- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 April 2016 17:13
- Hits: 796
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ยังน่ารออ่อน
กลยุทธ์ : เน้นทยอยซื้อช่วงลบ และเลือกเป็นรายตัว เน้นที่กำไร 1Q16 จะออกมาดีเช่นกลุ่มไฟแนนซ์ โรงแรม โรงพยาบาล ค้าปลีกบางตัว เป็นต้น
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BKD, TSE, ROBINS(short)
แนวโน้ม : แรงขายของกลุ่มสื่อสารและ SCC วานนี้ไม่สามารถชดเชยได้ด้วยแรงซื้อในกลุ่มแบงก์และพลังงาน ทำให้ SET ยังไม่สามารถผ่าน 1375 จุดได้ แม้เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันจะขยับขึ้นยืนเหนือ US$40 ได้อีกครั้ง ซึ่งเอื้อต่อกลุ่มพลังงานแต่คาด SET วันนี้รีบาวนด์ในกรอบจำกัด 1375-1380 จุด ขณะเดียวกันมีโอกาสแกว่งลบเพราะติดวันหยุดยาวและตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศมีค่อนข้างมากในช่วงนี้ แม้สถิติในอดีตพบว่าตลาดหุ้นหลังสงกรานต์มักขยับขึ้นได้ดี แต่ความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีอยู่สูง แนะนำทยอยซื้อสะสมช่วง SET ปรับลงและเลือกเป็นรายตัว เน้นกำไร 1Q16 ออกมาดี
แนวรับ 1364-1360, 1357-1352, 1345-1340 จุด
แนวต้าน 1375-1380 , 1385-1389 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออก US$101ล้าน นำโดยไทย US$61.8ล้าน และอินโดนีเซีย US$32.7ล้าน ขณะที่ไต้หวันและเวียดนามที่มีเม็ดเงินไหลเข้าแต่ก็เบาบางเพียง US$8.5ล้าน และ US$7ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลเข้าแต่ชะลอลงเพราะขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยเฉพาะไทยซึ่งนักลงทุนระมัดระวังก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กลุ่มแบงก์มีโอกาสถูกปรับประมาณการลง กลุ่มแบงก์จะเริ่มทยอยประกาศกำไรหลังสงกรานต์ แนวโน้ม 1Q16 อ่อนแอเพราะแบงก์ส่วนใหญ่จะยังตั้งสำรองสูงกว่าปกติ คาดกำไรทั้งกลุ่มน่าจะหดตัว 11-16% Y-Y แต่เพิ่ม 8% Q-Q จากค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่ลดลง แนวโน้ม 2Q16 ยังไม่ดีขึ้นเพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลงหลังแบงก์ปรับลด MLR 0.15-0.25% ขาเดียว แม้ราคาหุ้นจะปรับลงเฉลี่ย 10% แต่การปรับประมาณลงของนักวิเคราะห์ในระยะถัดไปทำให้ downside ของกลุ่มแบงก์ยังไม่หมดไป ล่าสุด Moody’s ระบุการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มแบงก์เป็นลบต่ออันดับเครดิตของกลุ่ม เราแนะนำให้ชะลอการซื้อเพิ่มในหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่หากมีอยู่แล้ว แนะถือรับปันผลซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้น XD 18-29 เม.ย. ให้ Dividend yield เฉลี่ย 3.4%
(+) กล่มไฟแนนซ์ คาดกำไรออกมาดี เรายังชอบ MTLS (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) และ GL (ราคาพื้นฐาน 25บาท) คาดกำไร 1Q16 จะออกมาดีเพราะความต้องการสินเชื่อในตลาดรากหญ้ายังมีอยู่มาก และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ขณะที่ NPL ยังคุมดี และไม่ถูกกระทบจากภัยแล้ง
(+) กลุ่มท่องเที่ยว การกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่ให้นำบิลค่าอาหารที่ใช้ในช่วง 9-17 เม.ย. มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มค้าปลีกเท่ากับมาตรการช้อปช่วยชาติโค้งสุดท้ายปลายปีก่อนที่เน้นซื้อสินค้า แต่เป็นอานิสงส์กับกลุ่มโรงแรม (มีร้านอาหาร) ซึ่งมีมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ (หักลดหย่อนฯได้ไม่เกิน 15,000 บาท) ตลอดทั้งปีอยู่แล้ว รวมถึง 1Q เป็นฤดูที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยว แนวโน้มกำไรจึงโดดเด่นกว่าธุรกิจอิ่น เรายังชอบ MINT (ราคาพื้นฐาน 43 บาท) จากกำไรที่จะก้าวกระโดดหลังรวมโรงแรม Tivoli 14 แห่งในโปรตุเกสตั้งแต่ 1Q16
