- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 April 2016 18:12
- Hits: 11490
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"แกว่งไม่หลุด 1400 ยังเลือกซื้อ/ถือได้"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BTS (ปรับจากถือเป็น ซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้พักฐานหลังพุ่งขึ้นแรงเมื่อวันก่อน ปิดตลาด SET Index ลดลง 2.59 จุดที่ 1407.70 การซื้อขายอ่อนลงเป็นมูลค่าราว 4 หมื่นกว่าล้านบาท (จากเกือบ 6 หมื่นล้านบาทในวันก่อนหน้า) ทั้งนี้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนก่อนที่จะมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.59 อัตราการว่างงาน และตัวเลข PMI ภาคการผลิตประจำเดือนมี.ค.59 ของ ISM และมาร์กิต นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าซื้อสุทธิต่อ 1.8 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือขายสุทธิ (นำโดยสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท)
สำหรับ วันนี้ Sentiment เป็นลบเพราะกลับมากังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังจากประธานเฟดชิคาโกออกมาหนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.59 1 ครั้ง และอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปี 59 ทั้งนี้เพราะตัวเลขบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2H59 เป็นต้นไป รวมทั้งราคาน้ำมันดิบยังเคลื่อนไหวกรอบแคบเพราะไม่แน่ใจว่าการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่วันที่ 17 เม.ย.นี้จะบรรลุข้อตกลงในการตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐทำสถิติสูงสุดใหม่ 7 สัปดาห์ต่อเนื่องแล้ว (ล่าสุดอยู่ที่ 534.8 ล้านบาร์เรล) สำหรับในประเทศ ก็ยังเป็นการติดตามความคืบหน้าการลงทุนในโครงการภาครัฐ รวมถึงการเปิดประมูล 4G ย่าน 900 MHz ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 24 มิ.ย.59 ราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาที่ JAS ชนะประมูล และมีผู้ประมูลรายเดียวก็ได้ สำหรับเดือนเม.ย.59 หุ้นพื้นฐานที่เป็น Top Picks คือ BA, KBANK, MINT, PTTGC, TMT และ Dark Horse คือ GLOBAL, TPIPL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบเล็กๆ ให้แนวต้านระยะสั้นของ SET Index ไว้ที่ 1410-1420, 1430 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี หลุดฟิวเตอร์ 1400 จุดควรลดพอร์ตตามหรือ Stop Loss ส่วน SET50 มีแนวต้าน 910-920, 930 จุด ส่วนแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดเป็น 900 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและของราคาหุ้น ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น DCC, MALEE, TNH, PYLON, GOLD ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ IMPACT, GFPT, PERM, TPIPL, EPG, TPOLY, TPCH, EGCO, ANAN, PTTGC, CK, INET, AAV, SCI
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สิงคโปร์ : มูดีส์ลดแนวโน้มอันดับเครดิตธนาคารสิงคโปร์ 4 แห่ง คือ ธนาคารดีบีเอส, ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, โอเวอร์ซี-ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป (OCBC) และยูไนเต็ด โอเวอร์ซี แบงก์ (UOB) เป็นเชิงลบ (เดิมมีเสถียรภาพ) เพราะกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร ซึ่งสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว การค้าทั้งภายในประเทศและภูมิภาคขยายตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ข้อดีของธนาคารสิงคโปร์ คือ ยังมีเงินกองทุนแข็งแกร่งและสูงมาก มีการกันสำรองค่าเผื่อฯเพียงพอ และมีสภาพคล่องทางการเงินดี รวมทั้งมีแนวโน้มสูงที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
- สหรัฐ : ประธานเฟดชิคาโกหนุนให้สหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นประธานเฟดสาขาที่ 4 ที่ออกมาเสนอแนวคิดนี้ (ก่อนหน้าเป็นประธานเฟดแอตแลนต้า, ซานฟรานซิสโก, เซนต์หลุยส์) โดยประธานเฟดชิคาโกมองว่าปีนี้สหรัฐน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง คือ ในช่วงมิ.ย.59 และช่วงปลายปี 59
ความเห็นของประธานเฟดชิคาโกทำให้ตลาดเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอีกครั้ง จาก 2 วันก่อนหน้าความกังวลผ่อนคลายลงหลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าจะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ Economic Club of New York
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดอ่อนตัวเล็กน้อย เนื่องจากจำนวนผู้มาขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มมากกว่าคาด รวมทั้งระวังการซื้อขายก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.59 ในวันนี้ (31 มี.ค.59) และกลับมากังวลกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐหลังประธานชิคาโกออกมาหนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้ ดัชนี DJIA ปิดที่ 17,685.09 จุด ลดลง 31.57 จุด
