- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 April 2016 17:10
- Hits: 1352
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? แม้ไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ภายใต้ความไม่แน่นอนในการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17/4/59 ว่าจะสามารถจำกัดการผลิต เพื่อดึงราคาน้ำมันให้เพิ่มขึ้น ได้หรือไม่? ขณะที่คาดอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยผลประชุมเฟดเมื่อ 15 – 16/59 ในวันพรุ่งนี้ (6/4/59) อย่างไรก็ตามคาดตลาดส่วนใหญ่ มีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานเฟดออกมาส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 26 – 27/4/59 นี้
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดอาจได้รับปัจจัยลบเข้ามาบ้างจาก Fund Flow ซึ่งล่าสุดต่างชาติขายสุทธิออกมากว่า 900 ล้านบาท และเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล คาดมูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางลง ขณะที่เริ่ม Preview
ผลการดำเนินงาน 1Q/59 ซึ่งเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ที่คาดถูกดดันจากปัญหา NPL’s
อย่างไรก็ตามในวันนี้จะมีการนำเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เข้า ครม. โดยคาดเริ่มประมูลได้ในช่วง 2Q – 3Q/59 ในช่วงเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
รวมถึงมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ในช่วงวันหยุด คาดส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาหาร และโครงการบ้านประชารัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP อาจมีแรงขายทำกำไร จากความกังวลอุปทานล้นตลาด และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -55.75, NASDAQ -22.74, S&P -6.65 FTSE +18.67, CAC +22.98 และ DAX +27.44
ภายใต้ปัจจัยลบ (1) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ – ก.พ. ลดลง 1.7% โดยลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน หลังการส่งออกในภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า และความต้องการตลาดส่งออกชะลอตัวและ (2) ราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน ขณะที่คาดว่าการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของตะวันออกกลางในวันที่ 17/4/59 นี้ จะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการตรึงกำลังการผลิต
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขแรงงาน โดยล่าสุด อัตราการว่างงานในยูโรโซน – ก.พ. อยู่ที่ 10.3% ลดลงจาก 10.4% เมื่อม.ค. และอัตราการดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนเศรษฐกิจยูโรโซน
ฟื้นตัว
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. -US$1.09 อยู่ที่ US$ 35.70ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลว่า การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17/4/59 จะไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจำกัดน้ำมัน หลังซาอุดิอาระเบียตั้งเงื่อนไขว่าจะตรึงกำลังการผลิตก็ต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตาม
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$4.2 อยู่ที่ US$ 1,219.3
ต่อออนซ์ หลังประธานเฟด สาขาบอสตัน ส่งสัญญาณว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และมีแรงขายทางเทคนิค จากคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.53 1.83 3.4
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,057.01
สถาบัน 278.5
บัญชีหลักทรัพย์ 510.16
ต่างประเทศ -927.61
ในประเทศ 138.94
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.78% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.02 อยู่ที่ 14.12
หุ้นแนะนำ : SPA
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788