- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 April 2016 18:51
- Hits: 4929
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสลดลง แต่คาดอาจอยู่ในกรอบแคบ หลังตลาดฯ บ้านเราลดลงแรงต่อเนื่อง 2 วันติดกัน ขณะที่ได้รับปัจจัยลบจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก จากรายงานการประชุมที่สอดคล้องกันทั้งเฟด และ ECB ทำให้คาดธนาคารกลางดังกล่าว ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป
ส่วนทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานแนะนำเป็นการเก็งกำไรในระยะสั้น ตามราน้ำมัน และแนะติดตามการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17/4/59 ว่าจะสามารถจำกัดการผลิต เพื่อดึงราคาน้ำมันให้เพิ่มขึ้น ได้หรือไม่?
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังมีน้ำหนักเป็นลบ (1) กลุ่มธนาคารที่คาดมีความกังวลต่อผลประกอบการใน 1Q/59 ที่ถูกกดดันจากปัญหา NPL’s และผลจากการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง คาดส่งผลต่อ Net Interest Margin (NIM) และ (2) Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ ต่อเนื่องอีกกว่า 2,800 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล คาดนักลงทุนอาจเริ่มลดความเสี่ยง และคาดมูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางลง
อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ โดยเฉพาะกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดเทศกาล (9 – 17/4/59) เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาหาร เป็นต้น
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความคืบหน้าในการเปิดประมูลโครงการต่อเนื่อง ในช่วง 2Q – 3Q/59 เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านประชารัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP อาจมีแรงขายทำกำไร จากความกังวลอุปทานล้นตลาด และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -174.09, NASDAQ -72.35, S&P -24.75 FTSE -24.74, CAC -38.73 และ DAX -93.89
ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก จากรายงานการประชุมของเฟด ระบุว่า ภาวะซบเซาของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงกดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง เช่นเดียวกับรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อต่ำและแนวโน้มการลงทุนที่อ่อนแอลงในยูโรโซน
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 9,000 ราย อยู่ที่ 267,000 ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 270,000 ราย
และอยู่ระหว่างรอผลประกอบการของบริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 11/4/59 โดยคาดกำไร – 1Q/59 ลดลง 9.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากสุดในรอบกว่า 6 ปี
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. -US$0.49 อยู่ที่ US$ 37.26ต่อบาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังอิรักเปิดเผยตัวเลขส่งออกน้ำมันจากท่าเรือทางใต้ของประเทศ – เม.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.494 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยของเดือนมี.ค. ที่ระดับ 3.286 ล้านบาร์เรล/วัน
และอยู่ระหว่างรอการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17/4/59 ซึ่งล่าสุดคูเวต กล่าวว่า การประชุมในวันดังกล่าว จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต แม้ว่าอิหร่านไม่ได้เข้าร่วมในแผนการดังกล่าวก็ตาม
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.06 อยู่ที่ 1.69% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +2.07 อยู่ที่ 16.16
หุ้นแนะนำ : SPRC
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.85 1.77 3.51
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 51,216.77
สถาบัน 215.56
บัญชีหลักทรัพย์ -2,222.47
ต่างประเทศ -2,844.13
ในประเทศ 4,851.05
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788