- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 March 2016 17:31
- Hits: 2612
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“Sentiment ค่อนไปทางบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับขึ้นแรง โดย SET Index ปิด +17.44 จุดที่ 1410.29 การซื้อขายคึกคักขึ้นเป็นเกือบ6 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่ชะลอการลงทุนไปเพราะไม่แน่นอนว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหรือไม่ ก็กลับมาซื้อคืนหลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่าไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ออกมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวที่ช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มการบิน, โรงแรมและอาหารด้วยนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 8.6 และ 2.2 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายทำกำไร
สำหรับ วันนี้ Sentiment ตลาดค่อนไปทางบวก ความกังวลเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยผ่อนคลายลง การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ยต่ำยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น รวมทั้งการกลับมาซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในช่วงนี้ด้วย ส่วนในประเทศ รัฐบาลพยายามออกข่าวและมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจต่อเนื่อง (ทั้งแจ้งความคืบหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ, ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว &ภาคอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ) สำหรับเดือนเม.ย.59 หุ้นพื้นฐานที่เป็น Top Picks คือ BA, KBANK, MINT, PTTGC, TMT และ Dark Horse คือ GLOBAL,TPIPL หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น KBANK
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก ให้แนวต้านระยะสั้นของ SET Index ไว้ที่ 1420-1430 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี หลุดฟิวเตอร์ 1400จุดควรลดพอร์ตตามหรือ Stop Loss ส่วน SET50 มีแนวต้าน 920,930 จุด ส่วนแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดเป็น 900 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและของราคาหุ้น ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น AAV, EGCO, ANAN, SCI, PTTGC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ในList และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ IMPACT, CK, GFPT, PERM, TPIPL, EPG, TPOLY, INET, TPCH, VGI, AP, GLOBAL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : การจ้างงานภาคเอกชนแข็งแกร่ง โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนมี.ค.59 เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (การจ้างงานภาคบริการเพิ่ม 191,000 ตำแหน่ง ส่วนภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,000 ตำแหน่ง)
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.59 ที่จะออกมาวันศุกร์นี้ ซึ่งผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานฯจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานน่าจะทรงตัวที่ 4.9%ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปีของสหรัฐ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ ดัชนี DJIA ปิด +83.55 จุดที่ 17,716.66จุด เพราะนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยการปรับลดโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยลงเหลือ 1 ครั้งของซิตี้กรุ๊ปหลังนางเยลเลนกล่าวสุนทรพจน์และย้ำกว่าเฟดไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย และการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่แข็งแกร่งในเดือนมี.ค.ช่วยหนุนด้วย
• ราคาน้ำมันดิบ : ขยับบวกเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI และBRENT ส่งมอบพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.04 และ 0.12 ดอลลาร์ปิดที่ 38.32 และ39.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA เปิดเผยสต็อกรายสัปดาห์สิ้นสุด 25มี.ค.พบว่าเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลเป็น 534.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่คาดและต่ำกว่ารายงานของ API เล็กน้อย ด้าน IEA กล่าวว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากอิหร่านที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันดิบมากนัก เพราะมีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้และได้สะท้อนในราคาตลาดไปบ้างแล้ว
• ราคาทองคำ : ลดลง 0.7% โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดลดลง 8.9 ดอลลาร์มาแตะระดับ 1228.60 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนชะลอการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาดี และประเมินว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ที่จะออกมาวันศุกร์นี้จะแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
• ADB ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 59 ลงเป็นเติบโต 3%สะท้อนภาคส่งออกที่ฟื้นตัวช้า เพราะเศรษฐกิจโลกซบเซา เศรษฐกิจจีนที่ชะลอการเติบโตและมีผลต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก...อย่างไรก็ดี การปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวของ ADB อยู่ในประมาณการของตลาดอยู่แล้ว
+ กลุ่มค้าเหล็ก : กำไรสุทธิ 1Q59 แข็งแกร่ง โดยเป็นผลจากราคาเหล็กในประเทศช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ปรับขึ้นสวนตลาดโลก เพราะอุปทานตึงตัวหลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ลดการผลิตลงเพราะมีติดปัญหาทางการเงินและยังไม่มีความชัดเจนเรื่องอัตราค่าธรรมเนียม AD จากการนำเข้าเหล็กผู้นำเข้าจึงต้องชะลอการนำเข้าไปก่อน ขณะที่ดีลเลอร์ก็มีสต็อกเหลือน้อยมากในช่วงปลายปี 58 และคาดว่าอุปสงค์เหล็กจะมีมากขึ้นในระยะต่อไปโดยเฉพาะจากโครงการลงทุนภาครัฐและการลงทุนในโครงข่ายของธุรกิจ4G จึงมีการเร่งซื้อกัน หุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น TMT (แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 11.80 บาท และคาดการณ์ Dividend Yield ปี 59 เท่ากับ 7.8%)
+ กลุ่มสื่อสาร : กสทช.จะสรุปเกณฑ์และราคาตั้งประมูลคลื่น 900MHz เพื่อเปิดประมูลรอบใหม่ในเดือนมิ.ย.59 โดยตัวเลขราคาเริ่มประมูลที่กำลังพิจารณามี 3 ตัวเลข คือ 7.0, 7.3 และ 7.5 หมื่นล้านบาททั้งนี้จะนำเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุมคณะกรรมการกสทช.วันที่ 5 เม.ย.59 แล้วเปิดรับฟังความคิดเห็นและสรุปตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้งเพื่อเปิดประมูลในเดือนมิ.ย.
