- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 April 2016 16:42
- Hits: 819
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ฟื้นตัวหนุนโดยหุ้นน้ำมัน ภาพรวมไซด์เวย์
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ รีบาวด์สั้น (วันอังคารลงแรงกว่าคาด) หลังรายงานประชุมเฟด มี.ค. ชี้ว่ากรรมการเสียงแตกต่อการขึ้นดอกเบี้ยใน เม.ย. (เป็นไปตามนักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่า เม.ย. เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย) ทั้งนี้หุ้นน้ำมันน่าเด่นกว่า SET หลังน้ำมัน WTi ฟื้นตัวกว่า 7% จากค่ำวันอังคาร (หุ้นไทยยังไม่รับรู้ข่าว) หลังโอเปกแถลงยืนยันการประชุม 17 เม.ย. สามารถตรึงปริมาณผลิตได้แม้อิหร่านไม่ร่วมโครงการ (ข่าวนี้ยังไม่ชัด เปลี่ยนได้ตลอด) และ EIA รายงานสต็อกน้ำมันลดมากกว่าคาด แต่ภาพรวม SET ฟื้นไม่แรงหลังจิตวิทยากลุ่มหลักอื่นๆ ไม่สดใส ด้านปัจจัยภายใน ม.หอการค้ารายงานดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ลงสู่ 62.4 จุด จาก 63.5 จุดใน ก.พ. แต่ลุ้นไตรมาส 2/2559 ฟื้นตัวตามาตรการหนุนใช้จ่าย/ท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ ภาพรวม SET ยังแกว่งตัวต่อ เน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางประเด็นเด่น เช่นเดิม
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร KTC*, EPG* / สะสม IFEC
KTC* (เป้าพื้นฐาน 125 บาท) 1) รูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบ Uptrend line channel 84 – 88 บาท หาก Breakout ผ่าน 88 บาทได้ ประเมินเป็นการปรับกรอบแนวรับ – แนวต้านขึ้นไปเป็น 88 –95 บาท 2) ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (กินอาหาร ท่องเที่ยว ช่วงสงกรานต์ ลดหย่อนภาษี) จะเป็น Sentiment บวกต่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ ทยอยลดดอกเบี้ย MLR ลง คาดเป็นบวกต่อการบริโภคในประเทศ 3) จากประมาณการฯของฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน PE ปี 2559 ต่ำเพียง 9.2 เท่า และ Dividend yield 4.9%
EPG* (เป้า Consensus 16 บาท) 1) ดีดพ้นแนวต้าน 13.4 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านแรกที่ ±14.5 บาท แนวรับ 13.4 บาท (รูปแบบราคา Inverse Head and Shoulders) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q58/59 (ปิดงบ มี.ค.) จะกลับมาโตเด่น +30% QoQ และ +150% YoY (พ้นช่วง Low season + ไม่มีค่าใช้จ่ายปิดโรงงานที่จีน + ยังได้อานิสงส์ต้นทุนเม็ดพลาสติกราคาต่ำ)
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) 1) ประเมินรูปแบบราคา Sideway ในกรอบ 7.10 – 7.25 บาท แนะนำ “สะสม” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน และหากดีดพ้นแนวต้าน 7.25 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±8 บาท และแนวต้านถัดไปที่ ±9 บาท 2) ในเชิงพื้นฐาน i) ล่าสุดเซ็นสัญญา LOI (คือ หนังสือตอบรับที่จะซื้อ PPA โซลาร์ฟาร์ม 69MW จากบริษัทญี่ปุ่น) เรายังไม่รวมในประมาณการฯ ii) ธุรกิจ รร ดาราเทวี ศาลฯเห็นชอบแผนฟื้นฟู รร ดาราเทวี แล้ว คาด Hair cut หนี้จบเร็วๆนี้ (นสพ ข่าวหุ้นลงว่าอาจบันทึกกำไรพิเศษ 600 – 700 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าอาจบันทึกไม่เต็มจำนวนในงบการเงินรวม แต่เป็น Sentiment บวกในเรื่องการซื้อกิจการว่า Hair cut หนี้จบ D/E ratio ลดลง และลดภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ >100 ล้านบาท)
