- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 April 2016 19:32
- Hits: 684
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ระมัดระวังก่อนหยุดยาว
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ ในสัปดาห์ที่มีวันหยุดยาว เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหุ้นสหรัฐบวกเพียงเล็กน้อย ทั้งๆที่ราคาน้ำมันพุ่งแรงเมื่อวันศุกร์ ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และผลประกอบการไตรมาส 1 ของทั้งโลก และของไทยเองิย่งเพิ่มขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลายตัวที่ออกมาอ่อนแอเช้านี้เอง จุดจับตามองสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลข GDP ของจีน ในวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นลบ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นความคืบหน้าของบรรดาโครงการลงทุนและมาตรการของรัฐบาลซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป แต่มีผลน้อยต่อตลาดในระยะสั้น เนื่องจากเป็นเรื่องเดิม
หุ้นเด่นวันนี้ : SAWAD (ราคาปิด 43.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 57.00 บาท)
บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเราคาดว่าสินเชื่อในไตรมาส 1/59 จะยังคงแสดงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าสินเชื่อในไตรมาสดังกล่าวจะโตประมาณ 40% YoY นั่นเป็นเพราะว่า SAWAD คาดการเติบโตของสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของบริษัทคือกลุ่มที่อยู่นอกระบบที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารพาณิชย์ได้ จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ณ ปี 58 ประมาณ 56% ของประชากรแรงงานคือกลุ่มที่อยู่นอกระบบ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสามารถบ่งบอกได้ว่ายังมีโอกาสขนาดใหญ่อีกมากจากตลาดที่ยังไม่มีใครเข้าถึงนี้ ในปี 59 บริษัทจะยังคงกลยุทธ์ในการขยายสาขาโดยตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 สาขาทั่วประเทศ ณ สิ้นปี นอกจากนี้ SAWAD วางแผนที่จะลงทุนในประเทศเวียดนาม แต่แผนการลงทุนนี้ยังอยู่ในขั้นต้น เราประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 3 ปีแบบสะสม (CAGR) อยู่ที่ 41.5% ระหว่างปี 2557-2560 อิงจากการเติบโตของสินเชื่อที่ค่อนข้างสดใสและจากการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว Price Pattern ของ SAWAD ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal ในขณะที่ Price Pattern ของ SAWAD ได้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ทำให้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นอีกครั้ง ขณะที่ยังมีความอ่อนแอในระยะกลางจากการเกิด Weekly Sell Signal อยู่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SAWAD คาดว่ามีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 44.25 บาท และหาก Price Pattern ของ SAWAD ยังมีความแข็งแกร่งมากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 44.25 บาท คาดว่าจะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 45.25 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 46 บาท ตามลำดับ โดย SAWAD มีจุด Stop Loss ในรอบนี้อยู่ที่ 41.50 บาท (Resistance: 43.75, 44.00, 44.75; Support: 43.25, 43.00, 42.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เตรียมประมูลรถไฟ 4 เส้นปีนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยคาดว่าจะเปิดประมูลโครงการรถไฟรางคู่มูลค่ากว่า 9 หมื่น ลบ. ในปีนี้แม้ว่าการเซ็นสัญญาโครงการเหล่านี้จะเลื่อนไปเป็นปีหน้า ทั้ง 4 โครงการรวมเป็นระยะทาง 616 กม. เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟรางคู่ 7 สายที่เริ่มวางแผนโดยการรถไฟฯ หลังนายกฯ ออกคำสั่งมาตรา 44 สำหรับรถไฟความเร็วสูง (Bangkok Post)
ยอดลงทุนบีโอไอพุ่งไตรมาส 1/59 ตามที่รองนายกฯ สมคิด ระบุ มูลค่าการลงทุนที่ยื่นขอต่อคณะการส่งเสริมการลงทุนในไตรมาส 1 พุ่ง 234% เทียบปีก่อนสู่ 8.99 หมื่น ลบ. เพราะมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล รวมถึงแนวคิดเชิงรุก จากการเพิ่มขึ้นที่น่าพอใจในไตรมาส 1 ทำให้ นายสมคิดมั่นใจว่าการลงทุนรวมในปี 59 น่าจะถึงเป้าหมายที่ 4.5 แสน ลบ. (Bangkok Post)
กำลังพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจแก่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รมว.กระทรวงการคลังกำลังพิจารณามาตรการจูงในเพิ่มเติมที่จะกระตุ้นการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยเฉพาะโซนภาคตะวันออกซึ่งเป็นเขตการลงทุนโดยตรงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นอกเหนือจากอัตราภาษีพิเศษในปัจจุบันแล้ว การลดลงของเงื่อนไขการประกอบธุรกิจก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการกระตุ้นการลงทุน และสิทธิ์ประโยชน์ที่จะให้เพิ่มเติมนั้นจำเป็นต้องเกื้อหนุนต่อนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริง กล่าวโดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.กระทรวงการคลัง (Bangkok Post)
ตลาด เอ็ม เอ ไอ จะโปรโมทธุรกิจสตารท์อัพ ตามข้อมูลจากนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ได้วางแผนที่จะขอให้บริษัทจดทะเบียนในตลาด MAIจำนวน 123 บริษัทให้ความช่วยเหลือหรือเป็นพาร์ทเนอร์แก่ธุรกิจเอสเอ็มอี, สตาร์อัพ, และกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม เนื่องจากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้โดยเฉพาะสตาร์อัพได้เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในหลายปีที่ผ่านมาแต่ความสนับสนุนยังมีจำกัด ความริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของทั้งตลาดหลักทรัพย์และ เอ็ม เอ ไอ ที่พยายามจะสร้างความยั่งยืนแก่ตลาดหุ้น (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
เงินเยนถดถอยมากเมื่อวันศุกร์หลังจากปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงกดดันจากคำเตือนของรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐจะแทรกแซงเพื่อทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.1% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 108.26 เยน ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลง 0.3% เทียบกับเงินสกุลหลักอื่น ปิดที่ 94.231 จุด ผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสแสดงว่าการทะยานขึ้นของดอลลาร์สหรัฐซึ่งเริ่มขึ้นในกลางปี 2014 ใกล้จะสิ้นสุดและจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในปีหน้า ส่วนเงินยูโรเพิ่มขึ้น 0.2% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.1398 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตสหรัฐเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและความเห็นจากประธานเฟดเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ลดลงสองสัปดาห์ติดต่อกัน ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีลดลง 8/32 และอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเกือบ 0.03% อยู่ที่ 1.716% ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนก่อนหน้านี้ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดนับแต่ 24 ก.พ. เมื่อวันพฤหัส (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ แต่จบสัปดาห์โดยการปิดที่ลดลงกว่าช่วงก่อนถึงแม้ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นมากและราคาหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยพยุงตลาดก็ตาม แต่แนวโน้มไม่สดใสต่อฤดูการประกาศผลประกอบการที่กำลังจะมาถึงซึ่งเริ่มต้นในสัปดาห์นี้ทำให้นักลงทุนไม่ได้กำไรมากนัก ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปยังรายงานประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสของบริษัทจดทะเบียนซึ่งนักวิเคราะห์ประมาณการว่ามี 1 ใน 3 ของบริษัทที่อยู่ในการคำนวณดัชนี S&P 500 จะมีกำไรสุทธิลดลง 7.6% YoY จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส อีกทั้งยังมีมุมมองเป็นลบต่อผลดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในสหรัฐอีกด้วย (Reuters)
