- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 April 2016 18:05
- Hits: 3503
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อ/ถือหุ้นพื้นฐานแกร่ง"
Stock Picks-Apr 2016 : Fundamental : BA, KBANK, MINT, PTTGC, TMT
Dark Horse : GLOBAL, TPIPL
Fundamental Pick -Today: BA(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : THCOM 40%, PTT 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET 1380-1370 1410-1420 ค่าลบ
SET50 890-880 910-920 ค่าลบ
Technical Picks - Today CPN, TCMC, IRPC, SCN, AAV, MCS, ERW, PSL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ระยะสั้นตลาดมีปัจจัยบวกหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.คงของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด และอัตราการว่างงานที่ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 5.0% (จาก 4.9% ในเดือนก่อนหน้า) และการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ทำให้ความกังวลเรื่องเฟดจะรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในกลางปี 59 ผ่อนคลายลง ส่วนในประเทศ มีปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องของรัฐบาลเพื่อให้จีดีพีปี 59 เติบโตไม่น้อยกว่า 3%, นักวิเคราะห์กำลังทำ Preview ผลประกอบการ 1Q59 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งตลาดไม่ได้คาดหวังว่ากำไรจะเติบโตมากนัก ทำให้มีโอกาสจะเกิด Upside risk ซึ่งต้องติดตามตัวเลข Preview แต่ละธนาคารอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ สำหรับกลุ่มพลังงาน คาดว่ากำไร 1Q59 จะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ก็ยังกังวลกับ 2Q59 ที่อาจมีขาดทุนในสต็อกถ้าราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวลงต่อ การลงทุนกลุ่มโภคภัณฑ์จึงเน้นเป็นรอบๆ ไปก่อน สำหรับกลุ่มที่จะมีกำไรสุทธิ 1Q59 โดดเด่นจะเป็นกลุ่มท่องเที่ยว เพราะเป็น High Season ของธุรกิจ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนม.ค.-ก.พ.59 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 15-16%YoY หุ้นที่เราแนะนำซื้อเป็น AAV, AOT, BA, CENTEL, ERW และ MINT สำหรับหุ้นพื้นฐานวันนี้เลือกเป็น BA
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบเล็กๆ ให้แนวต้านระยะสั้นของ SET Index ไว้ที่ 1410-1420, 1430 จุด ค่าลบดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตามหรือ Stop Loss แนวรับอยู่ที่ 1380-1370 จุด ส่วน SET50 มีแนวต้าน 910-920, 930 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดีเช่นกัน แนวรับอยู่ที่ 890-880 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและของราคาหุ้น ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับการ SCAN หุ้นสัญญาณทางเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น IRPC, MCS, ERW ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและยังอยู่ใน List รอจังหวะปรับขึ้นเพื่อขายทำกำไร ประกอบด้วย IMPACT, EPG, TPOLY, TPCH, EGCO, ANAN, PTTGC, MALEE, PYLON, GOLD, PERM, DCC, TNH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้น 0.1% แตะระดับ 5.0% หลังจากทรงตัวที่ 4.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี โดยภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง
+ สหรัฐ : ภาคการผลิตเดือนมี.ค.เติบโตดีขึ้น ทั้งนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 51.8 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีภาคการผลิตในเดือนมี.ค.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.7
สหรัฐ : กระแสคาดการณ์เรื่องเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.59 ผ่อนคลายลง หลังอัตราการว่างงานขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 5.0% แต่ประเด็นนี้ยังจะมากดดันตลาดเป็นระยะๆได้ ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้มากๆ
+ ยูโรโซน : ภาคการผลิตมี.ค.ขยายตัวดีขึ้น มาร์กิตรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ที่ 51.6 ดีขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ 51.4 และเดือนก.พ.ที่ 51.2
+ จีน : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ปรับขึ้นเป็น 50.2 จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 49.0 ซึ่งดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ปัจจัยที่ทำให้ปรับขึ้นเพราะอุปสงค์ส่งออกและนำเข้าเพิ่มขึ้นโดยมีแรงกระตุ้นจากราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น รวมถึงการยกระดับเทคโนโลยีก็ช่วยหนุนด้วย
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดเพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,792.75 จุด พุ่งขึ้น 107.66 จุด ตอบรับตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง และภาคการผลิตที่กลับมาขยายตัวได้ในเดือนมี.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ : ร่วงลงราว 4% สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 1.55 ดอลลาร์ที่ 36.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ BRENT ปิดลดลง 1.66 ดอลลาร์ที่ 38.67 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความไม่มั่นใจว่าการประชุม 17 เม.ย.59 ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่จะได้ข้อสรุปเรื่องการตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบได้ผ่านการทำ Window dressing ปิดสิ้น 1Q59 ไปแล้ว ซึ่งระดับปิดสูงกว่าสิ้น 4Q59 เล็กน้อย ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบเข้ามากดดันผลประกอบการ 1Q59