สหรัฐ : จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุด 26 มี.ค.เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 276,000 รายสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 265,000 ราย วันนี้จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.59 ซึ่งผลสำรวจระบุ นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ 4.9% ซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี, ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่เปิดเผยโดย ISM และมาร์กิต, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน เป็นต้น
ราคาน้ำมันดิบ : ทรงตัว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิด +2 เซนต์ ที่ระดับ 38.34 ดอลลาร์/บาร์เรล และ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปิด +34 เซนต์ ที่ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ตลาดยังไม่มั่นใจต่อผลการประชุมวันที่ 17 เม.ย.59 เนื่องจากลิเบียและอิหร่านอาจไม่เข้าร่วมการประชุม ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐอยู่ในระดับ Record High ที่ 534.8 ล้านบาร์เรล (ทำสถิติสูงสุดใหม่ 7 สัปดาห์ต่อเนื่อง)
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้น ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.ปิด +7 ดอลลาร์ ที่ 1,235.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัว และตลาดหุ้นยังผันผวน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
TRUE : กำหนดราคาแปลงสภาพ TSR ที่ 7.15 บาท โดยบริษัทออก TSR ทั้งหมด 8,391.61 ล้านหน่วย จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 2.932445 หุ้นเดิม : 1 TSR ฟรี กำหนด X-TSR วันที่ 19 เม.ย.59 อายุตราสาร 2 เดือน อัตราการใช้สิทธิ 1 TSR แลกได้ 1 หุ้น ในอัตราแปลงสภาพ 7.15 บาท ใช้ร้อยละ 90 ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหุ้น TRUE ช่วง 3-30 มี.ค.59)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การจัดสรร TSR อายุ 2 เดือนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เปรียบเสมือนการเพิ่มทุนทางอ้อม ซึ่งหากมีผู้มาใช้สิทธิแปลงสภาพ TSR ทั้งหมด 8,391.61 ล้านหน่วย บริษัทจะได้รับเงินเข้ามา 6 หมื่นล้านบาท แต่หากมีผู้แปลงสภาพ 60-70% ของทั้งหมดก็ได้เงิน 3.6-4.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ TRUE ประกอบด้วย บริษัทในกลุ่มซีพีประมาณ 40-50% และบริษัท China Mobile International Holdings 18% ซึ่งโอกาสความเป็นไปได้ที่จะมีการแปลงสภาพส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับราคาหุ้น TRUE ในกระดานช่วงที่ใกล้แปลงสภาพด้วยว่าเป็นอย่างไร หากราคาสูงกว่าราคาแปลงสภาพที่ 7.15 บาทพอสมควรก็ส่งผลจูงใจให้มีการแปลงสภาพ แต่ถ้าต่ำกว่ามากก็อาจไม่จูงใจ
กลุ่มสื่อสาร : ที่ประชุมกทค.มีมติกฎเกณฑ์ในการประมูล 4G ย่าน 900 MHz ใหม่ ซึ่งจะเสนอให้บอร์ดกสทช.พิจาณราอนุมัติ 5 เม.ย.นี้ และเปิดทำประชาพิจารณ์ 22 เม.ย. กำหนดวันประมูล 24 มิ.ย.59 โดยเงื่อนไขสำคัญ คือ 1. ตัดสิทธิไม่ให้ผู้ทิ้งประมูลครั้งก่อนเข้าร่วม, 2. ราคาเริ่มต้นประมูลคือ 75,654 ล้านบาท เท่ากับราคาที่ JAS ชนะประมูล, 3. เพิ่มวงเงินค้ำประกันเป็น 5% คือ 3,783 ล้านบาท และเคาะราคาเพิ่มครั้งละ 152 ล้านบาท คือ 0.2% ของราคาเริ่มต้น, 4.หากผู้ชนะไม่มาจ่ายค่าใบอนุญาต จะยึดเงินประกัน 3,783 ล้านบาทและต้องจ่ายค่าเสียหาย 11,348 ล้านบาท หรือ 15% ของราคาเริ่มต้น ทางด้าน DTAC กล่าวว่าบริษัทอาจไม่เข้าร่วมประมูลถ้าเป็นเงื่อนไขตามที่กทค.มีมติดังข้างต้น แต่กทค.กำหนดไว้ว่า แม้มีผู้ประมูลรายเดียวก็สามารถเดินหน้าประมูลได้ (โดยเคาะที่ราคาเริ่มต้น 75,654 ล้านบาทก็ชนะประมูลไปเลย)
+ SCB : ปล่อยกู้ให้กลุ่มทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและค้าปลีกของกลุ่มทีซีซี แลนด์ฯ ซึ่งทางกลุ่มบริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนในช่วงปี 59-65 กว่า 6 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจโรงแรม
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นข่าวบวกกับ SCB ทั้งนี้แม้ว่าสินเชื่อธุรกิจรายย่อยและ SME จะขยายตัวได้ไม่มากนัก แต่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สามารถปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายใหญ่ได้ดี และทำให้สินเชื่อโดยรวมยังคงขยายตัวได้ในปีนี้ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ คาดว่า NPL อาจขยับขึ้นบ้างแต่ไม่มาก โดยในปีก่อน NPL Ratio ปรับขึ้นเป็น 2.89% ในสิ้นปี 58 จาก 2.11% ในสิ้นปี 57 โดยหลักมาจากหนี้เสียของ SSI ที่เข้ามา 2.2 หมื่นล้านบาท (และได้ตัดหนี้สูญไปแล้ว) ด้าน NPL Coverage Ratio สิ้นปี 58 อยู่ที่ 110% เงินกองทุนแข็งแกร่ง โดยมี CAR 17.3% (เป็นขั้นที่ 1 เท่ากับ 14.1%) ฝ่ายวิจัยฯ DBSV แนะนำซื้อ SCB โดยให้ราคาพื้นฐาน 165 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 1.8 เท่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]