- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 April 2016 18:28
- Hits: 4957
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ยังมีความผันผวน? คาดมีโอกาสปรับขึ้นหลังตลาดลดลงแรงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ จากรายงานการประชุมของเฟดเมื่อ 15 – 16/3/59 ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ หลังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่คาดกลุ่มพลังงานได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น แต่คาดเป็นการเก็งกำไรในระยะสั้น โดยแนะติดตามการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17/4/59 ว่าจะสามารถจำกัดการผลิต เพื่อดึงราคาน้ำมันให้เพิ่มขึ้น ได้หรือไม่?
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ มีน้ำหนักเป็นลบ (1) กลุ่มธนาคารที่คาดมีความกังวลต่อผลประกอบการใน 1Q/59 ที่ถูกกดดันจากปัญหา NPL’s และผลจากการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง คาดส่งผลต่อ Net Interest Margin (NIM) และ (2) Fund Flow จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ ล่าสุดกว่า 1,700 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล คาดมูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางลง
อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ในช่วงวันหยุด เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาหาร เป็นต้น
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความคืบหน้าในการเปิดประมูลโครงการต่อเนื่อง ในช่วง 2Q – 3Q/59 เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านประชารัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP อาจมีแรงขายทำกำไร จากความกังวลอุปทานล้นตลาด และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +112.73, NASDAQ +76.78, S&P +21.49 FTSE +70.40, CAC +34.36 และ DAX +61.15
สะท้อนรายงานการประชุมของเฟด เมื่อ 15 – 16/3/59 ว่าเฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นในกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังไฟเซอร์ ยุติข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับอัลเลอร์แกน พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตโบท็อกซ์จากไอร์แลนด์
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$1.86 อยู่ที่ US$ 37.75ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 529.9 บาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่คาดไว้ และยังได้รับปัจจัยหนุนหนุนจากการที่ บริษัท ทรานส์แคนาดา คอร์ป ได้เลื่อนการลำเลียงน้ำมันดิบผ่านทางท่อส่ง Keystone ในปริมาณ 590,000 บาร์เรลต่อวัน ไปยังเมืองคุชชิง และรัฐอิลลินอยส์
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17/4/59 ซึ่งล่าสุดคูเวต กล่าวว่า การประชุมในวันดังกล่าว จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต แม้ว่าอิหร่านไม่ได้เข้าร่วมในแผนการดังกล่าวก็ตาม
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$5.8 อยู่ที่ US$ 1,223.8
ต่อออนซ์ โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม เมื่อ 15 – 16/3/59 ออกมา หลังตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.11 1.79 3.46
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 52,966.26
สถาบัน -4,809.03
บัญชีหลักทรัพย์ -1,407.69
ต่างประเทศ -1,741.85
ในประเทศ 7,958.57
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
(6) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL, HMPRO และROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.03 อยู่ที่1.76% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -1.33 อยู่ที่14.09
หุ้นแนะนำ: PS