(+) ประมูล 4G เลื่อนเป็น 27 พ.ค. เพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียม Bank guarantee ให้ทัน ในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมด ราคาหุ้น ADVANC สะท้อนการประมูลครั้งใหม่ที่ 7.56 หมื่นล้านบาทไปแล้ว เรายังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 193 บาท จะลดเหลือ 180 บาทหากชนะประมูล ซึ่งยังสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันเกือบ 20%
(-) กลุ่มยานยนต์ ยอดจองรถในงาน Bangkok Motor Show ในช่วงที่ผ่านมา 32,571 คัน ต่ำกว่าเป้าที่ 40,000 คัน และต่ำกว่าปีก่อน เพราะแรงซื้อรถขนาดกลาง-ใหญ่ถูกดึงไปในปลายปีที่แล้วก่อนขึ้นภาษีสรรพสามิตรถใหม่ต้นปีนี้ ส่วนรถขนาดเล็กยังขายไม่ออกเพราะโครงการรถคันแรกจะหมดอายุปีหน้า ยอดขายรถในประเทศมีโอกาสชะลอ ขณะที่ยอดส่งออกรถน่าจะชะลอต่อเนื่องโดยเฉพาะตะวันออกกลางที่ถูกกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน ยังไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในกลุ่มนี้เราจึงยังคง Underweight กลุ่มยานยนต์ แต่ EPG (ราคาพื้นฐาน 15 บาท) ซึ่ง 1 ใน 3 ของธุรกิจเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ที่เป็นพลาสติก ไม่กระทบเพราะฐานลูกค้าเป็นรถกะบะซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตดีกว่ารถยนต์นั่งในต่างประเทศ แนวโน้มกำไรจะกลับมาดีต่อเนื่อง เรายังแนะนำซื้อ
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อยโดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูผลประกอบการ 1Q16 ของบริษัทจดทะเบียน
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกได้จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงการพุ่งขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคารในอิตาลีที่ช่วยสร้าง Sentiment เชิงบวก
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวค่อนมาในแดนบวกนำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวค่อนมาทางแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเริ่มมีจังหวะหลุดระดับ 35 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.64 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 40.36 ดอลลาร์/บาร์เรล กลับยืนเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ตั้งแต่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยตลาดให้ความหวังกับการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์หน้าในเรื่องการคงกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 14.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,258.00 ดอลลาร์/ออนซ์ สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์โดยยังได้รับแรงหนุนจากเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่จะเป็นไปอย่างระมัดระวัง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5-28 เม.ย. - ไทย: กสทช.เปิด Public hearing การประมูลคลื่น 900MHz รอบใหม่
13-15 เม.ย. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันสงกรานต์
13-เม.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการ เนื่องในวันเลือกตั้งทั่วไป
- จีน: ดุลการค้า (มี.ค.) (ตลาดคาดส่งออก +9.7% Y-Y บวกครั้งแรกใน 9 เดือน)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (มี.ค.), Fed Beige Book
- ยูโรโซน: Industrial Production (ก.พ.)
14-เม.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- สิงคโปร์: 1Q16GDP (ตลาดคาด +1.6%Y-Y เทียบ 4Q15 ที่ +1.8%Y-Y)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- IMF: ทบทวนประมาณการ GDP โลก
15-เม.ย. - จีน: 1Q16 GDP (ตลาดคาด +6.7% Y-Y เทียบ 4Q15 ที่ +6.9% Y-Y)
17 เม.ย. - การประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC และ Non-OPEC ที่เมืองโดฮา
18-เม.ย. - ไทย: กกต.ประชุมเพื่อกำหนดวันประชามติ, กกพ.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์
21-เม.ย. -ไทย: จับสลากโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600 MW
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch