- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 April 2016 16:25
- Hits: 689
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังมีกรอบบวกจำกัดก่อนปรับลงอีก จึงน่ารอเลือกซื้อช่วงลบ
กลยุทธ์ : แม้ช่วงบ่าย SET จะพลิกกลับไปขยับบวกต่อได้ดีอีกครั้ง หลังช่วงเช้าแกว่งตัวผันผวนจากแรงขายทำกำไร แต่เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุนเพิ่ม ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มจะปรับตัวลงได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำรอทยอยซื้อช่วงลบเช่นเดิมดีกว่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากเราคาดหมายว่า SET ปรับลงเพื่อรอขึ้นต่อเนื่องอีกครั้งในช่วงถัดไป ดังนั้นหลังจากซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือต่อ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BLA, THCOM, ROBINS(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนอีกครั้งในภาคบ่าย หลังจากช่วงเช้าดัชนีแกว่งตัวแคบๆ เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรกดดันพอควรในช่วงต้นตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่ไม่ค่อยสดใสนัก ซึ่งถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงแรงพอควร หลังผลการประชุมร่วมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ในช่วงสายราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นอีกครั้ง จนมาปิดเป็นลบเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้เริ่มมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมทั้งกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลงแรงพอควรในช่วงแรกจากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการ Q1/59 ที่กำลังจะทยอยประกาศในเร็วๆ นี้ ก็มีแรงซื้อหนุนให้พลิกกลับมาปิดเป็นบวกด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ SET ปิดบวกได้ค่อนข้างดี ส่วนเช้านี้ยังได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกกว่า 100 จุดของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเป็นการปิดเหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่สดใสของบริษัทเอกชน กระตุ้นให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงเปิดทำการด้วย อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลประกอบการที่น่าจะไม่ดีนักของกลุ่มแบงก์ในบ้านเรามีสิทธิกดดันให้ SET มีกรอบบวกจำกัด รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจโลกก็มีโอกาสกดดันให้ SET กลับไปปรับตัวลงได้อีกตามคาด ดังนั้น FSS ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวกมากนัก โดยรอเลือกหุ้นซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงน่าจะเหมาะสมกว่า
แนวรับ 1395-1390, 1387-1385 จุด
แนวต้าน 1400-1403 , 1406-1413 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$301 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$179.2 ล้าน และไทยซึ่งเปิดทำการเป็นวันแรกหลังหยุดเทศกาลสงกรานต์ US$51.1 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอตัวลง ตลาดหันมาสนใจต่อผลประกอบการภาคเอกชนประจำ 1Q16 ที่เริ่มประกาศออกมาแล้วในกลุ่มธนาคาร
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากการประท้วงของคนงานคูเวตที่รวมตัวกันหยุดงานทำให้ปริมาณการผลิคน้ำมันของคูเวตลดลงกว่า 60% เหลือ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิม 3 ล้านบาร์เรล/วัน
(+) เก็งกำไรกลุ่มพลังงานทดแทน กกพ.ประกาศชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์สหกรณ์ มี EPCO, PSTC, IFEC, AKR, GUNKUL, TSE จะมีการจับสลาก 21 เม.ย. ซึ่งจะคัดเหลือ 300MW จากที่ผ่านคุณสมบัติ 835MW คิดเป็นเป็นสัดส่วน 2.8 : 1
(-) ยอด Presales ของกลุ่มอสังหาฯยังหดตัว -3% Y-Y เป็น 3.67 หมื่นล้านบาท แม้มีมาตรการภาครัฐช่วยทั้งเรื่องลดค่าโอน/จดจำนองและบ้านประชารัฐ ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเฉลี่ย 17% ของเป้าทั้งปีของผู้ประกอบการ โดย SPALI ทำได้ดีสุด 22% ของเป้าทั้งปี รองลงมาคือ QH, LH, PS ทำได้ 19-20% ของเป้า ส่วนใหญ่มาจากยอดขายบ้านแนวราบซึ่งแสดงถึง real demand ที่ยังแข็งแรง ขณะที่ SIRI, LPN ทำได้เพียง 12-13% เพราะสินค้าส่วนใหญ่มีแต่คอนโด เรายังชอบ PS (ราคาพื้นฐาน 33.40 บาท) จากกลยุทธ์ที่เน้นแนวราบและรอบธุรกิจที่หมุนเร็วกว่าผู้ประกอบการอื่น
(+) TISCO กำไรน้อยกว่าคาดเพราะสำรองเพิ่ม กำไร 1Q16 +1% Q-Q, +5.2% Y-Y หากไม่รวมการตั้งสำรองฯ กำไรแกร่งตามคาด +5.2% Q-Q, +8% Y-Y ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นตามต้นทุนการเงินที่ลดลง ส่วน NPL ratio ลดลงเป็นลำดับเหลือ 3.07% จาก 3.23% ไตรมาสก่อน TISCO เป็นแบงก์เดียวที่เราไม่ได้ปรับลดประมาณการ และได้อานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง แนะซื้อรับปันผล 2.40 บาท/หุ้น (Yield 5%) XD 27 เม.ย. ราคาพื้นฐาน 52 บาท
(0) KKP กำไรดีกว่าคาดเพราะสำรองลดลง กำไร 1Q16 +20% Y-Y, +115% Q-Q เพราะตั้งสำรองลดลงตาม NPL ที่ลดเหลือ 5.7% จาก 5.8% ใน 4Q15 และ Coverage ratio ที่สูง 97% แล้ว (จาก 92% ใน 4Q15) ถ้าไม่รวมการตั้งสำรองฯ กำไรเป็นไปตามคาด -8% Q-Q, -4% Y-Y ส่วนต่างดอกเบี้ยที่ 4.8% สูงกว่ากลุ่มเพราะต้นทุนการเงินลดลงและมีกำไรขาย NPA แนะนำถือเพราะ upside จำกัดเมื่อเทียบกับพื้นฐานที่ 44 บาท
(0) GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q16 ดีตามฤดูกาล เราคาด +38.6% Q-Q, +20.7% Y-Y ขณะที่ภาพกำลังซื้อค่อนข้างทรงๆ คาดยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาเดิมพลิกกกลับมาเป็นบวกราว 1-2% Y-Y จาก -3.5% Y-Y ใน 4Q15 บวกกับรับรู้รายได้สาขาใหม่ 6 แห่งที่เปิดในปีก่อน แนวโน้ม 2Q16 จะเป็นกำไรสูงสุดของปีเพราะ high season ยังคงราคาพื้นฐาน 11.40 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นสะท้อนการเติบโตในปีนี้ และตอบรับเชิงบวกต่อประเด็น CG ของบริษัทแล้ว เหลือ upside เพียง 7% จึงลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) BEAUTY แม้ราคาหุ้นจะเหลือ upside เพียง 8% จากราคาพื้นฐาน 6.10 บาท แต่เราแนะนำซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q16 ที่คาดออกมาดี +51% Y-Y จากยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาเดิมที่ยังโตเป็นเลขสองหลัก แต่กำไรน่าจะ -12% Q-Q ตามฤดูกาล
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดปรับตัวขึ้น จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าคาด กลบข่าวการประชุมผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่มีข้อสรุป
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ยังมีแรงขายในกลุ่มพลังงานหลังใม่มีข้อสรุปในการประชุมผู้ผลิตน้ำมัน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นโลก นำโดยตลาดญี่ปุ่น ที่ได้อนิสงค์จากค่าเงินเยนอ่อนค่า
(0) ค่าเงินบาทยังทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.94-35.00 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5-28 เม.ย. - ไทย: กสทช.เปิด Public hearing การประมูลคลื่น 900MHz รอบใหม่
18-22 เม.ย. - ไทย: กลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการ
19-เม.ย. - สหรัฐ: Building permits, Housing starts (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (เม.ย.)
20-เม.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (มี.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (มี.ค.)
21-เม.ย. -ไทย: จับสลากโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600 MW
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
22-เม.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (เม.ย.)
24-เม.ย. - ไทย: ดุลการค้า (มี.ค.)
25-เม.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
26-เม.ย. - เกาหลีใต้: 1Q16 GDP
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.), S&P/Case-Shiller Index (ก.พ.)
27-เม.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มี.ค.)
- สหรัฐ: Pending home sales (มี.ค.)
27-28 เม.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch