในประเทศ มีแนวโน้มจะทยอยขายทำกำไรเพื่อ Lock-in Profit ในรอบนี้ อีกทั้ภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุนในช่วงสั้นนี้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ MBKET แนะนำให้ใช้ “Swing Trade” อยู่ในกรอบที่กำหนด โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง หรือ หุ้น Laggard ทีผลการดำเนินงานใน 2Q57 เติบโตโดดเด่น qoq และ/หรือ yoy เป็นประเด็นเก็งกำไร
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง รธน. ฉบับชั่วคราว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตลาดคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
•รายละเอียดงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น
•แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เฟส 2-3 ซึ่งเป็น Roadmap ขนาดใหญ่
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดกรอบเบื้องต้นจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.
2.รายงานการ Beige Book ของเฟดเศรษฐกิจส่งสัญญาณเติบโตปานกลางถึงดีเล็กน้อย: คล้ายกับการรายงานครั้งก่อนหน้า โดยภาพรวมทั้งตลาดการจ้างงาน ภาคอสังหาฯ และการบริโภคในแต่ละเขต เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางถึงดีเล็กน้อย
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อรายงานดังกล่าว และคาดว่าเฟดจะเดินหน้าลดวงเงิน QE ลงอย่างต่อเนื่อง จนสิ้นสุดโครงการในเดือนต.ค. แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังสิ้นสุดโครงการ QE ว่าจะมีการปรับขึ้นเมื่อใด ณ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าเฟดจะเริ่มพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในกลางปีหน้า แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง อาจกลายเป็นจุดเสี่ยงที่เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
3.คาดกลุ่มบางกลุ่มขึ้นเด่นกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด จากปัจจัยบวกเฉพาะทาง
•กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม / สายการบินต้นทุนต่ำ / สนามบิน ขยับขึ้นเด่น หลัง สภาอุตฯ ท่องเที่ยว เตรียมเสนอให้ กรอ. พิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า 3 เดือนให้กับนักท่องเที่ยวจีน MBKET คาดว่ากลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำอย่าง AAV และ สนามบิน AOT จะได้รับอานิสงค์ทางตรงในกรณีนี้
•หุ้นกลุ่ม Set-to-Box ทีวีดิจิตอล เกิดแรงเก็งกำไร หลัง กสทช.กำหนดวันที่ 24 ก.ค. พิจารณาหลักเกณฑ์การแจกคูปอง หลังเสร็จสิ้นการทำประชาพิจารณ์ไปในสัปดาห์ที่แล้ว ตามตารางเวลาเดิม คูปองจะเริ่มทยอยแจกได้ในเดือนก.ย.เป็นต้นไป MBKET คาดว่า SAMART / SIM ขยับขึ้นเด่นจากกรณีนี้ รวมถึงหุ้นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.กลุ่มธนาคารแกว่งออกด้านข้างรอดูงบ: วันที่ 17-18 ก.ค.นี้ ธนาคารขนาดใหญ่จะทยอยประกาศงบ 2Q57 ได้แก่ BBL/ KBANK/ SCB/ KTB
•หากออกมาดีกว่าคาด โอกาสที่ตลาดจะปรับประมาณการกำไร และขยับราคาเหมาะสมขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งจะช่วยผลักดัน SET INDEX ได้
•แต่หากออกมาใกล้เคียงคาด เชื่อว่าจะเกิดแรงขาย sell on fact เกิดขึ้น กดดัน SET INDEX ช่วงสั้นๆ
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.04 13.10 14.99 13.05
PSE 19.22 16.65 19.22 16.65
JSE 16.52 14.06 16.36 13.93
KOSPI 10.29 8.96 10.27 8.94
TAIEX 15.44 14.30 15.58 14.46
Straits Time 14.57 13.33 14.52 13.28
SHCOMP 8.21 7.24 8.21 7.25
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTTEP : ราคาปิด 165.50 บาท ราคาเหมาะสม 187.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 14,105 ล้านบาท เติบโต +32.3% yoy และ +13.4% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +5.1% yoy และ +3.0% qoq เป็น 308 บาร์เรลต่อวัน ตามสัดส่วนรับรู้รายได้โครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่เพิ่มขึ้น
b)ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +2.9% yoy และ +3.2% qoq เป็น US$67.00/BOE ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น +1.6% qoq
c)ราคาหุ้นมี Momentum เชิงบวกจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ค. ลดลง 7.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด
d)ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q – 4Q57 ขยายตัว qoq ต่อเนื่อง จากการรับรุ้รายได้โครงการ Hess แบบเต็มงวดใน 3Q57 และ โครงการซอติก้าใน 4Q57
e)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.6 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.1 เท่า และเชื่อว่าจะเป็นหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ
2.SPCG : ราคาปิด 25.75 บาท ราคาเหมาะสม 27.60 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มครบทั้ง 36 แห่ง และทิศทางกำไร 3Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 แห่งแบบเต็มไตรมาส
