- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 April 2016 17:26
- Hits: 938
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งตัว/ลบกรอบแคบๆ
KGI คาด SET วันจันทร์แกว่ง/ลบแคบๆ (ศุกร์ที่แล้ว SET ลงแรงกว่าคาดเล็กน้อย) คาดฟันด์โฟลว์ชะลอในช่วงสั้น หลัง i) ตลาดการเงินรอดูผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ 27 เม.ย. และ ธ.กลางญี่ปุ่น 28 เม.ย. ii) ดัชนีเงินดอลล่าร์ฯ +0.4% เมื่อวันศุกร์และดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน อาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนเล็กน้อย ด้านตลาดน้ำมันสหรัฐฯ -1.5% เช้านี้ หลัง IEA ออกรายงานช่วงสุดสัปดาห์ว่ารัสเซียและซาอุฯ น่าจะเดินหน้าผลิตน้ำมันต่อไปก่อน หลังจากการประชุม OPEC ที่โดฮาไม่มีข้อสรุป โดยภาพรวมคาด SET จะแกว่งตัวแคบในช่วงต้นสัปดาห์เพื่อรอปัจจัยภายนอกดังกล่าวข้างต้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร TVD, ASEFA, COM7
TVD (เป้าพื้นฐาน 2.8 บาท) 1) ประเมินผลการดำเนินงานปีนี้ Turnaround เป็นกำไร ±120 ล้านบาท (EPS 0.19 บาท) จากการตัดธุรกิจที่ขาดทุนออกไปกลับมาเน้นธุรกิจโฮมช้อบปิ้งในไทยที่มีความเชี่ยวชาญ + ลดค่าใช้จ่าย 2) Valuation ถูก PE ปีนี้ต่ำเพียง ±11 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีกและหุ้นค้าออนไลน์ที่ 25 เท่า) เราประเมินเป้าพื้นฐานเบื้องต้นโดยใช้ PE เพียง 15 เท่า 3) ประเมินแนวต้านแรกที่ ±2.20 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±2.60 บาท แนวรับ 1.94 บาท และ 1.88 บาท (Stop loss 1.83 บาท)
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7.0 บาท) 1) ผลการจับสลากโครงการโซลาร์สหกรณ์จะเป็นตัวปลดล๊อกงานระบบไฟฟ้า คาด ASEFA มีโอกาสได้อานิสงส์ในส่วนของงานระบบไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และการประมูล FiT โครงการต่างๆตามมา อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ภาคใต้ (ใน 1 – 2 เดือนนี้) และโครงการพลังงานลม (คาดปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า) ... จากข้อมูลในอดีตประเมินส่วนแบ่งตลาดฯของ ASEFA ในงานระบบไฟฟ้าของพลังงานทดแทนอยู่ที่ ±30% 2) รูปแบบราคา แกว่งตัว Sideway ในกรอบ 5.80 – 6.35 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน และหากดีดพ้นแนวต้าน 6.35 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ ±6.60 บาท
COM7 (เป้า Consensus 7.23 บาท) 1) ผ่านแนวต้านแรกที่ 7.35 บาทได้แล้ว แนะนำ “เก็งกำไร” มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 8.0 บาท เป็นจุดขายทำกำไร ประเมินแนวรับ 7.35 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานเริ่มต้นซื้อสินค้า Apple ตรง ไม่ผ่านคนกลาง (อัตรากำไรเพิ่ม 1-2% และมีสินค้าพร้อมขายเพิ่มขึ้น) 3) เตรียมประกาศ TRUE* เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (ยังไม่มีรายละเอียดความร่วมมือ) สัปดาห์นี้
หุ้นในกระแส
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*, TSE, SUPER, PSTC, UWC, งานระบบไฟฟ้า ASEFA, หม้อแปลงไฟฟ้า QTC) เราประเมินว่าหารจับสลากโครงการโครงการโซลาร์สหกรณ์ จะเป็นการปลดล๊อกอุตสาหกรรมให้เดินหน้าประมูล FiT ต่อ (คาดเตรียมประมูล FiT ชีวมวล+ขยะ และต่อด้วยพลังงานลมในช่วงปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า)
1) หุ้นที่จับสลากได้: SUPER 18MW, BCP* 12MW, TSE 6MW, IFEC 6MW, PSTC 10MW, SCN 5MW, SOLAR 9MW, GUNKUL* 5MW, GPSC 5MW (ข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
2) หุ้นที่จะได้อานิสงส์ต่อเนื่อง: หุ้นที่รับงาน EPC (DEMCO, GUNKUL*, PSTC, IFEC) หุ้นทำงานระบบไฟฟ้า (ASEFA) หุ้นขายหม้อแปลงไฟฟ้า (QTC, TRT) หุ้นขายแผงโซลาร์ฯ (SOLAR) หุ้นขายอุปกรณ์ไฟฟ้า (GUNKUL*)