+ สัญญาทองคำ : ปิดเพิ่มขึ้น โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 1,235.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่สัญญาปิดซื้อขายก่อนมีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ที่แข็งแกร่งกว่าคาด
RATCH : มีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้า 126 ล้านบาท บริษัทแจ้งการขายโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่าและโรงไฟฟ้าเสาเถียร-เอ ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 2.65 เมกะวัตต์ และ 3.60 เมกะวัตต์ ให้แก่ UAC เป็นเงิน 205 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยได้รับเงินครบทั้งจำนวนเรียบร้อยในวันที่ 1 เม.ย. 59 โดยมีกำไรจากการขายจำนวน 126.08 ล้านบาท ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
เศรษฐกิจเดือนก.พ.59 ยังเติบโตช้า ยกเว้นภาคท่องเที่ยวขยายตัวแข็งแกร่ง ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนก.พ.59 เติบโต 16%YoY เป็น 3.089 ล้านคน (+3.7%MoM) โดยในเดือนก.พ.59 นักท่องเที่ยวจากจีนยังขยายตัวแข็งแกร่งที่ 26.6%YoY แนวโน้มยังไปได้ดี และภาคท่องเที่ยวยังเป็น Key Growth ของเศรษฐกิจไทยในปี 59 ส่วนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวค่อยเป็นค่อยไป การใช้จ่ายสินค้าคงทนลดลงหลังหมดช่วงเร่งซื้อก่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ซึ่งอัตราภาษีใหม่มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.59 ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังซบเซา แต่ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างช่วง 2M59 ปรับขึ้นเพราะราคาเหล็กในประเทศที่สูงขึ้นจากอุปทานตึงตัวจากผู้ผลิตขนาดใหญ่ผลิตน้อยลงและความไม่ชัดเจนเรื่องอัตราค่าธรรมเนียมตอบโต้การทุ่มตลาด AD ทำให้การนำเข้าชะลอลง มูลค่าส่งออกที่ไม่รวมทองคำเดือนก.พ.หดตัว 4.0%YoY อัตราเงินเฟ้อก.พ.59 -0.5%
+ รัฐจะสรุปแผนกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงเกษตรฯเตรียมเสนอรัฐให้เงินช่วยเหลือหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท 7 หมื่นหมู่บ้าน เพื่อใช้ส่งเสริมการเกษตร สร้างงานและรายได้ระดับหมู่บ้าน
+ กระทรวงการคลังจะตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ภายในเม.ย.นี้ โดยจะยื่นตั้งกองทุนกับก.ล.ต.และให้กองทุนกบข.และวายุภักษ์ซื้อประเดิมก่อน 1 หมื่นล้านบาท แล้วค่อยขอแก้ไขกฎเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้ คาด Return ของกองทุนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร สำหรับสินทรัพย์ตั้งต้นน่าจะเป็นโครงการมอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9
กลุ่มพลังงาน : คาดกำไรสุทธิ 1Q59 ขยายตัว QoQ…แต่ราคาน้ำมันดิบใน 2Q59 มีโอกาสอ่อนตัวลง เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q59 ของหุ้นกลุ่มพลังงานไทยจะฟื้นตัวเมื่อเทียบ QoQ เพราะไม่มีผลขาดทุนในสต็อกและความเสี่ยงในการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุนน้อยลงมาก แต่การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในระยะต่อไปอาจจะจำกัด จากปริมาณการผลิตและสต็อกผู้ผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงมาก เช่น สหรัฐมีสต็อกน้ำมันดิบ 534.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงว่าปริมาณการรองรับของแทงค์น้ำมันสหรัฐที่ 521 ล้านบาร์เรลไปแล้ว (ปัจจุบันส่วนเกินคงค้างอยู่ในเรือขนส่งหรือในท่อส่งน้ำมัน) และอิหร่าน & ลิเบียมีแผนจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินในระบบก็มีโอกาสสูงขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมันดิบให้อ่อนลงใน 2Q59 สำหรับการลงทุนตามรอบควรมีการขายทำกำไรบ้างเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นแรง เพราะเชื่อว่ายังมีจังหวะอ่อนให้รับกลับ ส่วนการลงทุนระยะยาว ทยอยซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว (หุ้นเด่น BCP, PTT, PTTGC) เพื่อหวังผลตอบแทนเมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นในช่วง 5-6 ไตรมาสข้างหน้า
+ TRUE : กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมแปลงสภาพ TSR ถ้ารายย่อยไม่ใช้สิทธิ บริษัทได้ออก Transferable Subscription Rights : TSR จำนวน 8,391,608,391 หน่วย กำหนด X-TSR วันที่ 19 เมเ.ย.59 อายุ TSR 2 เดือน อัตราส่วนการแปลงสภาพ 1 TSR แลกได้ 1 หุ้นสามัญ ราคาแปลงสภาพ 7.15 บาท/หุ้น ผู้บริหารบริษัทคาดว่าจะแปลงสภาพแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.59 และมั่นใจว่า TSR จะถูกใช้สิทธิเต็มจำนวนเพราะหากรายย่อยใช้สิทธิไม่เต็มจำนวน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้ง 2 ราย คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ China Mobile International Holding Limited พร้อมที่จะใช้สิทธิในส่วนที่เหลือทั้งหมด สำหรับการประมูล 4G ย่าน 900 MHz รอบใหม่อาจไม่เข้าร่วม เพราะมีคลื่นความถี่เพียงพอแล้ว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
- [email protected]