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : หุ้นกลุ่มสื่อสารมีโอกาสซื้อขายกันคึกคักอีกรอบในช่วงการเปิดประมูลรอบใหม่ คือ มิ.ย.59 โดยคาดว่าในรอบนี้ทาง ADVANC และ DTAC น่าจะเป็นคู่แข่งขันหลักที่จะชิงใบอนุญาต4G ย่าน 900 MHz นี้ ซึ่งมีอายุสัมปทาน 10 ปี ขณะที่ TRUE กำลังดูว่าราคาประมูลจะเป็นเท่าไร เพื่อไม่ให้เสียเปรียบหลังจากชนะประมูลไปแล้วที่ราคา 76.298 ล้านบาท เราให้น้ำหนักการลงทุน Neutral กลุ่มสื่อสาร โดยราคาหุ้น ADVANC (ราคาพื้นฐาน 193 บาท), INTUCH (ราคาพื้นฐาน 66บาท), DIF (ราคาพื้นฐาน 14.3 บาท) เหลือ Upside จากราคาพื้นฐานเหลือเพียง 3-4% ส่วน DTAC เต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐาน 40 บาทส่วน TRUE และ JAS เราเป็น Not Rated ทั้งนี้ TRUE หมดช่วงเวลาที่ใช้ราคาหุ้นคำนวณราคาแปลงสภาพของ TSR (จำนวน 1.5 หมื่นล้านหน่วย)แล้ว ซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 90 ของราคาหุ้นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักในช่วงวันที่3-30 มี.ค.59 ส่วนวัน X-TSR คือวันที่ 19 เม.ย.59 โดย TSR มีอายุ 2 เดือน
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : สินเชื่อช่วง 2M59 ยังซบเซา โดยลดลง0.4%YTD สินเชื่อที่ยังขยายตัวได้เป็นสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของลูกค้ารายใหญ่และ SME และมีเพียง BAY, KBANK, KKP และ TMB ที่สินเชื่อขยายตัวได้ในเดือนก.พ.59 เมื่อเทียบ MoM สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังหดตัวเพราะการชำระคืนหนี้มีมากกว่าการปล่อยใหม่ สินเชื่อรายย่อยถูกจำกัดด้วยความระมัดระวังในการปล่อยของธนาคารเนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง อย่างไรก็ตาม คาดว่าสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้น จากการลงทุนในโครงการภาครัฐที่คืบหน้ามากขึ้น การลงทุนที่เกี่ยวกับ 4G ซึ่งรวมถึงการออกแบงค์การันตีด้วยสำหรับแบงค์ใหญ่ เราให้ KBANK เป็น Top Pick ราคาพื้นฐาน 211 บาทเพราะมีการกระจายความเสี่ยงเรื่องรายได้และพอร์ตสินเชื่อที่ดี บริหารจัดการเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีแม้ว่าจะมีลูกค้า SME มาก ส่วนแบงค์เล็กเราชอบ TCAP ราคาพื้นฐาน 42 บาท เนื่องจากพึ่งพิงสินเชื่อรายย่อยน้อยลง โดยมีสัดส่วนสินเชื่อรายใหญ่และ SME เข้ามาช่วยเสริมมากขึ้น ได้ประโยชน์ด้านภาษีจากการปิดบัญชี SCIB ทำให้อัตราภาษีจะต่ำในช่วงปี59-60 และจ่ายปันผลสูง คาด Yield ปี 59-60 ไว้ที่ 4.5% และ 5.0%ตามลำดับ
+ โครงการลงทุนภาครัฐขยับตัวมากขึ้นตั้งแต่เม.ย.59 เป็นต้นไป โดย1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) จะเข้าพิจารณาในที่ประชุม PPP ปลายเดือนเม.ย.59 และเข้าพิจารณาในครม.ต้นพ.ค.นี้ ซึ่งโครงการนี้เป็น 1 ใน 5 ของมาตรการ PPPFast Track, 2.โครงการสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-หัวหมาก) และสายแดงเข้ม(บางซื่อ-หัวลำโพง) คาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาภายในเดือนเม.ย.59และประกาศประกวดราคาในเดือนก.ค.59, 3.โครงการมอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด เร่งให้เบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 15% และทบทวน EIA โครงการทางหลวงพิเศษสายบางใหญ่-กาญนบุรีให้เสร็จภายในเม.ย.59, 4. โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในส.ค.59
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค– [email protected]