3) หุ้นที่มีศักยภาพประมูล FiT โครงการพลังงานทดแทน: ชีวมวล (TPCH, ECF, FPI), พลังงานลม (IFEC, EA)
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (เหล็ก, ถ่านหิน, ปิโตรเคมี) ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศจีนประเมินในระยะสั้นการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ และการลงทุนในจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาจพิจารณาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเหล็ก (MCS, TMT, ASEFA) ถ่านหิน (BANPU*) และปิโตรเคมี (SCC*, PTTGC*) เป็นต้น
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ + วัสดุฯ: ประเด็นการทยอยเปิดประมูลโครงการภาครัฐฯ (สุวรรณภูมิเฟส 2, รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่, มอเตอร์เวย์) แนะนำเก็งกำไร i) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวหลัก (CK*, STEC*, ITD*, UNIQ*, NWR) ii) งานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON, TMC) iii) วัสดุฯ + เหล็ก + ระบบไฟฟ้า (SCC*, TMT, ASEFA, EPG*)
หุ้นมีข่าว
(+) ข่าวลือประเด็นกลุ่มคิงเพาเวอร์จะซื้อหุ้น AAV* (ข่าวหุ้น) เราเห็นว่า ข่าวดังกล่าวยังเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งปรากฎเฉพาะหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.59 ขณะที่ AAV เคยปฎิเสธข่าวดังกล่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากไม่เคยได้รับรายละเอียดในเรื่องนี้ ส่วนมุมมองที่เรามีต่อประเด็นดังกล่าวก็คือ กลุ่มคิงเพาเวอร์อาจต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับภาพรวมของกลุ่ม โดยเข้าไปมีสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจสายการบินที่มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องใน AAV ซึ่งคงต้องรอการเปิดเผยจาก AAV ที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าทางบัญชีของ AAV เท่ากับ 5.79 บาท/หุ้น ณ สิ้นปี 2558 เรายังคงแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 6.09 บาท
(+) CPN* เตรียมใช้เงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท สำหรับการขยายห้างสรรพสินค้าและการคืนเงินกู้ (บางกอกโพสต์) ซึ่งถือเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ในการขยาย 2-3 ห้างสรรพสินค้าต่อปี เพื่อหนุนให้รายได้เฉลี่ยในช่วงปี 2016-20 เติบโตปีละ 15.0 % นอกจากนี้ บริษัทอาจนำเงิน2-3 พันล้านบาทที่มีดอกเบี้ยต่ำมาชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องในการดำเนินงานให้อยู่ในระดับเหมาะสม ดังนั้น แผนงานที่มีความชัดเจนและต่อเนื่อง อีกทั้งผลประกอบการปี 2016 ที่คาดจะปรับขึ้นแข็งแกร่ง 17.5% YoY เป็น 9.3 พันล้านบาท ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” CPN ราคาเป้าหมาย 65 บาท
(+KOOL) เร่งเพิ่มกำลังผลิตรับ 'แอร์-พัดลม' ขาดตลาด (ประชาชาติธุรกิจ) ร้อนผ่าวทั่ว ปท. ดันสินค้าแอร์พัดลม-พัดลมไอน้ำดีมานด์พุ่ง แอร์ 9,000-12,000 บีทียู ขาดตลาด เจ้าตลาดมิตซูกันยง เร่งเพิ่มกำลังผลิต "ซิงเกอร์" รับจองออร์เดอร์สินค้า 15-30 วัน พร้อมโปรแรงดาวน์น้อยผ่อนยาว 4 ปี ด้าน "ดีลเลอร์" เพิ่มทีมติดตั้งรับมือ
(+ STA, TRUBB) น้ำยางสดราคาพุ่งกก.62บาท (โพสต์ทูเดย์) โรงงานอุตฯ แปรรูปกว้านซื้อน้ำยางสดดันราคาพุ่ง กก.ละ 62 บาท จาก 56 บาท นายสมพงศ์ ราชสุวรรณ กรรมการเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดหน้ายางประกอบกับภัยแล้งยาวทำให้น้ำยางสดขาดแคลน ส่งผลทำให้ราคาน้ำยางสดพุ่งสูงกว่ายางแผ่นดิบ โดยราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 62 บาท จากเดิม 56 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นไปตลอดทั้งปี เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปอุตสาหกรรมยาง เช่น ถุงมือยาง ถุงมือแพทย์ ถุงยางอนามัย ต่างออกมาแข่งขันกันซื้อน้ำยางสดสต๊อกไว้ เนื่องจากในสต๊อกยังมีน้ำยางสดไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
(+) PLANB คว้าสิทธิ์บอลไทย 4ปีการันตีรายได้3พันล้าน (ข่าวหุ้น) “PLANB” คว้างานใหญ่ ได้รับสิทธิ์ดูแลผลประโยชน์ “สมาคมฟุตบอลไทย” ควบ “พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์” ตลอด 4 ปี การันตีรายได้ให้ 2 หน่วยงานรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ฟาก PLANB เชื่อฟาด 15% ของรายได้ที่เกิดขึ้น
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 7.4 บาท ... รอเซ็นสัญญาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศ (บางส่วน) ในเดือน เม.ย. นี้ และที่เหลือในเดือน พ.ค.-มิ.ย. สำหรับ รร ดาราเทวี เตรียมขายที่ดินไม่ได้ใช้งาน + นำออกจากแผนฟื้นฟูฯภายในเดือน พ.ค.นี้ และจะมีการบันทึกกำไรพิเศษ
BTS* (เป้า Consensus 10 บาท) ประเมินแนวรับ 9.0 บาท แนะนำ “สะสม” (Stop loss 8.8 บาท) ... คาดได้งานบริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวจาก กทม. + เข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ล่าสุดข่าวจับมือผู้รับเหมาฯ STEC* เข้าร่วมประมูล (ขณะที่ BEM* จับมือ CK*)
SMT (เป้าพื้นฐาน 13 บาท ... ไม่รวมธุรกิจประกอบแผงโซลาร์เซลล์) สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ Stop loss ที่ 13.4 บาท แนะนำ “ถือ” รอผลประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 26 เม.ย. อนุมัติ การแจก Warrant SMT-W1 ในอัตราส่วน 5:1 และการแตกพาร์จาก 2 บาท เหลือ 1 บาท
TKS (เป้า Consensus 10.8 บาท) อยู่ระหว่างทดสอบแนวต้าน ±8.2 บาท (เป็นทั้งแนวต้านเทรนไลน์ขาลง และแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 9 บาท (Stop loss 7.8 บาท) ... ลุ้นพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ + ประชามติ + ไปรษณีย์บัตรทายผลฟุตบอลยูโร
EPG* (เป้า Consensus 16 บาท) ประเมินแนวต้าน ±14.5 บาท และถัดไปที่ ±15.5 บาท แนวรับ 13.5 บาท และกำหนดจุด Stop loss ที่ 13 บาท
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) แนะนำ “Let profit run” กำหนด Trialing stop ±2.3 บาท ประเมินแนวต้าน ±2.6 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DTAC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 34 บาท กำไรสุทธิในไตรมาสแรก = 1,256 ล้านบาท ลดลง 45%YoY แต่เพิ่มขึ้น 26%QoQ แม้กำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ และดีกว่าคาด แต่ฝ่ายวิจัยฯยังคงประมาณการปี 2559 เอาไว้เท่าเดิม เพราะเราคาดว่าต้นทุนและค่าใช้จ่ายหลักของบริษัทน่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ประเด็นสำคัญของผลประกอบการไตรมาสนี้ได้แก่ 1.) สินเชื่อและรายได้จากสินเชื่อของธนาคารทุกแห่งทรงตัว 2.) ธนาคารทุกแห่งหันมาเน้นธุรกรรมค้าตราสารหนี้ และการปล่อยกู้ในตลาดเงิน ซึ่งรายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากการค้าหลักทรัพย์เป็นตัวสำคัญที่ช่วยหนุนผลประกอบการ 1Q16 3.) คุณภาพสินทรัพย์แย่ลง เพราะ NPL ที่เกิดใหม่ของธนาคารส่วนใหญ่เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KTB*, KBANK*, BBL*, TMB* (เว้น SCB*) 4.) ธนาคารขนาดใหญ่ทุกแห่งบีบ opex เพื่อนำไปเพิ่มค่าใช้จ่ายการกันสำรอง สำหรับในระยะต่อไป
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1407 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1407 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1407-1395 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1407 จุดนั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1407-1432 จุด
แนวรับวันนี้: 1407/1397 แนวต้านวันนี้: 1417/1427
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]