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (SVI*, SMT) เล่นธีมค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า (เป็นบวกต่อการส่งออก) โดยรูปแบบราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวที่เราเลือกมา 1) SVI* รูปแบบ Sideway พักฐานรอสัญญาณซื้อ หาก Break ผ่านแนวต้าน 5.45 บาท (ประเมินต้านถัดไป 5.7 บาท) กำหนด Stop loss หากหลุด 5.2 บาท 2) SMT รูปแบบราคา Break ผ่านกรอบ Sideway ขึ้นมาได้แล้ว แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินแนวต้าน 15.4 บาท (แนวรับ 13.8 บาท)
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ + วัสดุฯ: ประเด็นการทยอยเปิดประมูลโครงการภาครัฐฯ (สุวรรณภูมิเฟส 2, รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่) แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวหลัก (CK*, STEC*, ITD*) 2) งานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON, TMC) 3) วัสดุฯ + เหล็ก + ระบบไฟฟ้า (SCC*, TMT, ASEFA, EPG*)
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC, งานระบบไฟฟ้า ASEFA, หม้อแปลงไฟฟ้า QTC) แนะนำ “สะสม” หุ้นในกลุ่มฯ กกพ. เผยเตรียมเปิดรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติจับสลากโครงการโซลาร์ส่วนราชการวันที่ 18 เม.ย. และจับสลากวันที่ 21 เม.ย. นี้ อย่างไรก็ดีในกรณีเลวร้ายการจับสลากล่าช้า หุ้นที่วางแผนลงทุนพลังงานทดแทนในต่างประเทศไว้ล่วงหน้าแล้วอย่าง IFEC, GUNKUL*, TSE จะเด่นกว่าหุ้นที่รอการปลดล๊อกในไทยเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันการให้ปรับสัญญาซื้อขายไฟของโรงไฟฟ้าชีวมวลจาก Adder เป็น FiT จะเป็นบวกต่อ UWC, IFEC (สัญญา FiT สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล กำไรดีกว่า)
หุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร (CPF, TFG, GFPT) ราคาหมูหน้าฟาร์มสัปดาห์ที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 67 – 72 บาท/กก (ปรับขึ้นเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 65 – 69 บท/กก) และราคาไก่เนื้อหน้าฟาร์มแม้จะยังทรงตัวที่ 37 บาท/กก แต่ราคาลูกไก่เนื้อ (ซีพี) ในเดือน มี.ค.ที่ปรับขึ้นเฉลี่ยตัวละ 1 บาท (จาก 10.25 บาท/ตัว เป็น 11.25 บาท/ตัว) เป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มราคาไก่เนื้อที่มีโอกาสปรับขึ้นได้ แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นในกลุ่มฯ อาทิ CPF*, TFG, GFPT
หุ้นมีข่าว
(+ TMT, ASEFA) ลงทุนฟื้นเหล็กเส้นขาด (โพสต์ทูเดย์) ศูนย์วัสดุก่อสร้างระบุก่อสร้างเริ่มฟื้น กระทบตลาดเหล็กเส้นเริ่มขาดตลาด ราคาเริ่มขยับขึ้น นางสุพรศรี นาคธนสุกาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารกลุ่มสินค้า บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและของใช้ในบ้าน เปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็กเส้น หรือเหล็กข้ออ้อยขนาดต่างๆ มีสูงมาก ส่งผลให้เกิดภาวะขาดตลาดในช่วงสั้นๆ มาตั้งแต่เดือน มี.ค.แล้ว เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น และเมื่อมีสินค้าจำหน่ายไม่เพียงพอทำให้ราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อย เช่น จากเดิมขายราคา 19 บาท/กก. ปรับเพิ่มเป็น 19.50 บาท/กก. หรือเดิม 23 บาท/กก. ปรับเพิ่มเป็น 23.75 บาท/กก. ตามขนาดของเหล็ก เป็นต้น
(+ LIT) โมเดลธุรกิจใหม่ลีซอิทเพิ่มลูกหนี้บริษัทเอกชน-บุคคล ไตรมาส 3 รับทรัพย์ (โพสต์ทูเดย์) ลีซ อิท เปิดโมเดลธุรกิจ ขยายลูกหนี้กว้างขึ้น รองรับเป้าหมายสร้างกิจการให้สูงขึ้นหลังจากอ้วนพีแล้ว นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท (LIT) เปิดเผย ว่า บริษัทได้เพิ่มโมเดลในการทำธุรกิจ แฟกเตอริ่ง โดยการเปิดรับซื้อลูกหนี้การค้าของบริษัทเอกชนด้วย จากที่ผ่านมาซื้อเฉพาะลูกหนี้ที่ได้งานจากภาครัฐเท่านั้น และในไม่ช้านี้จะขยายไปหาลูกหนี้การค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาด้วย แต่บุคคลนั้นจะต้องมีทะเบียนพาณิชย์และมีสัญญาซื้อขายสินค้ากับนิติบุคคลชัดเจน
