WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน



คาด SET ยังมีสิทธิไหลลงต่อได้อีก ดังนั้นเลือกหุ้นค่อยๆ ซื้อช่วงลบ...

  กลยุทธ์ : หลัง SET ปรับตัวย้อนลบมา 2 วันติดต่อกัน เมื่อวานนี้ก็เริ่มมีแรงซื้อหนุนให้ดัชนีทรงตัวได้ดีขึ้น แต่ FSS ยังคาดว่าเป็นการทรงตัวหรืออาจจะรีบาวด์ได้บ้างแต่เป็นแค่กรอบจำกัด เพราะตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพิ่ม ดังนั้นโอกาสที่ SET จะแกว่งลงต่ออีกมีมากกว่า เราจึงยังแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรลดพอร์ตในช่วงบวกต่อ โดยเฉพาะถ้าดัชนีเข้าใกล้ 1420 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป จากนั้นให้ถือเงินสดไว้ เพื่อรอเลือกหุ้นทยอยซื้ออีกครั้ง เมื่อ SET ปรับตัวลงต่ำเช่นเดิม


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : TTA, CHG, SPCG(short)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังพอมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาดไว้ได้บ้าง ทำให้ดัชนีมีลักษณะแกว่งทรงตัวแคบๆ ได้ทั้งวัน แต่ก็ยังเป็นการเคลื่อนไหวในด้านลบเป็นหลัก เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพิ่ม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอ่อนแอลงอีกครั้ง หลังจากยิ่งเข้าใกล้วันประชุมร่วมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะไม่มีข้อสรุปเกิดขึ้น เพราะแต่ละประเทศยังมีเงื่อนไขที่ไม่ลงตัวกันอยู่พอควร ส่วนเช้านี้แม้ว่าจะพอมีแรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปที่ดีขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติฯ (ยูโรสแตท) เปิดเผยอัตราว่างงานเดือน ก.พ. ของยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ทำให้นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกกับเศรษฐกิจยูโรโซนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการปิดปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐกลับดูจะกดดันต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มากกว่า ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ก.พ.ลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดปรับตัวลงต่อจากวานนี้อีกพอควร ซึ่ง FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวลงต่อมากกว่าตามที่เคยคาดไว้เดิม จึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นค่อยๆ ทยอยซื้อช่วง SET ลบลงต่อ
  แนวรับ 1395-1390 , 1386-1380 จุด
  แนวต้าน 1403-1406 , 1408-1410 จุด

     Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดภูมิภาค US$50 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$55.7 ล้าน และอินโดนีเซีย US$21.5 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$26 ล้านและฟิลิปปินส์ US$2.8 ล้าน (ไต้หวันปิดทำการเนื่องในวันเชงเม้งและปิดทำการต่อในวันนี้อีกวัน) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีแนวโน้มไหลเข้าแต่อาจเบาบางลงเพราะขาดปัจจัยชี้นำใหม่ ขณะที่ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงอีกอาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ด้วย