นักวิเคราะห์ทำนายว่าธนาคารในสหรัฐจะมีผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ในไตรมาส 1/59 และในปี 2559 ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ผลกระทบจากราคาน้ำมันต่ำอย่างต่อเนื่องที่มีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่างกดดันกิจกรรมในตลาดทุนเช่นเดียวกับการขยายตัวของสินเชื่อ นักวิเคราะห์ประมาณการว่ากำไรเฉลี่ยจากธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ 6 แห่งจะลดลง 20% จากข้อมูล IBES ของทอมสัน รอยเตอร์ส มีการคาดว่าธนาคารบางแห่งจะรายงานผลการดำเนินงานต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์โดยหุ้นพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นกว่า 6% หลังสต็อกน้ำมันของสหรัฐลดลงสร้างความหวังที่จะถึงเวลาลงโทษการใช้น้ำมันของโลกจำนวนมากในรอบสองปีนี้อาจใกล้ถึงจุดผลิกผัน (Reuters)
เอเชีย :
คำสั่งซื้อเครื่องจักรในญี่ปุ่นลดลงกว่าคาดในเดือน ก.พ. เป็นสัญญาณการใช้จ่ายลงทุนเริ่มทรงตัว แต่การแข็งค่าของเงินเยนอาจกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท การลดลงของคำสั่งซื้อ 9.2% ในรอบเดือนเป็นสัญญาณล่วงหน้าของการใช้จ่ายงบลงทุนในรอบ 6-9 เดือนข้างหน้า และน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เฉลี่ยไว้ที่ลดลง 12.4% โดยสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในวันจันทร์ (Reuters)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้นในเดือน มี.ค. แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าอารมณ์ของตลาดยังอ่อนกำลังจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงิน ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.6 จุดจากเดือนก่อนหน้า เป็น 41.7 จุดในเดือน มี.ค. ในเดือน ก.พ.ค่าดัชนีอยู่ที่ 40.1 ซึ่งเป็นการร่วงลงในรายเดือนเร็วสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 56 และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 58 (Reuters)
จับตาข้อมูลสำคัญของจีนสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6% YoY และ 2.5% YoY ตามลำดับ ตามด้วยข้อมูลการค้าในวันพุธได้แก่ ตัวเลขการส่งออกคาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.5% YoY ขณะที่การนำเข้าลดลง 10.2% ส่งผลให้เกินดุลการค้าที่ 30.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์จะมีการประกาศยอดขายปลีก, การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม การลงทุนในเขตเมืองและจีดีพีไตรมาส 1/59 โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีจะลดลงเล็กน้อยเหลือเติบโตเพียง 6.7% จาก 6.8% ในไตรมาส 4/58 (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันพุ่งกว่า 6% วันศุกร์ มากสุดรายสัปดาห์ในรอบเดือน เพราะตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่รายงานต้นสัปดาห์ลดลง และมีการลดการขุดเจาะน้ำมันเพิ่มความหวังว่าอุปทานล้นเกินจะใกล้จุดสิ้นสุดหลังจากเกือบสองปี Brent ส่งมอบ มิ.ย. ปรับขึ้น 2.51 ดอลลาร์ (+6.4%) ปิดที่ 41.94 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ 42 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.46 ดอลลาร์ (+6.6%) สู่ 39.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยก่อนหน้านี้ขึ้นถึง 40 ดอลลาร์ (Reuters)
บริษัทพลังงานสหรัฐลดจำนวนแท่นขุดเจาะเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันสู่ระดับต่ำสุดนับแต่ พ.ย. 52 Baker Hughes Inc บริษัทน้ำมันระบุในวันศุกร์ ผู้ขุดเจาะลดจำนวนแท่นเจาะไป 8 แท่นในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 เม.ย. ทำให้จำนวนแท่นรวมเหลือ 354 แท่น (Reuters)
ราคาทองร่วงในวันศุกร์ เพราะตลาดหุ้นฟื้นตัวทำให้มีการขายทำกำไรทองหลังจากวันก่อนวิ่งขึ้นไปตามแนวโน้มหลักขาขึ้น รายสัปดาห์เพิ่มมากสุดในรอบ 5 สัปดาห์เพราะ Fed ยังระมัดระวังในเรื่องการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.1% ปิด 1,239.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ มิ.ย. บวก 0.5% ปิด 1,243.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331