- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 April 2016 18:12
- Hits: 1561
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
คาดยังผันผวน? โดยอยู่ระหว่างรอ (1) ผลประชุมเฟด – เช้า พฤ. ตามเวลาไทย ซึ่งล่าสุดคาดการณ์ว่าเฟดอาจส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น และคาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี ภาพรวมคาดทำให้เงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีโอกาสปรับขึ้น
และ (2) การประชุม BOJ วันที่ 27 – 28/4/59 ซึ่งคาดอาจมีการขยายการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยคาดอาจมีการปรับลดอัตราดดอกเบี้ยจากระดับ -0.1% ลงอีกสำหรับเงินสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ BOJ
ส่วนประเด็นในประเทศ ทางด้าน Fund Flow ยังมีความผันผวนบ้าง แต่อย่างไรก็ตามยังมุมมองที่ดีจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลายๆ ประเทศ ทำให้คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในภูมิภาค รวมถึงไทย รวมถึงแรงเก็งกำไรผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ที่คาดมีต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค.
ขณะที่คาดมีน้ำหนักที่เป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่อเนื่อง ในช่วง 2Q – 3Q/59 ซึ่งล่าสุด ครม. เห็นชอบงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,200 ล้านบาท คาดประมูลในช่วง ส.ค. – ก.ย. นอกเหนือจากโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น ที่เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
นอกจากนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ต่อเนื่อง เช่นการปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี’60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ และในระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นอสังฯ ของภาครัฐ ที่จะหมดอายุลงปลายเดือนนี้ คาดช่วยเร่งให้มีการโอนเร็วขึ้น รวมถึงการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ที่คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง – ยาว
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +13.08, NASDAQ -7.50, S&P +3.91FTSE +23.60, CAC -12.94 และ DAX -34.76
ภายใต้ปัจจัยบวก (1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันเช่นกัน และ (2) ผลประกอบการที่ดีเกินคาด เช่น เฟียต ไครส์เลอร์ ออโตโมบิล และ พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดไม่ดีมาก (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – มี.ค. ปรับตัวขึ้นเพียง 0.8% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% (2) ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมือง – ก.พ. เพิ่มขึ้น 5.4%yoy ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5% และ (3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค – เม.ย. อยู่ที่ 94.2 ลดลงจาก 96.1 เมื่อมี.ค.
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (เช้า พฤ. ตามเวลาไทย) ซึ่งล่าสุดคาดการณ์ว่า เฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมครั้งนี้มากกว่าการประชุมเมื่อเดือนมี.ค. และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$1.40 อยู่ที่ US$44.04 ต่อบาร์เรล หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง ช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาลดลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐฯ ล่าสุดลดลง 8 แท่น อยู่ที่ 343 แท่น และอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.91 1.86 3.34
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,124.31
สถาบัน 2.85
บัญชีหลักทรัพย์ -1,797.98
ต่างประเทศ -1,390.61
ในประเทศ -410.22
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 1.93% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.12 อยู่ที่ 13.96
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788