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (-) ข่าวลบกลุ่มแบงก์มาเป็นระลอก KBANK และ SCB ประกาศลดดอกเบี้ย MLR ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือ โดย SCB ลด 0.15% เป็น 6.375% มีผล 5 เม.ย. ส่วน KBANK ลด 0.25% เป็น 6.25% มีผล 7 เม.ย. เป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงขาเดียวทำให้รายได้รับลดลงทันที ข่าวนี้เป็น Negative surprise โดยเฉพาะ KBANK ที่กระทบมากกว่าเพราะมีสัดส่วนลูกค้า Corporate และ SME มากกว่า SCB เราคิดว่าเป็นไปได้ที่แบงก์ขนาดใหญ่อื่นอาจลดดอกเบี้ยตาม ยกเว้นแบงก์เช่าซื้อที่รอดตัว ประเด็นนี้จะทำให้เกิดการปรับลดประมาณการกลุ่มแบงก์ในระยะถัดไป เราคาดว่าจะปรับกำไรลงราว 2-5% จึงยังคงแนะนำชะลอการซื้อแบงก์ใหญ่ไปก่อน นอกจากประเด็นลดดอกเบี้ยแล้ว ความกังวลเรื่อง NPL ยังอยู่ ช่วงนี้กำลังอยู่ในระหว่างการ Preview ผลประกอบการ 1Q16 ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าสำรองฯยังกดดันกำไรของกลุ่มตั้งแต่ต้นปี ส่วนธนาคารในกลุ่มเช่าซื้อ เราชอบ TCAP (ราคาเหมาะสม 43 บาท) และ TISCO (ราคาเหมาะสม 52 บาท)
  (0) กลุ่มพลังงานทดแทน วันนี้กกพ.จะประกาศแนวทางดำเนินโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 600 MW (หลังเลื่อนมา 2 ครั้งเพราะติดเรื่องผังเมืองและพ.ร.บ.ร่วมทุน) จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 18 เม.ย. และกำหนดจับสลาก 21 เม.ย. นี้ หากไม่เลื่อนอีกจะเป็น sentiment บวกกับผู้ที่สนใจเข้าร่วมซึ่งต้องติดตามว่าจะผ่านคุณสมบัติหรือไม่ ได้แก่ TSE, EPCO, IFEC, SENA, SOLAR, SUPER, PSTC, และ GUNKUL
  (+) กลุ่มรับเหมายัง laggard รถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) จะเข้าครม.วันนี้ หลังจากเลื่อนมาจากอังคารที่แล้วเพราะมีการปรับลดวงเงินลงทุน 2 พันล้านบาทเหลือ 9.2 หมื่นล้านบาท ส่วนสีส้มฝั่งตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน) จะเข้าครม. 20 เม.ย. และในเดือนนี้ น่าจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นสำหรับรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-พัทยา และกรุงเทพ-หัวหิน รวมถึงรถไฟชานเมืองสีแดงอ่อน ขณะที่งานประมูลก่อสร้างก่อสร้างสาธารณูปโภคและลานจอดเครื่องบินของสุวรรณภูมิเฟส 2 ทาง AOT ได้ขายซองไปแล้ว กำหนดยื่นประมูล 20 มิ.ย. นี้

(-) LHBANK การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามองเห็นถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรใหม่คือ CTBC ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และอันดับ 46 ของเอเชีย ซึ่งทำให้เกิด synergy ในระยะยาวร่วมกันจากการเข้าถึงฐานลูกค้าที่เป็นชาติไต้หวันที่เปิดธุรกิจในไทยกว่า 3 พันราย การเพิ่มรายได้ด้าน Fee income จากธุรกิจ Wealth management และ Trade Finance จากเดิมที่ LHBANK ไม่มี และการสร้าง Digital Banking Platform แต่ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเพิ่มกำไรได้ทันทีในปีนี้ (การเพิ่มทุนแล้วเสร็จปลาย ส.ค. นี้) เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้ +30% Y-Y แต่ EPS -16% Y-Y จากผลของ Dilution แต่ปรับเพิ่มกำไรปีหน้าขึ้น 2% เป็น +16% Y-Y คงราคาพื้นฐานปีนี้ที่ 1.71 บาท (PBV 1 เท่า) ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว แนะนำขาย

  (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบโดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงซึ่งปัจจัยดังกล่าวบดบังหุ้นในกลุ่ม Healthcare ที่พุ่งขึ้น
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากราคาน้ำมันรวมถึงหุ้นในกลุ่มสื่อสารฯที่ร่วงลงและกดดันบรรยากาศการลงทุน
  (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯจากปัจจัยราคาน้ำมันที่กดดันบรรยากาศการลงทุน
  (-) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งตัวในทิศทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 35.25-35.35 บาท/ดอลลาร์
  (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 35.70 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลว่าจะหาข้อสรุปในเรื่องการคงกำลังการผลิตในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันได้หรือไม่ เพราะอิหร่านยังยืนยันที่จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปให้ถึงระดับก่อนที่ถูกคว่ำบาตร
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 4.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,219.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลที่ FED อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คลาดคาด และ Flow ที่อาจไหลออก

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

4-เม.ย. - ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวันปิดทำการ เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง

- ไทย: GVREIT เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 10 บาท)

- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
5-เม.ย. - ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ เนื่องในเทศกาลเชงเม้ง

- ไทย: CHEWA เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 1.60 บาท)

- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม

- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
6-เม.ย. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันจักรี

- จีน: Caixin China PMI Composite (มี.ค.)

- สหรัฐ: รายงานการประชุม Fed Minutes วันที่ 15-16 มี.ค.
7 เม.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)

- สิงคโปร์: 1Q16 GDP
8 เม.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ

- TISCO ประกาศผลประกอบการ 1Q16
10 เม.ย. - จีน: ยอดสินเชื่อรายเดือน (มี.ค.)
13-15 เม.ย. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันสงกรานต์

Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!