- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 April 2016 16:37
- Hits: 921
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
ตลาดหุ้นโลกเมินผลประชุมของผู้ผลิตน้ำมัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกหลังตลาดเมินผลการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่สามารถตกลงกันได้ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 0.60%, 0.44%, 0.65%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังตลาดเมินผลการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.68%, -0.18%, 0.26%, 0.55%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 0.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 0.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ผิดหวังจากที่ประชุมที่ไม่สามารถตกลงกันได้
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นสวนทางกับภูมิภาค ซึ่งเป็นการบวกชดเชยในช่วงวันหยุดยาวที่ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี ทั้งจากข่าวเก็งกำไรข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และกระแสคาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปการคงกำลังการผลิต แต่ผลปรากฎว่าที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน เนื่องจากซาอุดิอาระเบียไม่เห็นด้วยและต้องการให้อิหร่านเข้าร่วมในการประชุมเพื่อตรึงกำลังการผลิตส่งผลให้เช้าวานนี้ราคาน้ำมันดิบที่มีการซื้อขายทางระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่ตลาดเอเซียปรับตัวลงมากกว่า 5% ทำให้ในช่วงเปิดตลาดในภาคเช้าตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปเล็กน้อยจากแรงขายในกลุ่มน้ำมัน
แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวันราคาน้ำมันดิบได้ฟื้นตัวขึ้นมาเหลือติดลบประมาณ 2-3% เท่านั้น เนื่องจากตลาดยังคงติดตามสถานการณ์ที่คูเวต หลังสหภาพแรงงานน้ำมันประท้วงรัฐบาลในประเด็นการปรับลดอัตราค่าจ้าง และแผนการแปรรูป ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของคูเวตหายไปประมาณ 60% หรือประมาณ 1.6-1.7 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายมีแรงซื้อเข้ามาชดเชยในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากว่าถ้าสถานการณ์ในคูเวตมีการประท้วงยืดเยื้อ ปริมาณการผลิตน้ำมันที่หายไปจากตลาดจะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ปรับตัวลงแรง หลังผิดหวังจากที่ประชุมในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่น่าติดตามการประชุมอีกครั้งของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ ว่าจะมีการหารืออีกครั้งหรือไม่ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน ส่วนการประกาศงบการเงินไตรมาส 1/59 ของทั้ง KKP และ TISCO ออกมาดีกว่าคาดและใกล้เคียงกับที่เราคาด โดย KKP หลัก ๆ เป็นผลมาจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่ดีขึ้น ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และสินทรัพย์ที่รอการขายที่มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น ส่วน TISCO เป็นผลมาจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่ดีขึ้นเช่นกัน ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.9% ดีขึ้น ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2559 อยูที่ 3.07% ลดลงจาก 3.23% QoQ. แต่ยังมีการตั้งสำรองหนี้สูญส่วนเกิน 520 ล้านบาท QoQ. เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เพราะฉะนั้นคาดว่าวันนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็กน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมทั้ง Sentiment ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ด้วย รวมถึงราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นด้วย
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถว ๆ 1,370 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไรได้
Saravut Tachochavalit, Analyst TEL : +66 (0) 2682 9754 Ext. 9754 EMAIL : [email protected]