(-) แบงก์ใหญ่ลดดอกเบี้ย โบรกหวั่นกำไรวูบ 7% (ทันหุ้น) BBL*-KTB*-TMB* จูงมือหั่นดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% หวังช่วยลดต้นทุนการเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพร้อมกระตุ้นให้เศรษฐกิจเดินหน้า ด้าน "ขุนคลัง" ปัดเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณเลวร้าย มองแบงก์พาณิชย์ลดดอกเบี้ยเป็นไปตามกลไกตลาด ฟากโบรกหวั่นกำไรแบงก์ใหญ่วูบ 7% ตามรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง เตรียมปรับประมาณการกำไรกลุ่มแบงก์อีกรอบ
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) ประเมินระยะสั้นรูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ Uptrend line channel 5.70 – 6.30 บาท ... ประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/59 โตเด่น (ไตรมาส 4/58 เป็น Low season + ราคาเหล็กปรับขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี เป็นบวกต่อธุรกิจรื้อถอนโรงไฟฟ้า) และขยายกำลังการผลิต +50% เสร็จในไตรมาส 1/59
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 56 บาท) พิจารณาที่แนวต้านสั้น 46 บาท ผ่านได้จะเป็นการยืนยันสัญญาณซื้อรอบใหม่ โดยประเมินแนวต้าน 49 บาท แนวรับ 44.5 บาท
BH* (เป้าพื้นฐาน 252 บาท) 1) ประเมินรูปแบบราคามีโอกาสฟื้นตัวหลัง Sideway บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (±206 บาท) ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา (Stop loss ถ้าหลุด 205 บาท) 2) ยังแนะนำคงสถานะกลยุทธ์ Pair trading โดย Long BH* + Short BDMS*
CPN* (เป้าพื้นฐาน 65 บาท) 1) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “Let profit run” ขยับจุด Trialing stop ขึ้นเป็น 51.5 บาท 2) ยังแนะนำคงสถานะกลยุทธ์ Pair trading โดย Long CPN* + Short ROBINS*
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) รูปแบบราคาฟื้นตัว ประเมินหากยืนเหนือแนวต้านหลัก ±2.30 บาท ได้ประเมินแนวต้านถัดไป ±2.5 บาท
BTS* (เป้า Consensus 10 บาท) ประเมินราคามีโอกาส Sideway พักฐานในกรอบ 8.85 – 9.0 บาท แนะนำ “สะสม” หากผ่านแนวต้าน 9.0 บาทได้ประเมินมีกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 9.3 บาท (Stop loss 8.7 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BJCHI* คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท 1) ฝ่ายวิจัยฯคาด กำไรไตรมาส 1/59 โต +204% YoY เป็น 490 ล้านบาท 2) คาด BJCHI มีโอกาสสูงที่จะประมูลงานใหม่ได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 6.5 พันล้านบาท (backlog 3.7 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2015)
BBL* แนะนำ “ขาย” (จากเดิม “ถือ”) เป้าพื้นฐาน 175 บาท (เดิม 195 บาท) ปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายลง 10% หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ในขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเอาไว้เท่าเดิม สะท้อนถึง NIM ที่ลดลง 20bps เหลือ 2% ในปี 2016
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยสั้น 1370 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1370 จุด อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1370-1393 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1370 จุด อาจกดราคาลงในกรอบ 1370-1352 จุด
แนวรับวันนี้: 1370/1363/1353 แนวต้านวันนี้: 1377/1382/1390
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]