b)ราคาหุ้นมี Catalyst รออยู่ ได้แก่
I.ผู้บริหารของ SPCG จะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อสรุปการลงทุน Solar Farm ใน ญี่ปุ่น ขนาด 50-100 MW ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ
II.สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมบอร์ดบริษัท และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลครั้งแรกราว 0.20 บาท / หุ้น
c)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +134.5% yoy เป็น 1,654 ล้านบาท และ +38.3% yoy เป็น 2,287 ล้านบาท
d)Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 14.4 เท่า และลดลงเหลือ 10.4 เท่า ในปี 2558 และเชื่อว่านโยบายสนับสนุนพลังงานทางเลือกให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในปี 10 ข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศจะเป็นปัจจัยผลักดันกำไรของบริษัทในระยะยาว
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงาน, ยอดก่อสร้างบ้านใหม่
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก US$305 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$438 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 38.8 94.3 10,885.2 9,188.0
KOSPI 146.8 272.6 4,547.4 4,875.1
JSE 74.3 22.4 4,777.6 -1,806.4
PSE 3.1 3.2 1,065.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.1 -3.6 285.5 263.2
SET INDEX 41.0 49.6 -818.2 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,316 +1,592
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,196 -2,026
SSF (สัญญา) +328 +1,196
Metal Futures (สัญญา) -668 -644
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +10,542 +10,824
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 ลดลงเล็กน้อยเป็น 1,316 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 11,078 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเป็น 27,204 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 2,196 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 5,824 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 12,907 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ทรงตัวที่ 6.94 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 6.31 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 668 สัญญา รวม 3 วันทำการ short สุทธิ 2,979 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short สุทธิต่อเนื่อง หลังราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งบริเวณ US$1,290+/-
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 มากถึง 10,542 ล้านบาท รวม 14 วันทำการซื้อสุทธิ 92,473 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการทยอยสะสมพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว อายุ 5 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 4.37bps ปิดที่ 3.098% ส่วนอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 3.60bps ปิดที่ 3.676%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 615 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 717 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
SCB 156.85 14.58% 184.94
KBANK 141.24 14.50% 212.74
LH 39.53 12.51% 10.53
KTB 35.59 2.60% 22.89
CENTEL 28.90 47.61% 37.72
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 17 เป็นการสะสมหุ้นหลักคล้ายวันก่อนหน้า
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 17 อีก 1,303 ล้านบาท เพิมขึ้นจากวันก่อนหน้า 1,265 ล้านบาท รวม 17 วัน ซื้อสุทธิ 24,813 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 363 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 522 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 346 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 426 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้างซื้อสุทธิ 218 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 116 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 105 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มอาหาร ยังคงถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 76 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 127 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 223.20 28.22 CPF -95.45 19.80
SCC 179.12 33.72 BTS -53.48 14.11
TCAP 159.07 30.72 CPALL -43.72 12.14
PTT 114.60 10.48 BLA -34.52 43.66
PTTEP 112.61 21.55 INTUCH -27.93 16.71
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong