- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 April 2016 23:27
- Hits: 3053
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น แม้ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่คาดคลาดยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ ภายใต้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำเป็นเพียงการเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน เนื่องจากคาดภาพรวมยังถูกกดดันจากภาวะอุปทานน้ำมันส่วนเกินอยู่ หลังผลการประชุมของผู้ผลิตน้ำมัน 18 ประเทศ ทั้งในกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกซึ่งรวมถึงรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17/4/59) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลง เพื่อตรึงการผลิตน้ำมันได้ ขณะที่แนะติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป – ECB ในวันนี้ คาดยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เช่นเดียวกับประเด็นในประเทศ ที่คาดมีสัญญาณที่ดี จาก Fund Flow ภายใต้เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามา รวมถึง
แรงเก็งกำไรผลการดำเนินงาน – 1Q/59 โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ภายในสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector จนถึงกลางเดือน พ.ค.
นอกจากนี้คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ของภาครัฐ (1) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่อเนื่อง ในช่วง 2Q – 3Q/59 เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
(2) การปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี’60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
และกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ และในระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นอสังฯ ของภาครัฐ ที่จะหมดอายุลงปลายเดือนนี้ คาดช่วยเร่งให้มีการโอนเร็วขึ้น
??นอกจากนี้ยังแนะจับตา
??(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
??(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
??(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
??(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +42.67, NASDAQ +7.80, S&P +1.60 FTSE +4.91, CAC +25.44 และ DAX +71.70
ภายใต้ปัจจัยบวก (1) ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอยู่ในระดับที่สูงกว่า 42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด (2) ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐฯ และ (3) ยอดขายบ้านมือสอง - มี.ค. เพิ่มขึ้น 5.1%MoM อยู่ที่ 5.33 ล้านยูนิต ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.30 ล้านยูนิต
??ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเข้ามาบ้างจากการที่เยอรมันปรับลดคาดการณ์ GDP ปี’60 ลงจากเดิม 1.8% เป็น 1.5% แต่ยังคงคาดการณ์ GDP ในปีนี้ไว้ที่ 1.7%
??ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$1.55 อยู่ที่ US$42.63 ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล (ดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 538.6 ล้านบาร์เรล
??ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.1 อยู่ที่ US$ 1,254.4 ต่อออนซ์ ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่กลับมาแข็งค่า และนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข ยอดขายบ้านมือสองล่าสุดออกมาดีกว่าที่คาด
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.80 1.86 3.35
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,009.29
สถาบัน -1,083.49
บัญชีหลักทรัพย์ +549.04
ต่างประเทศ +139.19
ในประเทศ +395.27
??(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
??(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
??(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.07 อยู่ที่ 1.85% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.04 อยู่ที่ 13.28
หุ้นแนะนำ : KTC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788